ถ้าพูดถึงการเล่นฟุตบอลอาชีพ แน่นอนว่านักฟุตบอลทุกคนต้องอยากมีอาชีพการค้าแข้งที่ดีและราบรื่นไปตลอดตั้งแต่ต้นจนจบอยู่แล้ว
แต่โลกของกีฬาฟุตบอลมักจะมีขึ้นมีลงเสมอ ทำให้นักฟุตบอลหลายคนมักจะมีอาชีพการค้าแข้งที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง เช่นเดียวกันกับชีวิตของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง กับสถานการณ์ที่กำลังพบเจออยู่ในตอนนี้
Main Stand จะไล่เรียงว่าเหตุการณ์ในชีวิตค้าแข้งของเขามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ?
สร้างชื่อจากทัพเสือเหลือง
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ถือเป็นนักเตะที่มีเส้นทางการค้าแข้งสุดพเนจรมิใช่น้อย เพราะถึงเขาจะเติบโตมาในทีมเยาวชนของ เอซี มิลาน แต่กลับต้องร่อนเร่ไปค้าแข้งกับสโมสรต่าง ๆ ในฝรั่งเศส บ้านเกิด และย้ายออกไปโดยที่ไม่เคยลงเล่นให้กับทีมปีศาจแดงดำชุดใหญ่เลยแม้แต่เกมเดียว
แต่คนมันจะดังก็หาทางเกิดได้ เพราะการย้ายมาอยู่กับ แซงต์ เอเตียน ด้วยสัญญายืมตัวเมื่อปี 2011 ทำให้เขาได้รับโอกาสลงสนาม โชว์ฟอร์มยิงประตูอย่างต่อเนื่องจนได้รับสัญญาถาวร ก่อนแจ้งเกิดเต็มตัวในฤดูกาล 2012-13 ที่เขายิงไป 19 ประตู เป็นรองดาวซัลโวลีกเอิง จนไปเตะตา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องคว้าตัวมาร่วมทีมทันทีหลังจบซีซั่นดังกล่าวด้วยค่าตัวประมาณ 11 ล้านปอนด์
ฤดูกาล 2013-14 ซีซั่นแรกกับดอร์ทมุนด์ เขาจับคู่กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง และผลงานของตัวเขาก็ถือว่าน่าพอใจ เขาลงสนามรวมทุกรายการ 48 นัด ทำไป 16 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์
ฤดูกาลต่อมา 2014-15 เลวานดอฟสกีตัดสินใจย้ายไปอยู่กับคู่ปรับร่วมลีกอย่าง บาเยิร์น มิวนิค หลังหมดสัญญา ทำให้ดอร์ทมุนด์ผลักดันโอบาเมยองให้รับหน้าที่เป็นกองหน้าตัวเป้าแทน และผลงานของเขายังดีอย่างต่อเนื่อง ลงเล่นรวมทุกถ้วย 46 นัด ทำได้ 25 ประตู กับ 11 แอสซิสต์
ยิ่งเขาได้รับโอกาสเป็นตัวจริงเรื่อย ๆ ก็สามารถตอบแทนความไว้ใจของผู้จัดการทีมได้เป็นอย่างดี โดยฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขากับดอร์ทมุนด์ต้องยกให้ฤดูกาล 2016-17 เพราะถึงแม้ บาเยิร์น มิวนิค ได้ครองถาดแชมป์บุนเดสลีกาเหมือนเช่นเคย แต่เขาก็ยังพาทีมได้แชมป์ เดเอฟเบ โพคาล พร้อมฝากผลงานรวมทุกรายการ 46 นัด ทำไป 40 ประตู กับ 5 แอสซิสต์ โดยเป็น 31 ประตูในลีก ทำให้เขาคว้ารางวัลดาวซัลโวบุนเดสลีกาซีซั่นดังกล่าวไปครอง
ฤดูกาล 2017-18 โอบาเมยองยังคงทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลดังกล่าวเขาลงสนาม 16 นัด ยิงได้ถึง 13 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ ทำให้โอบาเมยองเริ่มได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรป หนึ่งในนั้นคือ อาร์เซนอล และก็เป็นทัพ “ปืนใหญ่” ที่คว้าตัวเขาไปเสริมทีมในตลาดเดือนมกราคม 2018 ด้วยค่าตัวประมาณ 56 ล้านปอนด์
โดดเด่นกับปืนใหญ่
หลังจากที่โอบาเมยองได้ย้ายมาสวมเสื้อสีแดง-ขาว มาตรฐานเรื่องของการทำประตูก็ยังคงไม่ตก ด้วยการฝากผลงาน 10 ประตู 4 แอสซิสต์ จากการลงสนามในพรีเมียร์ลีก 13 นัด
