Feature

แฮนด์บอลอองรี : ย้อนเกมเดือด ฝรั่งเศส-ไอร์แลนด์ หนึ่งในแมตช์ลูกหนังที่ชวนให้โลกจำ | Main Stand

“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาของเราจะเขียนจดหมายถึงฟีฟ่าเพื่อสนับสนุนข้อร้องเรียนนั้นและมองถึงการแข่งขันใหม่ ผมจะไม่ยกระดับสถานะทางการทูตที่สูงขนาดนั้น ผมแค่ต้องการเห็นการจัดการในระดับพื้นฐานของหน่วยงานกำกับดูแลของฟุตบอลเท่านั้น” 

 

“การเล่นอย่างยุติธรรมเป็นพื้นฐานของการแข่งขัน และผมคิดว่าการร้องเรียนอย่างเป็นทางการ (โดย FAI - สมาคมฟุตบอลไอร์แลนด์) จะได้รับการสนับสนุนโดยพวกเรา (รัฐบาล)” ไบรอัน โคเวน นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ (ในขณะนั้น) กล่าวเมื่อมาประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป ปี 2010

ย้อนกลับไปในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2009 กับเกมเพลย์ออฟตัดสินหาผู้ชนะไปลุยฟุตบอลโลก 2010 นัดสอง เมื่อ ฝรั่งเศส เปิดบ้านเสมอ ไอร์แลนด์ 1-1 ทำให้สกอร์รวมสองนัด เป็นทีมตราไก่คว้าตั๋วไปเวิลด์คัพที่แอฟริกาใต้ได้สำเร็จ 

อย่างไรก็ดี ชัยชนะของฝรั่งเศสครานี้กลับไม่ได้ถูกชื่นชม แต่มันกลับถูกพูดถึง “ที่มา” ของประตูตีเสมอ ซึ่งเริ่มจากการทำแฮนด์บอลของ เธียร์รี่ อองรี ก่อนที่ วิลเลี่ยม กัลลาส จะโขกเข้าประตู นำมาซึ่งข้อเรียกร้องและเสียงวิจารณ์หลากหลาย โดยเฉพาะกับผู้เสียหายโดยตรงอย่างทัพไอริช จนกลายเป็นหนึ่งในแมตช์ที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกจดจำในมุมลบมากกว่าบวก

Main Stand อาสาพาผู้อ่านทุกท่านย้อนกลับไปติดตามเรื่องราวของเกมคู่ดังกล่าวกันอีกครั้ง และมาดูผลกระทบที่ตามมาในช่วงเวลาหลังจบการแข่งขัน 120 นาที

 

เหตุเกิดที่ ปาร์ก เดส์ แปร็งส์

กับเส้นทางสู่ฟุตบอลโลก 2010 ของพลพรรคเลอ เบลอส์ ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้ราบรื่นตั้งแต่ออกสตาร์ทการแข่งขัน และหากจะบอกว่าแฟน ๆ ตราไก่ ไม่สบอารมณ์กับผลงานทีมในช่วงเวลาดังกล่าวก็คงไม่ผิดอะไร 

เพราะทัวร์นาเมนต์ใหญ่ก่อนหน้านี้อย่าง ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2008 เรมงต์ โดเมเนค เพิ่งพาทีมตกรอบแรกมาหมาด ๆ จากผลงานเสมอ 1 แพ้ 2 จบบ๊วยของกลุ่ม C ที่มี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และ โรมาเนีย เป็นเพื่อนร่วมสาย

กลับมาที่ศึกคัดเวิลด์คัพที่มีตั๋วสู่แอฟริกาใต้เป็นเดิมพัน ทีมดีกรีรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ทำผลงานจบด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม 7 ในรอบคัดเลือก โซนยุโรป ปล่อยให้ เซอร์เบีย ที่ชื่อชั้นดูรองบ่อนกว่าปาดหน้าจบด้วยการเป็นที่หนึ่งของสาย 

