เอาใหม่ๆ ไม่เป็นไร สู้ๆ นะ เตะเลยๆ วิ่งสิเห้ย ไล่บอลสิ จารย์ไม่เห็นหรอ ลูกผมโดนเตะ
เสียงแผดร้องตะโกนสั่งการจากข้างสนามของผู้ปกครองในการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชนถือเป็นสีสันที่เราเห็นจนชินตา
แต่บางครั้งผู้ปกครองอาจไม่รู้ตัวว่า คำบางคำอาจส่งผลกระทบต่อทีมและตัวนักเตะแบบไม่รู้ตัว
แล้วเสียงสั่งการข้างสนามของผู้ปกครองส่งผลอะไรต่อแท็กติกโค้ชและนักเตะ? ติดตามกับ Ball Thai Stand
ความหวังดี อาจสร้างความสับสน
กีฬากับกองเชียร์เป็นของคู่กัน ฟุตบอลก็เช่นกัน หากมีแฟนบอลเข้ามาชมเกมเยอะ บรรยากาศในสนามจะสนุกตื่นเต้น เร้าใจ สร้างความฮึกเหิมให้นักเตะ ซึ่งเสียงเชียร์ข้างสนามย่อมส่งผลไปยังผู้เล่นในสนามแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากคำพูดที่ออกมาเป็นแนวให้กำลังใจ ฮึดสู้ สามารถสร้างแรงกระตุ้นและสร้างความมั่นใจชั้นดีให้ทำผลงานเทพในสนาม ขณะเดียวกันคำสั่งบางอย่าง อาจเป็นวายร้ายทำลายจิตใจเด็ก
ที่สำคัญมันย่อมส่งผลต่อแท็คติคและการตัดสินใจต่างๆ ในสนามของเด็ก
“ผู้ปกครองที่ส่งเสียงตะโกนสั่งนักเตะในสนามทำให้เด็กเกิดความสับสนว่าควรจะเชื่อใคร ระหว่างผู้ปกครองหรือโค้ช ทำให้เด็กมีการตัดสินใจที่แย่ลง”
“โดยเฉพาะจังหวะจ่ายบอล ส่งบอล เลี้ยงบอล หรือจะยิงประตูดี ตรงนี้มันส่งผลกระทบกับเด็กมากๆ เสียงตะโกนจะผู้ปกครองอาจทำให้เด็กไม่กล้าเล่น” วิทยา เลาหกุล ผู้อำนวยการเทคนิคสโมสร ชลบุรี เอฟซี สะท้อนมุมมองถึงเสียงตะโกนจากผู้ปกครองถึงนักเตะ
“จริงๆ ฟุตบอลเด็ก ไม่มีแท็คติคซับซ้อนมาก ส่วนใหญ่โค้ชจะตะโกนกระตุ้นนักเตะเป็นบางครั้งเท่านั้น ไม่ได้ตะโกนทั้งเกม เช่น บอกนักเตะอย่ายอมแพ้ มองหาเพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งที่ว่าง หรือจะเป็นจังหวะรุกหรือรับในช่วงที่เด็กเหมอลอย จะไม่มีการยืนสั่งทั้งเกมแน่นอน” วิทยา กล่าวเสริม
เสียงเชียร์อาจเปลี่ยนเป็นชนวนเหตุรุนแรงในสนาม
ในการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชน นอกจากผู้เล่นในสนามจะฟาดฟันเฉือนคม เพื่อบรรลุเป้าหมายสู่ชัยชนะ การแก้เกม สั่งการข้างสนามประชันกึ๋นของกุนซือล้วนดุเดือดไม่แพ้กัน
หากเกมไหนอุณหภูมิลูกหนังดุเดือด มีการเข้าปะทะกันหนักหน่วง เสียงตะโกนเชียร์กดดันจากข้างสนามของผู้ปกครองอาจทำให้เกมเผ็ดร้อนขึ้นไปอีกขั้น ทำให้เกมตึงเครียด เต็มไปด้วยความกดดัน บางครั้งอาจบานปลายถึงการปะทะคารมระหว่างผู้ปกครองกับตัวโค้ช หรือผู้ปกครองด้วยกันเองจนเกิดเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศไทย ในประเทศอังกฤษ เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแล้ว จนทำให้ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ออกกฎ (ชั่วคราว) เพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการไม่ให้ผู้ปกครองตะโกนเชียร์ลูกๆ ในการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชน เพราะอาจเป็นการกดดันและใช้ความรุนแรงกับเด็ก
