รายการ THAILAND SPORTS DAY กำลังถูกพูดถึงในแง่มหกรรมกีฬาออนไลน์ครั้งแรกของประเทศไทย นี่คือการแข่งขันที่ไม่เหมือนใครเพราะคนที่แข่ง "จะแข่งจากที่ไหนก็ได้" และ "คนดูก็สามารถดูที่ไหนก็ได้"
1 ในกีฬาที่จัดแข่งในมหกรรมครั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากคือ "สปีดสแต็ค" หรือกีฬาเรียงแก้วที่เป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากภาพยนตร์เรื่อง FAST & FEEL LOVE ได้ออกฉายทั่วประเทศ
แม้หลายคนจะรู้จักสปีด สแต็ค แต่ ณ เวลานี้สิ่งที่หลายคนสงสัยคือทำไมนักกีฬาสปีดสแต็คจึงมีอายุน้อย เพราะแชมป์โลกคนล่าสุดก็อายุแค่ 13 ปีเท่านั้น ?
ร่วมตอบคำถามที่หลายคนสงสัยไปพร้อมกันกับ Main Stand
ก็มันสร้างมาเพื่อเด็ก
แก่นของสปีดสแต็คเกิดขึ้นจากการหากิจกรรมสำหรับการฝึกสมาธิสำหรับเด็ก ๆ วัยประถม คนที่คิดวิธีการเล่นให้สนุกและสามารถฝึกฝนสมาธิได้ในเวลาเดียวกันคือ เวย์น โกดิเน็ต ผู้อำนวยการ Boys & Girls Clubs สโมสรพัฒนาเยาวชนระดับชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ในช่วงแรกเขาใช้เพียงแก้วกระดาษจากร้านค้าเพื่อให้เด็ก ๆ ฝึกเรียงกันเท่านั้น ก่อนที่กิจกรรมดังกล่าวจะค่อย ๆ ได้รับความนิยมไปทั่วโรงเรียนประถมในรัฐแคลิฟอร์เนีย และบูมสุด ๆ จนถึงขั้นได้รับเชิญจากรายการ The Tonight Show ให้เด็ก ๆ ไปแสดงวิธีการเล่นสปีดสแต็ค ในปี 1990
เมื่อมันดังมันก็ไม่ใช่แค่กิจกรรมสำหรับเด็ก ๆ อีกต่อไป ทั่วสหรัฐอเมริกาจึงมีการจัดการแข่งขันสปีดสแต็ค ซึ่งแน่นอนว่าผู้สมัครส่วนใหญ่อยู่ในวัยไม่เกิน 12 ปีทั้งนั้น เนื่องจากมันมีจุดเริ่มต้นมาจากการปลูกฝังให้กับเด็กวัยประถม
ทว่าด้วยความแปลกใหม่ ความน่าตื่นตาตื่นใจ และพัฒนาการของทั้งผู้เล่นและอุปกรณ์ที่ใช้แข่ง ที่สุดแล้วเมื่อถึงปี 2000s ก็มีผู้ลงชื่อเป็นสมาชิกของสมาคมสปีดสแต็คในสหรัฐอเมริกาถึง 6 แสนคน เมื่อความสนใจมากขนาดนั้น ในปี 2001 จึงมีการจัดแข่งขันสปีดสแต็คชิงแชมป์โลกขึ้นมา
ขึ้นชื่อว่าชิงแชมป์โลกนั่นหมายความว่าไม่มีการจำกัดเรื่องอายุ ดังนั้นการแข่งขันสปีดสแต็คชิงแชมป์โลกจึงมีผู้แข่งขันหลายช่วงวัยลงชิงชัย ตั้งแต่ 4 ขวบไปจนถึงอายุ 40 ปี แต่ที่น่าสนใจคือแชมป์โลกสปีดสแต็คส่วนใหญ่กลับอยู่ในช่วงวัยที่อายุไม่เกิน 15 ปี และเจ้าของสถิติการแข่งขันสปีดสแต็คที่เร็วที่สุดในโลกอย่าง Hyeon Jong Choi จากเกาหลีใต้ ก็มีอายุแค่ 13 ปีเท่านั้นในวันที่เขาทำลายสถิติเดิม
แม้จะบอกว่ามันมีจุดเริ่มต้นมาจากฝึกสมาธิสำหรับเด็กและฮิตในหมู่เยาวชน แต่ทำไมผู้ใหญ่ถึงไม่สามารถชนะเด็กได้ง่าย ๆ และคนที่เร็วที่สุดในโลกจึงมีอายุแค่ 13 ปี ... อายุและประสบการณ์ไม่มีผลกับกีฬาชนิดนี้เลยหรือ นั่นคือคำถามต่อไปที่เราต้องหาคำตอบ
ความเร็วเป็นของปีศาจ