ทำให้ทีมของโดเมเนคต้องมาเหนื่อยเพิ่มอีกสองนัดกับการแข่งขันรอบเพลย์ออฟแบบเหย้าเยือน ชนกับ ไอร์แลนด์ ในฐานะทีมอันดับสองจากกลุ่ม 8 

มองมายังชื่อชั้นของทั้งสองทีม แน่นอนว่าฝรั่งเศสที่อยู่ในยุคผสมผสานขุมกำลังวัยเก๋าผสมกับเหล่าดาวโรจน์สายเลือดใหม่ประดับวงการแดนน้ำหอมตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็น วิลเลี่ยม กัลลาส, เธียร์รี่ อองรี, อูโก้ ญอริส และ คาริม เบนเซม่า ดูเหนือกว่าชัดเจน 

ขณะที่ทีมไอริชยึดผู้เล่นมากประสบการณ์จากพรีเมียร์ลีกลงบู๊ นำทีมโดย ร็อบบี้ คีน, จอห์น โอเช รวมถึง เดเมี่ยน ดัฟฟ์ และที่สำคัญพวกเขามีมีกุนซือประสบการณ์สูงรายหนึ่งบนโลกลูกหนังอย่าง โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ กุมบังเหียน

การดวลกันในยกแรกที่โครค ปาร์ก ในกรุงดับลิน จบลงด้วยชัยชนะ 1-0 ของผู้มาเยือน ทว่าด้วยการที่สกอร์ไม่ได้ดูห่างเกินไป กอปรกับกึ๋นของเฮดโค้ชขรัวเฒ่าฉายา “อิลแทร็ป” นั้นทำให้คอลูกหนังยักษ์เขียวยังคงสปิริตเปี่ยมล้น พร้อมความเชื่อมั่นว่านักเตะของพวกเขาจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้ที่ปาร์ก เดส์ แปร็งส์

ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ท่ามกลางแฟน ๆ ส่วนใหญ่ในสังเวียนที่มหานครปารีสต้องเงียบกันไปตาม ๆ กันเมื่อเล่นไปเล่นมา ร็อบบี้ คีน กัปตันไอริชมากดสกอร์เบิกร่องออกนำไปก่อน 1-0 ตั้งแต่ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของการแข่งขัน กลายเป็นว่าสกอร์รวมกลับมาเท่ากันที่ 1-1

เวลาต่อจากนั้น ฝรั่งเศสก็ไม่สามารถทำประตูตีเสมอในเวลาปกติ 90 นาทีได้ นั่นทำให้เกมคู่นี้ต้องยืดเยื้อไปอีก 30 นาที 

สถานการณ์ของผู้มาเยือนในตอนนั้น แม้จะชื่อเป็นรองกว่าแต่ก็ไม่มีอะไรจะเสีย นั่นเพราะพวกเขาทำผลงานชวนประทับใจแฟน ๆ มาตั้งแต่เกมที่แล้ว และมีโอกาสหยิบตั๋วไปลุยเวิลด์คัพบนผืนแผ่นดินทวีปแอฟริกาเช่นกัน

อย่างไรก็แล้วแต่ ฝันของไอริชชนที่ชมการแข่งขันดังกล่าวต้องมาพังลงไปต่อหน้า เมื่อนาทีที่ 103 ของการแข่งขัน ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายได้ประตูตีเสมอ 1-1 จาก วิลเลี่ยม กัลลาส มากไปกว่านั้น องศาความเดือดยังทวีคูณเข้าไปอีก เพราะที่มาของประตูนี้มีการทำ “แฮนด์บอล” เกิดขึ้นก่อน

จากจังหวะที่ ฟลอร็องต์ มาลูด้า เปิดฟรีคิกเข้ากรอบเขตโทษผู้มาเยือน พอล แม็คเชน พยายามปล่อยให้บอลออกหลัง ทว่า เธียร์รี่ อองรี ที่วิ่งสอดเข้ามาจากด้านหลังเกมรับ เขาใช้มือแตะที่ลูกฟุตบอล ก่อนจะใช้ท่อนแขนของตัวเองบังคับให้บอลอยู่กับตัว ก่อนจะเปิดบอลเข้ากลางถึงกัลลาสโขกจ่อ ๆ ผ่านมือ เชย์ กิฟเว่น เข้าไป