ต่อมาในฤดูกาล 2018-19 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกแบบเต็มตัวของเขากับอาร์เซนอล โอบาเมยองลงเล่นตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายจับคู่กับ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศส คอยช่วยกันทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ส่งให้ทีมของ อูไน เอเมรี่ เฮดโค้ชในเวลานั้น ทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโรปาลีก แต่สุดท้ายพวกเขาก็พลาดโอกาสคว้าแชมป์จากการแพ้ เชลซี 1-4 ถึงแม้ฤดูกาลนั้นทีมจะผิดหวังที่ไม่ได้ถ้วยแชมป์มาประดับสโมสร แต่ผลงานส่วนตัวของโอบาเมยองก็ถือว่าท็อปอยู่ เขายิงไป 31 ประตู กับ 8 แอสซิสต์ จาก 51 นัด รวมทุกรายการ
เมื่อตัวเขาทำผลงานได้ดีกับอาร์เซนอล สโมสรจึงตัดสินใจมอบสัญญาฉบับใหม่ให้กับนักเตะพร้อมให้ค่าเหนื่อยที่แตะในระดับ 300,000 ปอนด์/สัปดาห์ ถึงปี 2023 ซึ่งในระหว่างฤดูกาล 2019-20 เขาได้รับโอกาสสวมปลอกแขนกัปตันทีมอยู่หลายนัด พร้อมทั้งฝากผลงานส่วนตัวที่น่าพอใจเอาไว้ที่ 29 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ จาก 44 นัดรวมทุกรายการ และเขายังมีส่วนสำคัญที่พาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพมาครองได้สำเร็จด้วยการยิงประตูทั้งในรอบรองชนะเลิศที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 และรอบชิงชนะเลิศที่เฉือนชนะ เชลซี 2-1
ปลอกแขนอาถรรพ์ทำหมดอนาคต
การได้ปลอกแขนกัปตันทีมในช่วงแรกของโอบาเมยองยังดูไม่ค่อยมีปัญหามากนัก แต่พอเข้าสู่ฤดูกาล 2020-21 แฟนบอลเริ่มตั้งข้อสงสัยแล้วว่าปลอกแขนนี้จะมีอาถรรพ์เหมือนกับหลายคนที่เคยสวมหรือเปล่า ?
เพราะในฤดูกาลดังกล่าว ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง เริ่มมีปัญหารุมเร้ามากขึ้น ทั้งอาการบาดเจ็บ รวมไปถึงเขาเคยป่วยเป็นโรคไข้มาลาเรียด้วยในช่วงเวลาหนึ่ง ส่งผลกระทบต่อโอกาสในการลงสนามและฟอร์มการเล่นของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาลงสนามไป 39 นัด ทำได้เพียง 15 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ เท่านั้น
กระทั่งฤดูกาล 2021-22 ปัญหาครั้งใหญ่ก็ทำให้เขาหมดอนาคตในทีมอาร์เซนอลทันที นั่นคือการไปทะเลาะกับ มิเกล อาร์เตต้า เฮดโค้ชคนปัจจุบันของทัพปืนใหญ่ ทำให้อาร์เตต้าตัดสินใจหั่นชื่อเขาออกจากทีมชุดใหญ่และยึดปลอกแขนกัปตันทีมทันที มิหน้ำซ้ำนักเตะยังมีปัญหาเรื่องของหัวใจเต้นผิดจังหวะอีกด้วย ทำให้ในท้ายที่สุดเขาก็อยู่กับทัพ “ปืนใหญ่” ต่อไม่ได้ อาร์เซนอลยอมขาดทุน ปล่อยตัวเขาไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า แบบฟรีเอเยนต์ในตลาดมกราคม 2022
6 เดือนที่เหมือนกลับมาเกิดใหม่
การย้ายไปเล่นใน ลา ลีกา สเปน ของโอบาเมยองเหมือนจะทำให้เขากลับมาเป็นผู้เล่นที่ดีได้อีกครั้ง โดยที่บาร์เซโลน่าเขาได้รับบทบาทลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า คอยประสานงานร่วมกับตัวริมเส้นอย่าง อันซู ฟาติ และ อุสมาน เดมเบเล่
ซึ่งผลงานของเขาในสีเสื้อของบาร์ซ่าคือ ลงสนามรวมทุกรายการไป 23 นัด ทำไป 13 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ โดยเขากลายเป็นดาวซัลโวของทีมในฤดูกาล 2021-22 ร่วมกับ เมมฟิส เดปาย ทั้งที่เขาเพิ่งย้ายมาเล่นในสเปนได้แค่ครึ่งฤดูกาลเท่านั้น
ดำดิ่งอีกครั้ง