เพราะแต่ละช่วงวัยย่อมมีจุดเด่นแตกต่างกันไป แต่เมื่อสปีดสแต็คเป็นเรื่อของความเร็ว การซึมซับ เรียนรู้ และปฏิกิริยาตอบสนอง คุณสมบัติทั้งหมดนี้ต้องยกให้กลุ่มวันรุ่นทีนเอจเท่านั้น และเรื่องนี้ก็มีงานวิจัยจริง ๆ รองรับด้วย
เมลานี ฮาร์ต ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาสุขภาพ การออกกำลังกาย และวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเท็กซัสเทค ยืนยันว่ากีฬาสปีดสแต็คเป็นกิจกรรมต้องใช้ประสาทสัมผัสสูงมากทั้งจากมือและตา ใครที่ทำบ่อย ๆ ฝึกบ่อย ๆ จะช่วยให้มีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วกว่าคนปกติในวัยเดียวกันถึง 30%
แต่ความเร็วและการตอบสนองนั้นผันผวนตามอายุ ยิ่งอายุมากขึ้นปฎิกิริยาทั้งความคิดและการขยับร่างกายก็จะช้าลง ดังนั้นหากจับเด็กวัยทีนเอจกับคนที่อายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไปมาฝึกสปีดสแต็คเป็นเวลาเท่า ๆ กัน ความได้เปรียบของร่างกายจะทำให้เด็ก ๆ "ส่วนใหญ่" สามารถเคลื่อนไหวและเรียงถ้วยสแต็คได้เร็วกกว่าคนที่อายุมากกว่า 21 ปีขึ้นไป
"ปฏิกิริยาตอบสนองจะช้าลงตามอายุ เพราะการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของเส้นประสาท ในทางเดียวกันนั่นหมายถึงส่วนต่าง ๆ ของสมองที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมจะเสื่อมถอยลงไปตามกาลเวลา ทั้งนี้แต่ละคนก็มีการเสื่อมถอยของเซลล์สมองและเส้นประสาทที่แตกต่างกัน บางครั้งคนอายุเยอะบางคนก็อาจจะดูกระฉับกระเฉงอยู่ ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับใช้และการฝึกฝน ดังนั้นไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่เมื่อร่างกายยังดีก็ควรใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพที่สุด"
"หัวใจสำคัญของเวลาตอบสนองคือการฝึกฝน การทำท่าเดิมซ้ำ ๆ จะทำให้การเคลื่อนไหวนั้นเกือบจะอัตโนมัติ นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้เล่นเบสบอลมืออาชีพสามารถดำน้ำเพื่อจับลูกที่ตีมาอย่างรุนแรงจนตาแทบมองไม่ทันได้ และยังเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อคุณเรียนรู้ที่จะขี่จักรยานได้แล้วคุณจะไม่มีวันลืม" งานวิจัยของ www.urmc.rochester.edu ยืนยันถึงเรื่องนี้
หากจะมองว่ากีฬาชนิดใดที่เหล่าแชมป์โลกมักมีอายุเฉลี่ยน้อยกว่ากีฬาชนิดอื่น ๆ เหมือนกับสปีดสแต็ค กีฬานั้นก็คือ อีสปอร์ต ที่ผู้เล่นระดับโปรเพลย์เยอร์ส่วนใหญมักจะมีอายุไม่เกิน 23 ปีทั้งสิ้น (อ้างอิงจากการแข่งขัน The International ของเกม Dota 2 ปี 2018 ผู้เล่นส่วนใหญ่ของทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายล้วนมีอายุในช่วง 21-23 ปี)
