ทุกสังคมที่มีคนหลายคนรวมตัวกันนั้นเปรียบเสมือนคำโบราณว่าไว้ "ร้อยพ่อพันแม่" แต่ละคนก็ต่างมีมุมมองและความเชื่อในแบบของตัวเอง ซึ่งอดไม่ได้ที่จะทำให้ใครบางคน "ไม่ชอบหน้ากัน"
นี่คือเรื่องราวในแคมป์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับกลุ่มนักเตะที่ว่ากันว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครหลายคนอาจจะไม่เคยรู้ เพราะในทีมที่ประสบความสำเร็จมากมายกลับมีเรื่องราวการแตกหักและไม่ชอบหน้ากันของ 2 ซีเนียร์ในทีมอย่าง รอย คีน และ ปีเตอร์ ชไมเคิล ... กัปตันและรองกัปตันทีมชุดนั้น
เรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร และในความเกลียดขี้หน้า อะไรทำให้ทีมชุดนั้นยังอยู่กันได้โดยไม่ปรากฎรอยร้าวให้ใครได้จับผิด
ติดตามทั้งหมดได้ที่นี่
ผู้มาใหม่สุดเก๋า
ทั้ง ปีเตอร์ ชไมเคิล และ รอย คีน นั้นคือหนึ่งในจุดเริ่มต้นยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุค 90s อย่างแท้จริง ทว่าก่อนที่จะมาเป็นเพื่อนร่วมทีมกันได้ พวกเขาล้วนแต่มีคาแร็คเตอร์ในการเป็นคนที่ไม่เคยกลัวใคร ชไมเคิล คือประตูสุดโหดที่เสียงดังที่สุดในสนามตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่กับ บรอนด์บี้ ในลีกเดนมาร์กบ้านเกิด ขณะที่ คีน คือดาวรุ่งจอมห้าวจาก น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ โดยเรื่องเริ่มจากการมาถึงของ ชไมเคิล ในปี 1991
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องการสร้างเกมรับที่มีผู้นำตั้งแต่ปากประตู เขาส่งแมวมองไปดู ชไมเคิล ถึงประเทศเดนมาร์กเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อประกาศให้นักเตะรู้ตัวว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ความสนใจเขา ถึงแม้ว่า บรอนด์บี้ จะไม่ได้อยากขายชไมเคิลมากนัก หรือถ้าอยากขายจะต้องได้ราคาที่สูงสมน้ำสมเนื้อดีกรีมือ 1 ทีมชาติเดนมาร์กที่ติดทีมชาติมามากกว่า 40 นัด ... แต่เมื่อ ชไมเคิล รู้ตัวว่าก้าวใหญ่รออยู่ เขาจึงรุกเข้าคุยกับสโมสรเพื่อหาทางย้ายออกจากทีมให้ได้ และนั่นคือเหตุผลที่ ยูไนเต็ด จ่ายเงินเพียง 5 แสนปอนด์ เพื่อคว้าตัว ชไมเคิล มาร่วมทีม
"ตอนนั้นเอเยนต์ของเฟอร์กูสัน มีผู้ช่วยอยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก และเขาชวนผมไปที่บ้านของเขา และผมก็เห็น อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่งอยู่ ผมตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยคุยกับเขาเลยในชีวิต"
"ผมรู้สึกตื่นเต้นสุด ๆ ยิ่งกว่าบุคคลที่กำลังจะได้รับพระราชทานยศสูง ๆ อีกนะ" ชไมเคิ่ล กล่าว และการเซ็นสัญญาครั้งนี้ เฟอร์กี้ ถึงกับ ระบุลงในอัตชีวประวัติส่วนตัวของเขาว่า "นี่คือการต่อรองแห่งศตวรรษ" เลยทีเดียว
