การที่สโมสรในเมืองไทยได้จับมือเป็น “พันธมิตร” กับสโมสรในต่างประเทศ โดยเฉพาะทีมจากลีกใหญ่ๆ ทั้งในเอเชียหรือยุโรป ย่อมเป็นผลดีและเกิดประโยชน์กับทีมของไทยทั้งสิ้น
โดยเฉพาะ “นักฟุตบอล”เพราะมีโอกาสได้ไปเล่นในลีกต่างประเทศหากโชว์ฝีเท้าได้ดี รวมถึงดาวรุ่งที่อาจถูกส่งไปฝึกกับทีมพันธมิตรตั้งแต่อายุยังน้อยๆ
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ดึงดูดให้พันธมิตรจากต่างแดน โดยเฉพาะทีมจากเจลีก ญี่ปุ่น เข้ามาผูกมิตรกับสโมสรในไทย จะมีอะไรบ้างไปติดตามกับ BallThaiStand
แข้งไทยสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้
ปัจจุบันนักเตะ “ชาวไทย” ได้รับการยอมรับฝีเท้ามากขึ้นในเวทีลูกหนังเจลีก ญี่ปุ่น หลังการประสบความสำเร็จของ ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายที่มีส่วนสำคัญพา โยโกฮามา มารินอส ผงาดคว้าแชมป์เจลีก เมื่อปี 2019
รวมไปถึง ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางทัพ “ช้างศึก” ที่ก้าวมาเป็นกำลังหลักของ คอนซาโดเล ซัปโปโร ก่อนโดน คาวาซากิ ฟรอนทาเล กระชากตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัวเกิน 100 ล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา
ล่าสุดเป็น คอนซาโดเล ซัปโปโร จัดการดึง สุภโชค สารชาติ กองกลางดีกรีทีมชาติไทย ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปร่วมทีมด้วยสัญญายาว 5 ปี ถือเป็นการซื้อใจและเชื่อมั่นในฝีเท้าของดาวเตะรายนี้ว่าจะสามารถกลายเป็นกำลังสำคัญพาทีม ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่สโมสรวางไว้ในอนาคต
ส่วนเรื่องนอกสนามต้องยอมรับว่าประเทศ “ญี่ปุ่น” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย เนื่องจากเป็นดินแดนที่สามารถเดินทางได้สะดวก อุดมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวหลายรูปแบบ มีอาหารเลิศรส บรรยากาศไม่ซ้ำกัน และมีสินค้ามากมายให้ช็อปปิ้ง
การมีนักเตะไทยไปค้าแข้งในญี่ปุ่น สามารถดึงดูดความสนใจให้นักท่องเที่ยวชาวสยามเดินทางไปเที่ยวและชมเกมในสนามได้ไม่น้อย ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและเมืองนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
ย้อนกลับไปในปี 2020 เว็บไซต์ Sportiva.shueisha.co.jp เปิดเผยว่า การไปค้าแข้งกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ของ ชนาธิป ทำให้ยอดการท่องเที่ยวในเมืองซัปโปโร เพิ่มขึ้นถึง 49 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
นอกจากนี้สนามซัปโปโร โดม รังเหย้าของ คอนซาโดเล ซัปโปโร ยังกลายเป็นแหล่งเช็กอินยอดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวไทยอีกด้วย
ล่าสุด YouTrip ผู้ให้บริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล (Multi-currency wallet) มีการเปิดเผยว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวไทย เดินทางไปเที่ยวแดนปลาดิบถึง 1.3 ล้านคน
โอกาสที่จะมีแฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมของ คอนซาโดเล ซัปโปโร และ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ในสนาม รวมถึงซื้อของที่ระลึก ย่อมเป็นการดูดเงินเข้าสู่ทีมและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหลังการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
สร้างฐานแฟนบอลในย่านอาเซียน
คนไทยถือเป็นหนึ่งในชาติที่คลั่งไคล้ฟุตบอลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะฟุตบอลต่างประเทศ ยิ่งลีกไหนมีนักเตะไทยไปค้าแข้ง ย่อมได้รับความสนใจขึ้นไปอีก ซึ่ง เจลีก ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากนักเตะไทยไปค้าแข้งในเจลีก ทำให้สื่อมวลชนไทยต้องติดตามและรายงานข่าวสาร หรือหาช่องทางถ่ายทอดสด เกมที่นักเตะคนนั้นลงสนามมาให้แฟนบอลติดตาม