พร้อมเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ปกครองให้มาปรบมือให้กำลังใจแทน เพื่อช่วยลดอุณหภูมิเดือดในสนามลงได้ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการมีปากเสียงกันระหว่าง ผู้ปกครองกับผู้ตัดสิน หรือกับผู้ปกครองด้วยกันเอง ที่สำคัญยังเป็นการลดแรงกดดันเด็ก และ ลดการใช้ความรุนแรงทางคำพูดด้วย
ย้อนไปเมื่อปี 2008-09 สมาคมฟุตบอลอังกฤษ เคยมีแคมเปญที่ชื่อว่า “We Only Do Positive” โดยมีเป้าหมายในการปรับปรุงพฤติกรรมของผู้ปกครอง โค้ช และนักเตะ โดยเฉพาะการแข่งขันนักฟุตบอลเยาวชนอายุระหว่าง 7-18 ปี เพื่อให้การแข่งขันเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสนุกสนาน และความปลอดภัยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นทั้งในและนอกสนาม
ชลบุรี เอฟซี ประเดิมประชุมผู้ปกครอง เน้นย้ำเชียร์อย่างมีวินัย
ในวันที่ 14 มกราคม 66 ศึกฟุตบอลลีกเยาวชน ไทย ยูธ ลีก จะเริ่มแข่งขันกันแล้ว หลังถูกดองมากว่า 1 ปี ซึ่งก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น “ชลบุรี เอฟซี” ได้มีการนำร่องเชิญผู้ปกครองมาประชุมโดยย้ำให้ผู้ปกครองช่วยเชียร์และให้กำลังใจนักเตะเพียงอย่างเดียว ส่วนการสั่งการข้างสนามในวันแข่งขันควรเป็นหน้าที่ของโค้ชที่ทำหน้าที่วางแผน แก้เกม แต่เพียงผู้เดียว
วิทยา ยกมือสนับสนุนเรื่องการงดใช้คำพูดไม่สุภาพในสนามว่า “หากผู้ปกครองแค่ให้กำลังใจ บอกให้เอาใหม่ แบบนี้ไม่เป็นอะไร ถ้าเด็กทำบอลเสียแล้วผู้ปกครองหรือแม้แต่โค้ชพูดคำหยาบคายอันนี้ไม่ได้”
“ผมเคยเรียกมาคุยเลยนะ เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่ ใจฟ้า อคาเดมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งผมดูแลกันจัดการแข่งขันอยู่ เรื่องเหล่านี้เราสามารถบอกผู้ปกครองได้ อย่างที่ใจฟ้า อคาเดมี ผู้ปกครองไม่เคยด่าโค้ช ด่ากรรมการ ด่าลูกตัวเอง ด่าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามเลย”
ในต่างประเทศเชียร์ฟุตบอลเด็กอย่างไร
เมื่อพูดถึงผู้ปกครองในประเทศไทย ที่ชอบตะโกนสั่งเด็กในสนามแทนโค้ช ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า แล้วผู้ปกครองที่มีลูกหลานเล่นฟุตบอลอยู่ต่างประเทศมีพฤติกรรมคล้ายกันหรือเปล่า
“ในต่างประเทศบทบาทค่อนข้างชัดเจน ทุกคนรู้หน้าที่ตัวเอง และไม่ไปก้าวก่ายหน้าที่กัน” ภาคภูมิ โพธิเวชกุล เอเย่นต์นักฟุตบอลของบริษัท Luckystar sport management และเคยทำหน้าที่ล่ามส่วนตัวของ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว สมัยค้าแข้งในประเทศสเปนกับ เอดี อูนิอ้น อดาร์เบ้ ในระดับลีกา 4 ได้เล่าถึงประสบการณ์ชมฟุตบอลเด็กในประเทศสเปน ตั้งแต่ระดับเยาวชน อายุไม่เกิน 14-18 ปี