เมื่อ ชไมเคิล มาถึง บางอย่างเปลี่ยนไปในทีม ๆ นี้ เขาเป็นผู้รักษาประตูที่มีความแข็งกร้าวและค่อนไปทางคำว่าก้าวร้าวก็คงไม่ผิดนัก เขาเสียงดังกับทุกคนที่ไม่ได้ดั่งใจ แม้จะเป็นน้องใหม่แต่ ชไมเคิล ไม่เคยกลัวที่จะฉะทั้งกับ สตีฟ บรูซ หรือแม้กระทั่งกัปตันทีมอย่าง ไบรอัน ร็อบสัน ทั้งที่จริง ๆ แล้วผลงานของ ชไมเคิล ในซีซั่น 1991-92 นั้นไม่ดีเลย เขามีส่วนพลาดและทำให้ทีมแพ้ 3 เกมติดต่อกัน จนคู่ปรับอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุด หรือ ดิวิชั่น 1 อย่างไรก็ตามนิสัยเขาเป็นอย่างนั้น และมันค่อนข้างยากที่จะเปลี่ยนคาแร็คเตอร์ของคน ๆ นี้
"ปีเตอร์ ชไมเคิล เป็นคนที่อันตรายมาก ไม่ใช่แค่สำหรับกองหน้าคู่แข่งที่เห็นเขาก็หวาดผวาเท่านั้น มันรวมถึงทีมสตาฟฟ์และเพื่อนร่วมทีมของเขาเองด้วย เขาเป็นคนที่เสียงดังตลอดเวลา และแสดงให้เห็นเช่นนั้นเสมอมา" เดวิด เนสบิต จาก Pundit Feed เขียนลงในบทความ "ถูกปฎิเสธโดย ซูเนสส์ และ ถูกยอมรับโดย เฟอร์กูสัน" เนื่องจากก่อนที่จะย้ายมา แมนฯ ยูไนเต็ด ชไมเคิล เคยมีโอกาสในการย้ายร่วมทีม ลิเวอร์พูล ทว่า แกรม ซูเนสส์ ปัดดีลตกไปเพราะเห็นว่านักเตะคนนี้ไม่ดีพอ
ทว่าถึงใครจะมอง ชไมเคิล อย่างไร แต่นี่คือสิ่งที่ เฟอร์กี้ ต้องการให้เขานำมาสู่ทีม เหตุผลเพราะเขาต้องการใครสักคนที่จะเข้ามาเป็นพี่ใหญ่ เป็นคนที่แสดงให้เห็นถึงความดุดันเมื่อลงสนาม เพราะเมื่อฤดูกาล 1992-93 มาถึง นั่นคือปีที่เขาจะเลือกใช้งานนักเตะดาวรุ่งจากอคาเดมีของสโมสรแบบเต็มพิกัด ... คลาส ออฟ 92 ต้องการตัวอย่าง และ ชไมเคิล คือคำตอบของเฟอร์กี้ ซึ่งทุกอย่างหลังจากนี้คืออย่างที่ทุกคนรู้กัน ยูไนเต็ด สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งมันตอกย้ำว่าไอเดียของเฟอร์กี้คิดถูกขนาดไหน เพราะเด็ก ๆ อย่าง เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, พี่น้อง แกรี่-ฟิล เนวิลล์ และ นิคกี้ บัตต์ ไม่เคยกลัวใคร แม้จะอายุน้อย แต่เมื่อลงสนาม พวกเขาตัวใหญ่ขึ้นทันที
แกเป็นพี่เลี้ยงเด็กเหรอ ? แต่ฉันไม่ใช่เด็กนะโว้ย
หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 1992-93 อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจเพิ่มนักเตะในแดนกลางอีก 1 คน เพราะผู้เล่นอย่าง ร็อบสัน นั้นเริ่มจะโรยราลงไปใกล้ต้องปลดระวางเต็มที ดังนั้นคนที่จะเข้ามาทดแทนตำแหน่งกัปตันได้ นอกจากฝีเท้าจะดีมีคลาสแล้ว หัวจิตหัวใจก็ต้องแข็งแกร่งไม่แพ้กัน ... และหวยไปออกที่ รอย คีน กองกลางจาก น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ผลงานของคีนในซีซั่น 1992-93 ได้รับคำชมสูงมาก เป็นนักเตะที่มีความเป็นห้องเครื่องอยู่ในตัว ขยันทำหน้าที่หลักคือการเล่นเกมรับ และในขณะเดียวกัน เขายังทำนอกเหนือสิ่งที่รับมอบหมาย อย่างการเล่นเกมรุกและเติมเข้าไปในกรอบเขตโทษได้ดีอีกด้วย
3 ล้านปอนด์คือราคาค่างวดที่ ยูไนเต็ด จ่ายให้ ฟอเรสต์ ไม่มีนักเตะคนไหนในเกาะอังกฤษอีกแล้วที่มีราคาแพงกว่าเขา ณ เวลานั้น และทันทีที่ คีน มาเป็นสมาชิกของทีม เขาแสดงให้เห็นทันทีว่าทำไมทีมต้องจ่ายระดับทำลายสถิติสำหรับนักเตะอย่างเขา