ความคล้ายกันอยู่ตรงที่ผู้เล่นส่วนใหญ่มีอายุน้อยเพราะหัวใจหลักของกีฬาทั้งสองชนิดอยู่ที่ "การตอบสนองของสมอง" ซึ่งเรื่องนี้คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยไซมอน เฟรเซอร์ ประเทศแคนาดา นำโดย โจเซฟ ทอมป์สัน, มาร์ก แบลร์ และ แอนดรูว์ เฮนรี่ย์ ได้ทำการศึกษาไว้เมื่อปี 2014 โดยใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวนมากถึง 3,305 คน โดยแต่ละคนจะมีช่วงอายุระหว่าง 16-44 ปี
วิธีการทดลองคือการให้ผู้เข้าทดลองทุกคนลองเล่นเกม StarCraft II เพื่อดูว่าการตอบสนองของสมองในแต่ละช่วงวัยเป็นอย่างไร และผลปรากฏว่าการตอบสนองของกลุ่มตัวอย่างจากวัย 16 ปีจะค่อย ๆ ดีขึ้นจนถึงอายุ 24 ปี หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ ถดถอยตามอายุที่มากขึ้น โดยในทุก 15 ปีความเร็วในการตอบสนองของสมองจะลดลงถึง 15% คิดง่าย ๆ ก็คือปีละ 1% เลยทีเดียว
อายุสัมพันธ์กับสไตล์
หากอ้างอิงจากงานวิจัยดังกล่าวและผูกเข้ากับคำถามจากเรื่องอายุของนักกีฬาสปีดสแต็ค เราสามารถสรุปได้ถึงความสัมพันธ์กันระหว่างมือและสมอง การใช้ความเร็วในการจัดเรียงเหมาะสมกับวัยเด็กมากกว่าเพราะสมรรถภาพของสมองและประสาทสัมผัสต่าง ๆ ยังแข็งแรงครบถ้วนดีกว่า แต่ก็ใช่ว่าคนในวัย 20 กว่า ๆ เป็นต้นไปจะไม่มีข้อดีเลยเสียทีเดียวเพราะถึงแม้ว่าจะสู้เรื่องความเร็วไม่ได้ แต่ถ้าให้แข่งความชัวร์และเรื่องรายละเอียดผู้ใหญ่เป็นฝ่ายชนะเรื่องนี้แบบเห็น ๆ
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "สดบดเก๋า" อันที่จริงแล้วไม่ใช่แค่กับสปีดสแต็คหรอก แม้แต่ในกีฬาอื่น ๆ นักกีฬาที่อายุน้อยกว่าก็ย่อมมีแนวโน้มที่จะรวดเร็วและแข็งแรงมากกว่านักกีฬาที่อายุมากกว่าอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ไรอัน กิ๊กส์ ตำนานปีกซ้ายของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงที่เขาขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตอนอายุย่าง 18 ปี เขาก็ถูกจดจำในฐานะปีกความเร็วสูงที่วิ่งเร็วจนหาตัวจับยาก แต่เมื่อเขาเล่นมาจนถึงอายุ 35 ปีเป็นต้นมา กิ๊กส์ ที่ไม่สามารถเร็วได้เท่าเดิมแล้วก็ยังสามารถเป็นขุมกำลังสำคัญของทีมที่พาทีมคว้าแชมป์ได้มากมายหลายรายการด้วยการพลิกแพลงไปเล่นยังตำแหน่งที่ไม่ต้องใช้ความเร็วแต่ใช้ความละเอียดเข้ามาแทนที่ ซึ่ง ณ ตอนนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จับกิ๊กส์มาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางที่ใช้การจ่ายบอลและประสบการณ์ในการคุมเกมมากกว่าต้องไปวิ่งแข่งและชนกับนักเตะฝั่งตรงข้าม