หลังจบฤดูกาล 2021-22 ผลงานของโอบาเมยองไปเข้าตาทีมอย่าง เชลซี ที่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของใหม่ โดยเชลซีตัดสินใจทุ่มเงินประมาณ 12 ล้านปอนด์ เพื่อดึงโอบาเมยองมาเติมเต็มเรื่องของการทำประตู ซึ่งตัวนักเตะก็โอเคที่จะย้ายมาเล่นในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เพราะที่นั่นมี โธมัส ทูเคิ่ล เป็นนายใหญ่กุมบังเหียนอยู่ และทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาแล้วที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในช่วงปี 2015-2017 ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่โอบาเมยองทำผลงานได้ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งของเขา
แต่แล้วปัญหาก็มาเกิดขึ้นกับโอบาเมยองอีกครั้ง เมื่อ ทูเคิ่ล นายใหญ่ชาวเยอรมัน ถูกปลดออกจากตำแหน่งแบบฟ้าผ่า ทั้งที่ผลงาน 6 นัดแรกในลีกของฤดูกาล 2022-23 ก็ไม่ได้เข้าขั้นย่ำแย่อะไรมากนัก แต่เหตุผลคือเรื่องของความไม่ลงรอยกันระหว่างตัวผู้จัดการทีมกับหนึ่งในเจ้าของทีมอย่าง ท็อดด์ โบห์ลี่ ประกอบกับตัวโบห์ลี่เองก็ต้องการล้างบางมรดกจากยุคที่ โรมัน อบราโมวิช เป็นเจ้าของให้สิ้นซาก
และแล้วอนาคตของโอบาเมยองก็กลับมาดำดิ่งอีกครั้ง เนื่องจาก แกรห์ม พอตเตอร์ กุนซือที่เข้ามารับงานต่อ ตัดสินใจหั่นชื่อของเขาออกจากทีมชุดลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อกเอาต์ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะว่ามีผู้เล่นเกินโควตา ทำให้เขาต้องเลือกตัดชื่อของโอบาเมยองและใส่ ชูเอา เฟลิกซ์ เข้าไปแทน ส่วนนักเตะหลังจากที่รู้ว่าโดนตัดชื่อชุดลุยศึก UCL เขาก็ออกอาการไม่พอใจอย่างมากและนั่งเครื่องบินไปหาเพื่อน ๆ ที่เมืองมิลานทันที
จากนั้นไม่นานเขาก็กลับมารายงานตัวฝึกซ้อมกับทีมอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่า แกรห์ม พอตเตอร์ ไม่ค่อยสนใจที่จะใช้งานเขามากเท่าที่ควร ส่วนใหญ่เขามักจะถูกส่งลงเล่นเป็นตัวสำรอง และไม่สามารถลงมาช่วยทีมได้มากนัก แถมในบางครั้งก็โดนตัดชื่อออกจากเกมลีกอีกด้วย
ด้วยเวลาการลงสนามที่น้อยลงอย่างน่าใจหาย และจำนวนประตูที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด กับ 3 ประตู 1 แอสซิสต์ ดูเหมือนเส้นทางของ ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ น่าจะสิ้นสุดลงเมื่อปิดฉากฤดูกาล 2022-23 ก่อนจะต้องพเนจรหาทีมใหม่อีกครั้งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
เพราะไม่เพียงแต่ตัวเขาที่อยากลงสนามมากว่านี้เท่านั้น เชลซีเองก็ต้องการเงินจากการขายนักเตะเพื่อปรับงบดุลบัญชี หลังทุ่มซื้อนักเตะใหม่เข้ามาหลายคนด้วยเช่นกัน
แหล่งอ้างอิง
https://www.transfermarkt.com/pierre-emerick-aubameyang/leistungsdaten/spieler/58864/plus/0?saison=2022
https://www.transfermarkt.co.uk/pierre-emerick-aubameyang/profil/spieler/58864
https://www.skysports.com/football/news/11670/12044560/pierre-emerick-aubameyang-arsenal-captain-signs-new-three-year-contract
https://www.theguardian.com/football/2022/feb/03/aubameyang-the-problem-was-only-with-arteta-barcelona
https://www.telegraph.co.uk/football/2023/02/03/pierre-emerick-aubameyang-chelsea-champions-league-squad/