คีน พูดเสมอว่าเขามีมาตรฐานส่วนตัวที่ไม่ต้องให้ใครบอก มันคือความรับผิดชอบในฐานะนักฟุตบอลเสมอ เขามักจะให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนนั้นว่า "อยากจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และต้องการทำงานภายใต้ความเคารพผู้เล่นและโค้ช"
คีน มาในแบบเดียวกับที่ ชไมเคิล เป็น เขาเป็นคนที่คิดแบบไหนก็พูดไปแบบนั้น ใครที่เล่นไม่ดีและอยู่ใกล้เขา เขาไม่ลังเลที่จะเตือนด้วยเสียงดังปลุกให้คนที่พลาดมีสติกับเกม สำหรับ คีน ฟุตบอลเหมือนสนามรบ และนักฟุตบอลต้องแสดงความกล้าหาญออกมา ต้องตั้งเป้าไปที่การเล่นดีทุก ๆ เกม
ปีสองปีแรก คีนยังคงต้องแย่งตำแหน่งในแดนกลางกับ ร็อบสัน และ พอล อินซ์ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สอดแทรกตัวเองขึ้นมาได้ โดยเฉพาะในช่วงท้ายฤดูกาล เขาถึงขั้นเบียดขึ้นมาเป็นตัวหลักที่ทีมขาดไม่ได้ มีส่วนร่วมในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก และยังยิงประตูใส่เชลซีในเกมนัดชิงถ้วยเอฟเอ คัพ จนทำให้ทีมคว้าดับเบิลแชมป์ได้อีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงของ แมนฯ ยูไนเต็ด มาเกิดขึ้นเอาจริง ๆ จัง ๆ ในช่วงปี 1994-1996 เมื่อผู้เล่นเสือเฒ่าหลายคนเริ่มย้ายออกจากสโมสร ร็อบสัน ไป มิดเดิลสโบรช์, อินซ์ ไป อินเตอร์ มิลาน, อังเดร แคนเชลสกี้ ไป เอฟเวอร์ตัน, มาร์ค ฮิวจ์ส ไป เชลซี, สตีฟ บรูซ ไป เบอร์มิงแฮม นั่นทำให้ปลอกแขนกัปตันทีมต้องเปลี่ยนมือ ซึ่ง เอริก คันโตน่า ได้รับไป ขณะที่ คีน ขยับกลายเป็นซีเนียร์เต็มตัวด้วยการเป็นนักเตะแดนกลางที่มีอายุมากที่สุดในทีมชุดนั้น และกลายเป็นผู้นำในห้องแต่งตัวโดยปริยาย
"การเข้ามาเป็นรุ่นพี่ในห้องแต่งตัวนั้นต้องจัดการอะไรหลายอย่าง ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่น ๆ จัดระเบียบความเป็นทีมให้ได้ นั่นคือหน้าที่และบทบาทของผม บางครั้งผมก็ต้องแข็งกร้าวบ้าง แต่ก็ต้องทำมันอย่างหนักแน่น ผมอยู่ที่นี่เพื่อช่วยผู้เล่นคนอื่น กระตุ้นให้พวกเขาซ้อมจริงจังอย่างที่ควรจะเป็น มีสมาธิไม่วอกแวก ถ้าอยากเป็นสตาร์ พวกเขาจำเป็นจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายเหล่านี้"
"ได้เวลาพับแขนเสื้อขึ้นและออกไปทำงานหนักที่คุณเกิดมาเพื่อมัน ฟุตบอลคืออาชีพของคุณ ดังนั้นอย่าหลบซ่อนหลังรถหรู, รอยสัก, แฟน ๆ และ เอเยนต์ของคุณ ... เกมมันเริ่มขึ้นแล้ว" คีน ว่าไว้
หลังจากที่ คันโตน่า แขวนสตั๊ดอย่างกะทันหันหลังจบฤดูกาล 1996-97 เฟอร์กี้ ก็วางตัว คีน ให้รับตำแหน่งกัปตันทีมคนต่อไปสำหรับฤดูกาล 1997-98 ซึ่งก่อนที่จะเริ่มนั้น คีน ที่ได้รับอำนาจจากปลอกแขน 100% ได้พยายามจัดการบางเรื่องที่คาใจเขาพักใหญ่ และปัญหาของเขาคือ ปีเตอร์ ชไมเคิล นายทวารที่ว่ากันว่าดีที่สุดในโลก ณ เวลานั้นนั่นเอง
เก๋านักเหรอ ?
หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1996-97 ยูไนเต็ด ที่กลายเป็นทีมอันดับ 1 ของเกาะอังกฤษ ณ เวลานั้นก็เดินทางไปพรีซีซั่นที่ฮ่องกง การอุ่นเครื่องในครั้งนั้นถือเป็นครั้งแรกที่คีนจะลงสนามในฐานะกัปตันทีมหมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ
ในส่วนของการแข่งขันนั้นไม่มีหลักใหญ่ใจความอะไรให้พูดถึง แต่เมื่อเกมจบและนักเตะแต่ละคนมุ่งหน้าพักผ่อนที่โรงแรมต่างหาก ที่กลายเป็นศึกซึ่งเกือบทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กำลังเป็นรูปเป็นร่างเกิดอาการทีมแตก
ตามธรรมเนียมของสโมสรในยุโรป คือในช่วงพรีซีซั่นทัวร์นั้นถือเป็นการเคาะสนิมเบา ๆ และพักผ่อนอยู่กลาย ๆ ซึ่งหลังจากเตะกับทีม เซาธ์ ไชน่า ของ ฮ่องกง เสร็จแล้ว นักเตะ ยูไนเต็ด มีปาร์ตี้เล็ก ๆ แบบส่วนตัวกัน นักเตะหลายคนรวมถึงสตาฟฟ์โค้ช มาถึงปาร์ตี้และเริ่มดื่มกินกันอย่างออกรส ทีมชุดนั้นเป็นทีมที่มีความสัมพันธ์ในทีมแน่นแฟ้นและเต็มไปด้วยนักเตะที่มีเป้าหมายเดียวกันทั้งสิ้น แต่สำหรับ คีน นั้นเมื่อเขาได้ดื่มเข้าไปสักแก้วสองแก้ว "ปีศาจ" ในตัวของเขาก็เริ่มมากระซิบข้างหู
เขาไม่ชอบ ชไมเคิล ... นั่นคือเรื่องที่ คีน เก็บไว้มาพักใหญ่ เหตุผลคือ คีน ไม่ชอบนักเตะประเภทที่ทำตัวเด่นดังจากเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ฝีเท้า เขาอยากให้นักเตะของ ยูไนเต็ด ทุกคนทำงานหนักในสนามมากกว่าที่จะเป็นพวกเรียกร้องความสนใจ ซึ่งเขามองว่า ชไมเคิล เป็นคนอย่างนั้น
สำหรับ คีน เขาคิดเสมอว่าการที่ ชไมเคิล ชอบออกอาการโอเวอร์แอ็คชั่นทั้งในตอนที่เซฟประตูได้ หรือตอนที่เพื่อพลาด รวมถึงอีกหลาย ๆ ฉากที่ "เดอะ เกรท เดน" มักจะเสียงดังทำตัวเด่นกว่าใคร เป็นสิ่งที่ ชไมเคิล นั้นตั้งใจ หากจะพูดง่าย ๆ คือ คีน คิดว่า ชไมเคิล เป็นพวกเรียกร้องความสนใจ และเขาไม่ชอบอย่างแน่นอน 100%
"มีความตึงเครียดระหว่างผมกับปีเตอร์มาหลายปี ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนไม่ดี แต่เหตุผลมาจากเรื่องฟุตบอลล้วน ๆ" คีน กล่าวเริ่ม และแน่นอน ทั้งคู่เคยมีการกระทบกระทั่งในสนามแข่งขันมาบ้างแต่ไม่ได้เลยเถิดอะไร ซึ่งวันนี้ไม่โชคดีแบบนั้น
"ผมไม่ชอบเลยเวลาที่เขาชอบวิ่งออกมาตะคอกใส่ผู้เล่นทีมเดียวกันเอง ผมมั่นใจได้ว่าเขากำลังเรียกร้องความสนใจจากฝูงชน ประมาณว่า ดูผมสิ ผมนี่แหละพี่ใหญ่ตัวจริง"
ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เข้าไปในทุกส่วนของร่างกาย สั่งให้ คีน เอ่ยสิ่งที่เขาเก็บงำมานานออกไป ... หากจะให้เดา เขาคงเริ่มต้นประโยคที่รุนแรงระดับ "เฮ้ย มึงอ่ะ" ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่เรื่องใหญ่จะเกิดขึ้นตามมาแน่นอน