โดย Siamsport สามารถซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดผ่านทางช่องทาง Youtube ให้แฟนบอลได้ชมมาหลายปี ซึ่งมีผู้ชมจำนวนมาก
เกมนัดเปิดสนาม ฤดูกาล 2023 ระหว่าง คาวาซากิ ฟรอนทาเล พบกับ โยโกฮามา มารินอส มียอดคนชมสดและย้อนหลังรวม 410,000 วิว
ส่วนเกมระหว่าง ซานเฟรชเช ฮิโรชิมา พบกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร มียอดชมสดและย้อนหลังรวม 380,000 วิว
ด้านเกมคู่อื่นที่ไม่มีนักเตะไทย เรทติงการชมอยู่ที่หลักหมื่นเท่านั้น เรียกว่านักเตะไทย เป็นแรงดึงดูดในการสร้างฐานแฟนบอลคลับในไทยและอาเซียนอย่างแท้จริง แน่นอนว่านี่คือแหล่งหารายได้เข้าสู่สโมสรต่อไป
การร่วมมือทางธุรกิจนอกสนาม
การทำธุรกิจระหว่างชาวไทยกับญี่ปุ่นมีมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันสโมสรจากญี่ปุ่น ต่างตบเท้าเข้ามาเป็นพันธมิตรกับสโมสรในไทยลีกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ชลบุรี กับ กัมบะ โอซากา,โปลิศ เทโร กับ ชิมิสึ เอสพัลส์, หนองบัว พิชญ กับ โชนัน เบลมาเร, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กับ เซเรโซ โอซากา, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ เอฟซี โตเกียว, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร และ เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ อุราวะ เรด ไดมอนส์
แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของการร่วมมือเป็นพันธมิตรกันคือการแลกเปลี่ยนนักเตะกัน โดยเฉพาะการส่งนักเตะเยาวชนไทยไปทดสอบฝีเท้าหรือค้าแข้งในลีกแดนปลาดิบ อย่างเช่น หนองบัว พิชญ ส่ง 2 ดาวรุ่ง พีรนันท์ บัวไข และ ธนาวุฒิ โพธิชัย เดินทางไปฝึกซ้อมกับทีมเยาวชน โชนัน เบลล์มาเร่ หรือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด มีการส่งนักเตะดาวรุ่งไปฝึกซ้อมกับ เซเรโซ โอซากา อย่างต่อเนื่องล่าสุดคือ ศรัณยวัฒน์ น้าประเสริฐ กับ คงณัฐ ท้วมทองดี
ด้าน อุราวะ เรด ไดมอนส์ เคยส่ง 2 นักเตะมาฝึกซ้อมกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด เช่นกัน คือ เรอิ คิฮาระ กองกลาง และ ริวยะ ฟูกูชิมะ กองหลัง
นอกจากนี้ยังมีการส่งทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชเขามาช่วยยกระดับการพัฒนาเยาวชน ล่าสุด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อคาเดมี ยืมตัว จิโร คิตาฮาระ ผู้อำนวยการ สโมสร คอนซาโดเล ซัปโปโร เข้ามาช่วยวางระบบในการพัฒนาเยาวชนให้แกร่งกว่าเดิม หากมีแววรุ่งโอกาสเจริญรอยตาม สุภโชค ก็มีสูง
หรือจะเป็นการสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลที่มีคุณภาพ อย่าง ยามาโอกะ ฮานาซากะ ฟุตบอลอคาเดมี มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งได้รับการสนับสนุนของกลุ่ม บางกอกกล๊าส, เซเรโซ โอซากา และมูลนิธิเพื่อการศึกษายามาโอกะ
นอกจากเหนือจากเรื่องฟุตบอล เรื่องของ “ธุรกิจ” ยังเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมเป็นพันธมิตรกันของสองทีมจากแดนสยามและแดนซามูไร เห็นได้ชัดเจนคือ “เบียร์” ยี่ห้อดัง เข้าไปสนับสนุน เซเรโซ โอซากา และมีการวางจำหน่ายเครื่องดื่มในสนามวันที่มีแมตช์แข่งขัน ถือเป็นการโปรโมตสินค้าและขายของให้ชาวญี่ปุ่นอีกทาง
แหล่งเก็บตัวปรีซีซั่นชั้นยอด
ในช่วงปลายปี 2022 ไปจนถึงต้นปี 2023 มีหลายสโมสรทั้งในเจลีก และ เคลีก รวมถึงสโมสรในย่านอาเซียน ตบเท้าเข้ามาฝึกซ้อมปรีซีซั่นและอุ่นเครื่องในประเทศไทย