ทันทีที่ลูกบอลซุกก้นตาข่าย เหล่าแข้งไอร์แลนด์เช่นเดียวกับตราปัตโตนี่ สตาฟ และตัวสำรองบริเวณซุ้มม้านั่งข้างสนาม รวมใจกันประท้วงทันที เพราะนี่คือการทำแฮนด์บอลที่ชัดเจน แถมผู้ชมที่ดูการถ่ายทอดสดก็ยากจะปฏิเสธว่าอองรีทำไม่ได้ทำแฮนด์บอลจริง ๆ เนื่องด้วยมีภาพช้าจับเอาไว้หมด

ทว่าทางทีมผู้ตัดสิน นำโดย มาร์ติน ฮาร์นสัน กลับไม่ได้ว่าอะไร ยืนยันคำตัดสินของตัวเองที่ชี้ว่าเป็นประตูตีเสมอของเจ้าถิ่น และเมื่อเวลาในสนามเริ่มเหลือน้อยเต็มที มันก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

ก่อนจะสิ้นเสียงนกหวีดยาวของผู้ตัดสินจากสวีเดน ฝรั่งเศสก็คว้าสิทธิ์ไปฟุตบอลโลก 2010 จากชัยชนะสกอร์รวม 2-1

 

หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาว

กระแสจากเรื่องดังกล่าวนี้คุกรุ่นทันทีที่เกม 120 นาทีสิ้นสุดลง และการได้ประตูแบบไม่ชอบมาพากลลูกนี้ก็ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง 

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ไล่มาตั้งแต่ เธียร์รี่ อองรี ที่สื่อกีฬาหลากสำนักพร้อมใจกันกำหนดวาระสำคัญของข่าวสาร (Agenda setting) เลือกหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาชูเป็นพาดหัว เกิดบทความและข้อเขียนต่าง ๆ นานา อาทิ “La Main de Dieu” หรือ “Le Hand of God” ที่แปลเป็นไทยว่า “หัตถ์พระเจ้า” ล้อเหตุการณ์ของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ที่เคยทำประตูในลักษณะนี้เมื่อปี 1986

ไปจนถึงการรอคำตอบจากผู้ตัดสินอย่าง มาร์ติน ฮาร์นสัน, มุมความคิดเห็นจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ไปจนถึงการเรียกร้องให้มีการแข่งขันใหม่ และการพิจารณาเพิ่มโควตาฟุตบอลโลกจาก 32 ทีม เป็น 33 ทีม จากฝั่งที่เสียผลประโยชน์อย่างทัพไอริช เป็นต้น

และยังไม่นับการนำกระแสดังกล่าวไปปรากฏบนเวทีระหว่างประเทศ ดังกรณีที่ ไบรอัน โคเวน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐไอร์แลนด์ในเวลานั้น กล่าวถึงกระแสดังกล่าวโดยตรงกับ นิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ช่วงก่อนประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อต้นปี 2010 มาแล้ว

“พวกเขา (สมาคมฟุตบอลฝรั่งเศส) จำเป็นต้องมองตัวเองในสถานการณ์นี้ อองรีเป็นกัปตันทีมและเป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม แต่เขาอยากเป็นเหมือน ดิเอโก้ มาราโดน่า หรือเปล่า และภาพจำติดตัวเขาปรากฏเป็นภาพการทำแฮนด์บอล เป็นประตูที่พาพวกเขาไปฟุตบอลโลกอย่างไม่ยุติธรรม” The Guardian เผยบทสัมภาษณ์ของ จอห์น เดลานีย์ หัวหน้าผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลไอร์แลนด์ (FAI)

“นี่เป็นเกมที่คนทั้งโลกกำลังเฝ้าดู ถ้าฟีฟ่าเชื่อในการเล่นที่ยุติธรรมและความซื่อสัตย์ นี่คือโอกาสของพวกเขาที่จะทำให้เรื่องนี้ก้าวไปข้างหน้าได้” 