จากนั้น คีน ด่า ชไมเคิล เป็นชุด นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำ เพราะ ชไมเคิล ที่ตัวใหญ่ยักษ์เกือบ 2 เมตรหนักร่วม 100 กิโลกรัม ในสภาพที่กำลังกรึ่มเหล้า คือคนสุดท้ายที่ใครต่อใครอยากจะตอแยด้วย แต่ คีน ก็คือ คีน เล็กใหญ่ไม่เกี่ยวใส่เดี่ยวได้หมดอยู่แล้ว เขาพูดไปแล้วและกำลังรอว่า ปีเตอร์ ชไมเคิล จะตอบกลับเขาอย่างไร ?
"เออ กูฟังมึงมานานแล้ว ได้เวลามาสะสางกันสักทีว่ะ" ยักษ์เดน ตอบกลับแบบเชิญชวน และ คีน พูดคำสุดท้ายว่า "โอเค" ก่อนกระโจนใส่แบบบ้าคลั่ง
ทั้งสองคนต่อยกันจริงจังอยู่ 10 นาที นั่นคือช่วงเวลาที่เพื่อนร่วมทีมห้ามแล้วแต่ก็เอาไม่อยู่ การแลกหมัดของสองจอมเดือดส่งเสียงดังสนั่นไปทั่ว จน เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานสโมสรที่เดินทางไปด้วยต้องตื่นขึ้นมาเพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
10 นาทีคือเวลาที่ดี ทั้งสองคนอาละวาดกันได้ที่และเริ่มอ่อนแรง สุดท้าย นิคกี้ บัตต์ คือคนที่เป็นพระเอกของงานและห้ามมวยคู่นี้ได้สำเร็จ คีน และ ชไมเคิล หลับไปในคืนนั้นด้วยสภาพที่เมาแอ๋ ... หลายคนกลัวว่าเช้าพรุ่งนี้บรรยากาศในทีมอาจจะไม่เหมือนเดิม ทั้งสองคนอาจจะแตกหักกันจนมีคนใดคนหนึ่งต้องย้ายทีมและสั่นคลอนสิ่งที่ เฟอร์กี้ พยายามจะทำมาตลอด 1 ทศวรรษ นั่นคือการสร้าง ยูไนเต็ด ให้ดีที่สุดในโลก
ต่อยแล้วจบ
"ผมตื่นเช้ามาแบบแฮงค์นิดหน่อย สิ่งที่ผมจำได้ในการชกกับ ชไมเคิล ยังอยู่แต่ภาพมันไม่ชัดนัก แต่ที่แน่ ๆ มือของผมโคตรเจ็บ และนิ้วข้างหนึ่งของผมหักจนงอไปด้านหลัง" คีน กล่าว
น่าประหลาดใจมากที่หลังจากการใส่กันยับในงานปาร์ตี้ครั้งนั้น ไม่เคยถูกแพร่งพรายออกมาในหน้าสื่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในสายตาคนนอก ทุกคนมองว่า ยูไนเต็ด มีแต่จะแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยทีมที่เป็นปึกแผ่น แต่ไม่มีใครเคยรู้ว่า กัปตันทีมและรองกัปตันทีมของพวกเขาเกลียดขี้หน้ากัน และลงมือชกกันจนเลือดตกยางออก
พวกเขาทั้งคู่ไม่ชอบหน้ากันจริง ๆ และไม่มีการผ่อนปรนจนถึงทุกวันนี้ คีน และ ชไมเคิล ไม่ใช่เพื่อนกัน แม้พวกเขาจะเป็นผู้นำของทีมชุดนั้นทั้งคู่ แต่ที่แน่ ๆ พวกเขาไม่ญาติดีและไม่มีถ้อยคำสวย ๆ ให้กันเลยสักครั้ง เพียงแต่ว่าในความเป็นมืออาชีพของทั้งคู่ คีน และ ชไมเคิล เตือนตัวเองเสมอว่าหน้าที่ของพวกเขาคือะไร แม้ไม่ใช่เพื่อนกัน แต่เมื่อลงสนามพวกเขาจำเป็นจะต้องลดทิฐิ และยอมรับว่า "เราคือเพื่อนร่วมทีม"