“ผมได้มีโอกาสไปดูเกมร่วมกับผู้ปกครองที่สเปนบ่อยๆ ส่วนใหญ่เขาจะให้กำลังใจ เช่น สู้ๆ ลุยไปเลย มากกว่ากว่าที่จะออกคำสั่งให้ทำแบบนั้นแบบนี้”
ผู้ปกครองต้องเข้าใจบริบทของการพัฒนาฟุตบอลเยาวชน
วิทยา เล่าให้เห็นภาพรวมการพัฒนาเยาวชนว่า “การจัดฟุตบอลเยาวชนวัยระหว่าง 8-13 ปี ในปัจจุบันมีเยอะมาก เด็กช่วงอายุนี้ต้องการเล่นเพื่อความสนุก แต่ประเทศไทยส่วนใหญ่จะคิดถึงชัยชนะมากกว่าการพัฒนา โค้ชจะสั่งๆ นักเตะอย่างเดียว ผลกระทบก็จะตกมาอยู่ที่เด็ก พอโตมาอาจเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง”
เช่นเดียวกับ ก้องภพ สรงกระสินธ์ คุณพ่อของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางทีมชาติไทย ของสโมสร คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ในเจลีก ญี่ปุ่น ย้ำให้เห็นถึงการพัฒนานักเตะสู่ความเป็นเลิศ ด้วยการปลูกฝังผู้ปกครองไม่ให้ยึดติดกับชัยชนะมากเกินไป
“เราดูว่าการสอนของโค้ชเน้นแนวทางแบบไหน เน้นเทคนิคตรงไหน ไม่ใช่เน้นชัยชนะ โยนอย่างเดียวตูมตามๆ ได้แชมป์มา แล้วเด็กจะไปต่อยอดตรงไหน”
รู้หน้าที่และเคารพโค้ช
แน่นอนว่าพ่อและแม่ต้องการให้บุตรหลานประสบความสำเร็จในเส้นทางฟุตบอลอาชีพ แต่ผู้ปกครองต้องรู้จักบทบาทของตัวเองในการเป็นโค้ชคนแรกให้กับบุตรหลาน โดยเน้นไปเรื่องการดูแลเรื่องการอยู่กิน หลับนอน และสร้างวินัยเป็นหลัก คอยให้กำลังใจ เข้าใจให้คำปรึกษาที่ดี ส่วนเรื่องการฝึกซ้อมแท็คติคต่างๆ ควรเป็นหน้าที่ของโค้ช
“เจ เข้าไปอยู่โรงเรียนกีฬากรุงเทพตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ผมให้ความเคารพต่อโรงเรียนและโค้ชเสมอ ก่อนเปิดเทอมจะมีการประชุมผู้ปกครอง ทางโรงเรียนย้ำเสมอว่าหน้าที่ของผู้ปกครองมีหน้าที่เชียร์และสนับสนุน ห้ามก้าวก่าย การจัดตัวผู้เล่นของโค้ช ซึ่งตรงนั้นจะเป็นหน้าที่ของโรงเรียน” ก้องภพ กล่าว
“ผู้ปกครองทุกคนต้องอยู่ในกรอบที่วางไว้ ผมสร้างแรงบันดาลใจให้ลูก ตรงไหนที่เขาทำไม่ดี บกพร่องก็บอกให้เขาปรับปรุง เมื่อเขาพัฒนาตัวเองจนก้าวไปเป็นตัวจริงได้ เขาจะรู้สึกภูมิใจ เราอาจจะให้ของขวัญเขาบ้างในบางครั้ง”
“ผมจะเชียร์อยู่ในกรอบเสมอ ไม่สร้างความลำบากใจให้โค้ช เรื่องแบบนี้อยู่ที่จิตสำนึก บางคนนิ่ง บางคนไม่ยุ่ง บางคนก็โวยวายไม่หยุด”
ฟุตบอลเยาวชนเป็นรากฐานของการพัฒนานักเตะให้พร้อม ก่อนเดินทางสู่สมรภูมิฟุตบอลระดับอาชีพ หากพื้นฐานดี โอกาสจะรุ่งโรจน์ในเส้นทางนี้มีสูง
หากผู้ปกครองเชียร์ฟุตบอลเด็กอย่างถูกวิธี ย่อมสร้างบรรยากาศที่ดี และเป็นการทำให้เด็กพัฒนาตัวเองได้อย่างเต็มที่ เพื่อก้าวไปประสบความสำเร็จในอนาคต
แหล่งอ้างอิง
https://mainstand.co.th/th/news/1/article/8057
https://www.thefa.com/news/2018/sep/05/fa-respect-we-only-do-positive-050918
https://www.englandfootball.com/participate/explore/inclusive-football/Respect