 
“ใช่ มันเป็นแฮนด์บอล” ข้อความสำคัญที่ เธียร์รี่ อองรี พูดยอมรับในทุก ๆ บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ที่ซึ่งทำให้ตัวเขาโดนข้อความขู่หลายต่อหลายครั้งและโยงใยไปยังครอบครัวของเขาอีกด้วย 

นอกจากนี้อองรียังรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่เรื่อยมา และเคยออกมาสนับสนุนให้รีแมตช์เสียด้วยซ้ำ  

“ทางออกที่แฟร์ที่สุดคือให้มีการแข่งรีเพลย์ แต่เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของผม ผมเองก็รู้สึกละอายกับแนวทางที่เราเป็นฝ่ายชนะ และรู้สึกเสียใจต่อชาวไอริชจริง ๆ ที่สมควรจะได้ไปอยู่ที่แอฟริกาใต้ ผมบอกไปหลายครั้งแล้ว” 

“และผมขอพูดอีกครั้งว่า ใช่ครับ ผมใช้มือเล่นบอล แต่ผมไม่ใช่คนขี้โกง ผมไม่เคยคิดด้วยซ้ำ มันเป็นปฏิกิริยาโดยสัญชาตญาณที่มีต่อลูกฟุตบอลที่พุ่งมาเร็วมาก ๆ ในกรอบเขตโทษที่เต็มไปด้วยนักเตะทั้งสองทีม”

กาลเปลี่ยนผ่านมาร่วมทศวรรษ มาร์ติน ฮาร์นสัน ผู้ตัดสินเกมดังกล่าว ได้เปิดเผยกับ The Athletic โดยหนึ่งในข้อความสำคัญคือเรื่องการตัดสินใจในจังหวะชี้เป็นชี้ตายในเวลานั้น “เขา (อองรี) บอกว่าเขาเสียใจ แต่เขาต้องบอกเรา (ทีมผู้ตัดสิน) ว่ามันเป็นแฮนด์บอลที่จงใจให้เป็นประตู ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แต่ผมเห็นว่ามันเป็นประตูและมันเกิดขึ้นจากบริเวณศีรษะของเขา (กัลลาส) หรืออย่างน้อยก็เป็นไหล่ของเขา” 

“มันเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดในอาชีพการงานของผม”

แม้ผลการแข่งขันจะเปลี่ยนไม่ได้แล้ว เมื่อฟีฟ่ายืนยันว่าเกมคู่ดังกล่าวจะไม่มีการแข่งขันใหม่ มาร์ติน ฮาร์นสัน ยืนยันในสิ่งที่เห็นในจังหวะเสี้ยววินาที พร้อมความรู้สึกขอโทษคนไอร์แลนด์ 

ส่วน เธียร์รี่ อองรี ก็ไม่ได้โดนโทษอะไรย้อนหลัง จากการพิจารณาของฟีฟ่าผ่านเอกสารที่ตรวจสอบ มองว่าสตาร์ตราไก่ไม่มีเจตนาโกงคู่แข่ง

ทว่าผลลัพธ์สำคัญประการหนึ่งที่ตามมาหลังเกมดังกล่าวคือข้อเสนอและเรียกร้องให้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตัดสินการแข่งขัน และมันนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างในแวดวงลูกหนังใบกลมในกาลต่อมา

 

กรณีศึกษาสำคัญ

เหตุการณ์แฮนด์บอลอองรีในครั้งนี้กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้คนในวงการฟุตบอลตั้งคำถามถึงการตัดสินเหตุการณ์ในสนาม 

ยิ่งโลกสมัยใหม่มี “เทคโนโลยี” มาช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิต ชนิดแทบจะทุกอิริยาบถ ทำให้การนำเทคโนโลยีมาช่วยตัดสินเกมการแข่งขันฟุตบอลเริ่มถูกพูดถึงอยู่เรื่อย ๆ เช่นกัน 