สิ่งที่ชัดเจนคือ ชไมเคิล ไม่เคยกล่าวว่าร้ายคีนในแง่ลบเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาเป็นรองกัปตันทีมและยังคงให้ความเคารพ คีน เมื่อได้ลงสนาม ขณะที่ คีน เองไม่เคยลดราวาศอก เขายังคงดุดันกับเพื่อน ๆ ทุกคน คอยกระตุ้นให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า และมุ่งมั่นในความเป็นมืออาชีพ ซึ่ง ชไมเคิล เองก็ไม่เคยจะเถียงเรื่องนี้ ... พวกเขามีทัศนคติตรงกันเมื่อลงเล่น นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ ยูไนเต็ด ยังคงสภาพทีมชุดที่ดีที่สุดเอาไว้ได้ โดยไม่มีใครย้ายทีมหนีไปเสียก่อนที่ความสำเร็จครั้งใหญ่จะมาถึง
การอยู่ร่วมกันด้วยองค์ประกอบของนักเตะที่ว่ากันว่า "ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร" ทำให้ความสำเร็จครั้งใหญ่ที่ไม่มีทีมไหนจากอังกฤษเคยทำได้มาถึงแบบไม่ต้องรอนาน ในฤดูกาล 1998-99 ทุกคนรู้ดีว่านักเตะของ ยูไนเต็ด ทุกคนท็อปฟอร์มแบบสุด ๆ จนประกาศศักดาคว้าทริปเปิลแชมป์ ได้แก่ พรีเมียร์ลีก,เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่ในรายละเอียดปลีกย่อย มีเรื่องความยอดเยี่ยมของสองคนที่เกลียดขี้หน้ากันซ่อนอยู่
ในเกมแชมเปียนส์ลีกรอบรองชนะเลิศ ที่ ปีศาจแดง ต้องออกไปเยือน ยูเวนตุส ด้วยสกอร์ 1-1 จากเกมแรก เสียเปรียบด้าน อเวย์โกล ในเกมนั้น คีน มีใบเหลืองติดตัวอยู่ 1 ใบ หากเขาโดนใบเหลืองอีกใบในเกมนี้ เขาจะไม่มีสิทธิ์เล่นรอบชิงชนะเลิศ หาก ยูไนเต็ด สามารถบุกไปชนะ ยูเวนตุส ได้
11 นาทีแรกของเกมเท่านั้น ฟิลิปโป้ อินซากี้ เหมาสองให้ ยูเวนตุส นำโด่งและโอกาสเข้ารอบสูงลิบ นักเตะคนอื่นกำลังเสียขวัญยกเว้น 2 ผู้นำอย่าง คีน และ ชไมเคิล เพราะเมื่อกล้องจับมาที่พวกเขาเมื่อไหร่ ทั้งคู่จะตะโกนใส่เพื่อนร่วมทีมเพื่อปลุกให้ยังสู้กับเวลาที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะ คีน นั้นแสดงบทบาทผู้นำแบบสุด ๆ และมีเกมที่ว่ากันว่าดีที่สุดในชีวิตของเขา ณ เวลานั้น
นาทีที่ 24 คีน ขึ้นมาโหม่งลูกเตะมุมของ เดวิด เบ็คแฮม ช่วยให้ ยูไนเต็ด ไล่กลับมา 1-2 แต่หน้าที่ในเกมนั้นของเขาช่างยิ่งใหญ่เหลือแสน นอกจากจะต้องคุมจังหวะเกมของทีมตัวเองแล้ว เขายังต้องประกบ ซีเนดีน ซีดาน จอมทัพที่เพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกและรางวัลบัลลงดอร์ ด้วยโจทย์ที่ว่าห้ามโดนใบเหลืองเด็ดขาด
ทว่าสุดท้ายแล้ว ซีดาน เก่งเกินจะหยุดได้ด้วยโอเพ่นเพลย์ ในช่วงท้ายเครื่องแรก ซีดาน รับบอลและกำลังจะสวนกลับ เขาหลอกล่อ คีน จนหลงทางและพร้อมพาบอลเข้าพื้นที่อันตราย ณ นาทีนั้นหากคีนคิดถึงตัวเองสักหน่อยเขาคงปล่อย ซีดาน ไปแบบเพลย์เซฟและหวังว่าเพื่อน ๆ แนวรับจะช่วยจัดการแทน แต่สิ่งที่เขาทำคือตัดเกมตั้งแต่ตรงนั้น เขาเตะ ซีดาน เพื่อให้เกิดการฟาวล์และหยุดเกม