สาเหตุที่มาเก็บตัวในประเทศไทย เนื่องจากสภาพแวดล้อมหรือสนามฝึกซ้อมที่คุณภาพสูง ค่าใช้จ่ายและค่าเช่าสนามฝึกซ้อมต่อวันต้องบอกว่าอยู่เรทราคาที่สามารถจ่ายได้
หนึ่งในตัวแทนของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสโมสรชั้นนำของไทยลีก มีสนามฝึกซ้อมที่ได้คุณภาพ สิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างการฝึกซ้อมและหลังการฝึกซ้อมที่ทันสมัยได้เปิดเผยว่า ค่าใช้จ่ายในการเช่าสนามฝึกซ้อมอยู่ในเรทราคาต่อวันอยู่ที่หลักหมื่นบาท เท่านั้น
ส่วน เซเรโซ โอซากา ซึ่งเป็นพันธมิตรกับสโมสร จะไม่เสียค่าใช้จ่ายสักบาท ในการเดินทางมาเก็บตัวที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ขณะที่ อูราวะ เรด ไดมอนส์ เองก็เคยเดินทางมาฝึกซ้อมที่สนามฝึกซ้อมของ เมืองทอง ยูไนเต็ด เช่นเดียวกัน
เรียกว่าการเป็นพันธมิตรกับสโมสรในไทย เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วนในการฝึกซ้อมในช่วงปรีซีซั่น แถมเป็นการการันตีว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีอีกด้วย
นักเตะไทยแบบไหนที่เจลีกต้องการ
เมื่อพูดถึงเรื่องนอกสนามไปแล้ว ไม่ให้พูดถึงเรื่องในสนาม โดยเฉพาะเรื่องนักเตะไทยคงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคที่นักเตะไทย ได้รับการจับตามองจากสโมสรในเจลีก ที่ต้องการดึงตัวไปร่วมทีม
นักเตะที่อยู่ในข่ายย้ายไปเล่นในแดนซามูไร ก็มีทั้ง วีระเทพ ป้อมพันธุ์ กับ พิชา อุทรา 2 ห้องเครื่องของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มีข่าวกับ อูราวะ เรด ไดมอนส์ อย่างต่อเนื่อง ทาง กิเลนผยอง เองก็มีนโยบายส่งนักเตะไปกินปลาดิบเช่นกัน
หรือจะเป็น กฤษดา กาแมน กองกลางเนื้อหอมของ ชลบุรี ที่เพิ่งจับมือเป็นพันธมิตรกับ กัมบะ โอซากา อีกหนึ่งทีมดังในเจลีก ญี่ปุ่น
การที่นักเตะไทยจะไปผจญภัยในเจลีก ไม่ใช่เรื่องยากเลย โดย “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ผู้อำนวยการเทคนิคของ “ฉลามชล” และมีประสบการค้าแข้งในเจลีก ญี่ปุ่น และมีเพื่อนสนิทมิตรสหายในวงการลูกหนังญี่ปุ่น มากมาย ได้บอกเคล็ดไม่ลับให้นักเตะไทยได้พัฒนาตัวเอง เพื่อก้าวไปเล่นในลีกเบอร์ 1 ของเอเชีย ในอนาคตว่าต้องมีทัศนคติที่ดีเป็นอันดับแรก
“นักเตะไทย ได้รับการจับตามองจากทีมในญี่ปุ่นอยู่แล้ว ซึ่งการที่จะไปเล่นที่นั่นอันดับแรกเลยต้องมีทัศนคติที่ดี”
“นักเตะที่มีความกระหาย ต้องการเป็นผู้ชนะ มีความอดทน ต้องรู้หน้าที่ ต้องรู้ว่าต้องส่งบอลตอนไหน เสียบอลต้องไล่บอลไม่ใช่ยืนดู หรือจ่ายบอลแล้วต้องเคลื่อนที่ไปรับบอลจุดไหน”
“อีกอย่างคือการจ่ายบอลที่เขาเรียกว่าคีย์พาส (Key Pass) ตัวอย่างเช่น ธีราทร จะเห็นว่าตั้งแต่กลับมาจาก เจลีก เขาจ่ายลูกแบบนี้บ่อยมาก”
“การทำ 3 แอสซิสต์ได้ใน 1 เกมไม่ใช่เรื่องที่จะทำง่ายๆ ในฟุตบอลไทย หรือ ชนาธิป เขาก็จะมีจุดเด่นของเขา หนึ่งในนั้นก็คือการการจ่ายบอลที่เรียกว่า คีย์พาส (Key Pass) นี่แหละ กฤษดา และ วรชิต เองก็เป็นนักเตะที่จ่ายบอลแบบนี้ได้ดี”
“นอกจากนี้ในเรื่องของรูปร่าง เทคนิค เบสิก ฟุตบอลก็ต้องดีด้วย วัยที่เหมาะสมที่จะไปเล่นในต่างประเทศมากที่สุดคือไม่เกิน 19 ปี เพราะอยู่ในวัยที่กำลังพัฒนาได้ดี” วิทยา กล่าว
ในโลกฟุตบอลปัจจุบัน ที่มี “ธุรกิจ” เข้ามาเกี่ยวข้อง การเข้ามาเป็นพันธมิตรของสโมสรจากเจลีก และ สโมสรในไทยลีก ถือเป็นการพึ่งพากันและกัน
ทีมจากญี่ปุ่นก็จะได้ประโยชน์เรื่องธุรกิจ การสร้างฐานแฟนบอล ส่วนทีมจากไทยนอกจากจะได้เรื่องธุรกิจด้วย ก็จะได้เรื่องการพัฒนานักเตะให้มีคุณภาพสูงขึ้นไป
เรียกว่าการเป็นพันธมิตรลูกหนังของทีมจากไทยและญี่ปุ่น เป็นการร่วมมือที่วินวินทั้ง 2 ฝ่ายคงไม่ผิดนัก