ใจความสำคัญหนีไม่พ้นการช่วยขจัดการเล่นนอกกติกา และยังทำให้ผู้ตัดสินคาดโทษผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น ๆ ได้ทันที 

ฟีฟ่าเริ่มต้นด้วยการนำเทคโนโลยีโกลไลน์ (Goal-line technology) มาช่วยตัดสินเป็นครั้งแรกในฟุตบอลโลก 2014 

ต่อด้วยการนำเทคโนโลยี VAR (Video Assistant Referee) หรือการดูภาพรีเพลย์ในมุมต่าง ๆ ด้วยกล้องซูเปอร์ สโลว์-โมชั่น (Super slow-motion) เพื่อดูจังหวะกังขาต่าง ๆ ระหว่างการแข่งขันที่ริเริ่มเป็นทางการในระดับนานาชาติหนแรกในฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ 2017 ก่อนจะเฉิดฉายสู่สายตาแฟนฟุตบอลทั่วโลกในฟุตบอลโลก 2018 

แต่เหรียญย่อมมีสองด้าน เพราะในอีกมุมหนึ่ง หลาย ๆ ครั้งการนำ VAR มาใช่ก็ถูกตั้งคำถามตีกลับเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการทำลายเสน่ห์ของเกมการแข่งขัน 

อย่างไรเสีย เทคโนโลยีดังกล่าวก็ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่เรื่อยมา เพื่อให้เกมฟุตบอลแต่ละนัดเกิดการตัดสินอย่างเป็นธรรมและถูกต้องมากที่สุด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดของผู้ตัดสินในเกมนั้น ๆ ด้วย

ยังไม่นับเรื่องการเปลี่ยนกฎแฮนด์บอลใหม่ที่ถูกนำมาใช้ตัดสินเหตุการณ์ในสนาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าในหลาย ๆ ครั้ง กรณีศึกษาจากเกม ไอร์แลนด์ - ฝรั่งเศส เมื่อปี 2009 จะถูกหยิบยกมาเป็นตัวอย่างบ่อย ๆ

ทั้งนี้เพื่อเป็นเครื่องการันตีว่าในทุก ๆ เกมการแข่งขันต่อจากนี้ นักเตะคนใดคนหนึ่งจะทำผิดกติกาทั้งที่เจตนาหรือไม่เจตนาไม่ได้อีกแล้ว เพราะทุกสายตากำลังจับจ้องอยู่

หากย้อนกลับไปในวันนั้น แฮนด์บอลของอองรีอาจถูก VAR ตรวจสอบ รวมกับการมองเจตนากฎแฮนด์บอลจากทีมผู้ตัดสิน อาจนำมาซึ่งการริบประตูตีเสมอจากกัลลาส 

ขณะที่ผู้ตัดสินหลักอย่างฮาร์นสันก็อาจจะถูกสังคมโจมตีน้อยลง อีกทั้งเกมอาจยืดไปถึงการดวลลูกโทษตัดสิน

และไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาหน้าไหน แต่เสียงเรียกร้องและข้อวิจารณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นเลย บางที เธียร์รี่ อองรี อาจจะกลายเป็นคนที่สบายใจกับเรื่องนี้มากที่สุด

 

แหล่งอ้างอิง

https://bleacherreport.com/articles/293677-france-1-1-ireland-aet-the-game-that-got-the-whole-world-talking 
https://bleacherreport.com/articles/293265-france-ireland-football-match-recap-world-cup-playoffs 
https://en.wikipedia.org/wiki/2009_Republic_of_Ireland_v_France_football_matches 
https://www.theguardian.com/football/2009/nov/19/republic-of-ireland-france-world-cup 
https://www.france24.com/en/20091119-irish-pm-backs-football-associations-demand-replay-france-ireland-match 
https://www.independent.ie/irish-news/pillar-of-the-game-is-reduced-to-a-figure-of-ridicule-26583735.html 
https://theathletic.com/1383406/2019/11/18/finding-martin-hansson-the-henry-handball-ref/ 

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