คีน โดนใบเหลืองและหมดสิทธิ์ลงเล่นรอบชิงชนะเลิศแน่นอนแล้ว (หากทีมพลิกเข้ารอบได้) ทว่า คีน เป็นคนเช่นนั้นเสมอมา เขาคิดถึงทีมก่อนเสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้ารอบ เขายอมพลาดเกมนัดชิงก็ยังได้ และอยู่ในเกมด้วยสมาธิที่ไม่ว่อกแวก คีน เด่นกว่าใครในสนาม ขณะที่ ยูไนเต็ด ได้อีก 2 ประตูพลิกเข้ารอบชิงไปอย่างนรกแตก ... หลังจบเกมนักข่าวถาม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถึงเรื่องนี้ และ เฟอร์กี้ ตอบได้เพียง
"นี่คือค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ของ รอย คีน ช่างเป็นเกียรติของผมที่ได้ร่วมงานกับนักเตะอย่างเขา" เฟอร์กี้ กล่าวและ ยูไนเต็ด เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศจนได้ ...
ในนัดชิงที่ คัมป์ นู เป็นอีกครั้ง ที่ ยูไนเต็ด พลิกนรกจนได้รับชัยชนะ 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บทำให้ ปีศาจแดง เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ไป 2-1 คว้าแชมป์ถ้วยบิ๊กเอียร์ไปครองสำเร็จ แต่ไฮไลต์คือฉากรับถ้วยต่างหาก ทุกคนสงสัยว่าใครจะเป็นคนรับแชมป์ ซึ่งโดยปกติแล้วกัปตันทีมจะต้องเป็นคนขึ้นไปชูถ้วยคนแรก และ คีน ที่ไม่ได้ลงสนามสามารถทำได้ หากเขาเปลี่ยนจากชุดสูทในฐานะผู้ชมมาใส่ชุดแข่งของทีมและขึ้นไปชูถ้วยตามธรรมเนียม ทว่า คีน ไม่ทำ ... จึงทำให้ผู้สวมปลอกแขนกัปตันทีมอย่าง ชไมเคิล ต้องทำหน้าที่นั้นแทน
ความเกลียดชังส่วนตัวของทั้งคู่ไม่ได้ทำให้ใครอยากจะเด่นกว่าใคร คีน อยู่ในชุดสูทและมอง ชไมเคิล ชูถ้วยร่วมกับเพื่อนคนอื่น ๆ ว่ากันว่า ณ เวลานั้นนักเตะในทีมอีกหลายคนรวมถึง ชไมเคิล คู่ปรับของเขา พยายามจะบอกให้เขาขึ้นไปชูถ้วยด้วยตนเอง แต่ คีน บอกกับทุกคนกลับว่า "ใครก็ตามที่ได้ลงสนาม คือคนที่เหมาะสมที่จะได้ยินดีกับความสำเร็จในคืนนี้เป็นคนแรก" ... และคนแรกที่เขาหมายถึงคือ ปีเตอร์ ชไมเคิล นั่นเอง
คีน ให้ ชไมเคิล นำทัพชูถ้วยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เขาและ พอล สโคลส์ ในชุดสูท (ทั้งคู่สะสมใบเหลืองครบโควต้า โดนแบนในเกมนัดชิงเหมือนกัน) จะลงมาร่วมเฟรมกับเพื่อน ๆ ที่ลงสนามในเกมนั้น
ความยิ่งใหญ่ของการคว้า 3 แชมป์ในฤดูกาล 1998-99 ถูกกล่าวขานมาถึงจนทุกวันนี้ในฐานะทีมที่มีความเป็นนักสู้รวมตัวกันมากที่สุด ซึ่งความจริงแล้วควรจะกล่าวว่า นี่คือกลุ่มนักเตะที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อทีมมากที่สุดมากกว่า ...