การยกตัวอย่างของ กิ๊กส์ แสดงให้เห็นว่ามันเป็นธรรมชาติของคนอายุน้อย ถ้าวัดกันเรื่องสมองและร่างกายคนอายุน้อยกว่าได้เปรียบอยู่แล้ว ยิ่งกีฬาอย่างสปีดสแต็คที่ต้องใช้เรื่องสมองเป็นหลักและต้องสัมพันธ์กับมือทั้ง 2 ข้าง อย่างไรเสียสมองของเด็ก ๆ ก็สามารถจดจำและซึมซับได้ดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้วัยเด็กหรือวัยรุ่นยังถือเป็นช่วงวัยที่เรียกว่า "คึกคะนอง" ไม่กลัวแพ้ ไม่มีอะไรจะเสีย พวกเขาชอบการเดิมพันแบบมุทะลุชนเป็นชนเพื่อให้ได้ชัยชนะ แต่สำหรับคนที่อายุมากกว่าก็จะมีประสบการณ์ในการเอาจุดแข็งอื่น ๆ มากลบจุดอ่อนเรื่องความว่องไวของตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่ทำไมกีฬาบางชนิดที่ต้องใช้การวางแผนอย่างหมากรุก กอล์ฟ และ ยิงปืน จึงเหมาะกับนักกีฬาอายุเยอะมากกว่า
ที่สุดแล้วเหตุผลนั้นง่าย ๆ นั่นคือสำหรับสปีดสแต็คนั้นไม่ต้องการความเก๋าหรือการประคองเกม คำว่า "ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม" แทบไม่มีความหมายเพราะแพ้ชนะกันที่ความเร็ว ดังนั้นมันจึงเป็นกีฬาที่เหมาะสำหรับวัยเด็กที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้
ไม่สำคัญว่าคุณจะแข็งแรงแค่ไหน สูงแค่ไหน แข็งแรงแค่ไหน ฉลาดแค่ไหน ... สปีดสแต็ค คือกีฬาที่เหมาะสำหรับเด็กอย่างแท้จริง ซึ่งแตกต่างจากกีฬาบางประเภทที่เหมาะกับคนที่สูงกว่า แข็งแรงกว่า ฟิตกว่า หรือโตมากกว่า กีฬาสปีดสแต็คนั้นเหมาะสมตามธรรมชาติสำหรับทุกคนโดยไม่คำนึงถึงรูปร่าง
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เด็ก ๆ จะเข้าหากีฬาชนิดนี้มากเป็นพิเศษ และเมื่อพวกเขาอยู่กับมันทุกวัน จดจ่ออยู่กับการฝึกฝนและสร้างสมาธิ มันจึงไม่แปลกที่นับวันเหล่าแชมป์โลกสปีดสแต็คจึงมีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ และเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้
สำหรับท่านที่สนใจรับชม สปีดสแต็ค หรือการแข่งขันกีฬาอื่น ๆ ในรายการ Thailand Virtual Sports สามารถติดตามได้ที่ สถานีโทรทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา T Sports 7 และ YouTube ‘Mainstand Thailand’
มาลุ้นกันสิว่า ใครจะเป็น ‘ที่สุด’ ในการแข่งขันกีฬาออนไลน์ครั้งแรกของไทยในแต่ละชนิดกันบ้าง
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ไขคำตอบทางการแพทย์ : เหตุใดมือโปรอีสปอร์ตมักเลิกไวกว่านักกีฬาประเภทอื่น | MAIN STAND
สปีด สแต็ค : ศาสตร์, ศิลป์ และแก่น ของกีฬาเรียงแก้วที่สุดลึกซึ้ง | MAIN STAND
แหล่งอ้างอิง
https://th4.ilovetranslation.com/c-Veg0EYuVv=d/
https://subangspeedstacks.wordpress.com/benefits-eng/
สปีด สแต็ค : ศาสตร์, ศิลป์ และแก่น ของกีฬาเรียงแก้วที่สุดลึกซึ้ง | MAIN STAND
https://en.wikipedia.org/wiki/Sport_stacking
https://www.urmc.rochester.edu/encyclopedia/content.aspx?ContentTypeID=1&ContentID=562