คีน อาจจะมีปัญหากับ ชไมเคิล แต่มันไม่ได้ทำให้บรรยากาศในห้องแต่งตัวต้องอึมครึม และทั้งคู่คือหัวใจสำคัญของทีมชุดนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ... แม้ไม่ใช่เพื่อนกัน แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับความสำเร็จในฐานะทีม พวกเขาทุกคนช่วยกันปิดเรื่องรอยร้าวมาได้อย่างยาวนาน จนกระทั่งถึงวันที่เหมาะสมและเวลาผ่านไปนานกว่า 10 ปี ความลับจึงถูกเปิดเผยออกในอัตชีวประวัติของ รอย คีน ซึ่งแม้การชกกันจะเป็นเรื่องไม่ดี แต่ถ้าเรามองย้อนกลับไปเราจะพบว่า คีน และ ชไมเคิล มีความเป็นมืออาชีพมากแค่ไหน ที่ทำให้ทีมชุดนั้นเดินทางมาจนถึงวาระที่ทั้งโลกเรียกพวกเขาว่า "ทีมที่ดีที่สุดในโลก"
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าทีมชุดนั้นสร้างปรากฎการณ์มากมาย และทำให้เกิดแฟนบอลปีศาจแดงหน้าใหม่หลายล้านคนจนกลายเป็นทีมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ... และถ้าหากคุณคือหนึ่งในแฟนปีศาจแดงที่เริ่มหลงรักทีมในชุดนั้นและหวังจะตามรอยทีมรักสักครั้งในชีวิต โอกาสของคุณมาถึงแล้ว
สำหรับแฟนของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีอะไรที่คู่ควรไปกว่า บัตรเครดิตกรุงศรี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นบัตรเครดิตบัตรเดียวที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ ไม่ใช่แค่ใช้แทนเงินสดได้เท่านั้น แต่ยังมีสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นที่สามารถ "สานฝัน" แฟนบอลปีศาจแดงทุกคนอีกด้วย
เพราะทุกครั้งที่คุณใช้บัตรนี้ในวันที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงแข่งขัน จะสามารถสะสมแต้มได้เพิ่มอีก 2 เท่า หากแมนฯ ยูไนเต็ด ชนะในเกมธรรมดารับแต้มสะสม 4 เท่า และหากชนะในเกมใหญ่ รับเพิ่มไปเลย 8 เท่า
แต้มเหล่านี้ที่คุณได้รับจะสามารถสะสมเพื่อใช้แลกซื้อของที่ระลึกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบ Limited Edition อีกด้วย
นอกจากนี้ยังสามารถสานฝันแฟนผีด้วยการไปชม แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยตาของตัวเอง โดยสามารถแบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 6 เดือน
หากสนใจจะจับจองเป็นเจ้าของบัตรเดียวครบตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์แฟนบอลปีศาจแดงแบบนี้ ติดต่อได้เลยที่ 02-646-3555 สายด่วนบัตรกรุงศรีอยุธยา ตลอด 24 ชั่วโมง
แหล่งอ้างอิง
https://www.irishtimes.com/sport/soccer/international/peter-schmeichel-i-m-surprised-roy-keane-is-employed-by-the-fai-1.3285988
https://punditfeed.com/quick-reads/peter-schmeichel/
https://www.joe.co.uk/sport/no-place-for-roy-keane-in-peter-schmeichels-ultimate-five-a-side-team-122906
https://www.otbsports.com/sport/wes-brown-roy-keane-2-1076549
https://www.90min.com/posts/roy-keane-the-one-of-a-kind-fearless-leader-of-manchester-united-s-golden-era-01e7wzq1y4zp
https://www.scmp.com/sport/soccer/article/1611254/roy-keane-i-gave-fellow-manchester-united-legend-peter-schmeichel-black