"บน บน ล่าง ล่าง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา AB Select Start" หากคุณเป็นคอเกมของค่าย Konami คุณจะรู้จักโค้ดลับนี้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อกดสูตรดังกล่าวเมื่อไหร่ คุณจะได้ "บางอย่างที่พิเศษ" ในตัวเกมนั้น ๆ
สำหรับ Wining Eleven 3 หรือ วินนิ่ง 3 สูตรที่ว่านี้จะทำให้คุณได้ทีมรวมดารามา 2 ทีม ทีมแรก สีน้ำเงิน คือรวมดาราจากทวีปยุโรป และทีมที่ 2 สีเหลือง คือรวมดาราจากทั้งโลก ที่ไม่ว่าคอวินนิ่งคนไหนก็ต้องคิดถึง
เราจะพาทุกท่านย้อนกลับไปวันวาน เรื่องราวของทีมฝั่งสีเหลืองหรือรวมดาราโลก ทีมที่มีนักเตะสปีด 9 ในทีม 2 คน และมีนักเตะที่ยิง 9 ถึง 3 คนในทีมเดียว ... มีใครกันบ้าง พวกเขาเหล่านั้นทำอะไรอยู่ในปัจจุบัน ติดตามได้ที่นี่
โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต | ผู้รักษาประตู
หากฝั่งยุโรปมี ปีเตอร์ ชไมเคิล เป็นนายทวารจอมห้าว ฝั่งรวมดาราธงเหลืองก็ต้องยกให้ โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต นายด่านจากปารากวัยรายนี้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 อย่างไม่ต้องสงสัย
ในปี 1998 ชิลาเวิร์ต ถือเป็นประตูในแบบที่เรียกได้ว่า "ที่สุดของแจ้" เลยก็ว่าได้ มีทุกอย่างเท่าที่ประตูคนหนึ่งจะมีทั้ง การสั่งการ, ลูกปฎิกิริยา และการเตะจากเท้าที่แม่นยำ นอกจากนี้ยังมีของแถมในการเล่นลูกเซ็ตพีซที่ถือว่ายิงเป็นเข้าคนหนึ่งของวงการเลยทีเดียว นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ ชิลาเวิร์ต มีค่าพลัง การยิงถึง 8 มากที่สุดในบรรดาผู้รักษาประตูทุกคนของตัวเกมภาคนี้เลยทีเดียว
หลังจากจบฟุตบอลโลกปี 98 ชิลาเวิร์ต ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ชีวิตที่โดดเด่นมากนัก ได้เล่นในยุโรปกับ สตาร์สบูร์ก ในช่วงสั้นๆ ก่อนจะกลับมาแขวนสตั๊ดกับ เวเลซ ซาร์ฟิลด์ ทีมในลีกอาร์เจนติน่าที่เขาแจ้งเกิดและเป็นตำนานของทีม
ส่วนปัจจุบันนั้นเขาแทบไม่ปรากฎตัวผ่านสื่อและมีอัพเดทส่วนตัวน้อยมาก มีเพียงการเป็นข่าวเมื่อ 3 ปีก่อน ที่ The Sun สำนักข่าวจอมคุ้ยสัญชาติอังกฤษเผยภาพ ชิลาเวิร์ต ในวัย 53 ปีกำลังพุ่งปัดบอล ด้วยน้ำหนักตัวที่น่าจะไม่ต่ำกว่า 130 กิโลกรัม ... จากนั้นก็ไม่มีการอัพเดทอีกเลย
ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ | แบ็คขวา
หนึ่งในแบ็คขวาที่ดีที่สุดแห่งยุคในช่วงเวลาที่เขายังเล่นอยู่ ติดทีมรวมดาราโลกในฐานะ 11 ตัวจริงแซงหน้า มาร์กอส คาฟู ของ บราซิล ไปอย่างเฉียดฉิว ส่วนเหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่า โควต้า 1 ชาติ ในชุด 11 ตัวจริงแรกมีได้ไม่เกิน 3 คน จึงทำให้ บราซิล ที่เต็มโควต้าแล้ว ต้องหลบให้ ซาเน็ตติ รับตำแหน่งนี้ไป
พลังโดยรวมถือว่ายอดเยี่ยมมาก ทั้งความเร็วที่มีถึง 8 และความแข็งแกร่ง 8 ก็ถือว่าครบเครื่องสำหรับค่าพลังในยุคนั้นแล้ว เมื่อลงในเกมถ้าไม่เจอตัวสปีด 9 จี้เข้าใส่ก็ผ่านแบ็คอย่างซาเน็ตติยากหน่อย ผลงานของเขาชัดเจนมาก รวมทั้งในฟุตบอลโลก 1998 ที่พา อาร์เจนติน่า ไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนโดน เนเธอร์แลนด์ เขี่ยร่วงตกรอบไป
ส่วนหลังจากนั้น ซาเน็ตติ ประสบความสำเร็จในฐานะตำนานสโมสร อินเตอร์ มิลาน อยู่ในทีมชุด 3 แชมป์ปี 2010 ก่อนจะแขวนสตั๊ดกับทืมงูใหญ่ และกลายเป็น 1 ในบอร์ดบริหารของ อินเตอร์ กระทั่งทุกวันนี้
ปิแอร์ ยานก้า | เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
กองหลังจากประเทศแคเมอรูน ได้เล่นฟุตบอลโลกครั้งแรกในฟรองซ์ 98 ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งในตัวเกม วินนิ่ง 3 นั้น เขามักจะโดนเปลี่ยนตัวออกเป็นคนแรก ๆ เพราะว่ากันตามตรง ชื่อเสียงของดาวเตะจากสโมสร Olympic Mvolyé ทีมในลีกแคเมอรูนนั้น ถือว่าคนไทยแทบไม่รู้จักก็ว่าได้
ส่วนเรื่องค่าพลังนั้นหายห่วง ขึ้นยี่ห้อว่าแคเมอรูนมันก็ต้องเร็วจี๋สปีด 8 อยู่แล้ว ส่วนค่าพลังอื่น ๆ นั้นไม่ต้องไปคิดมาก นักเตะแนวรับนั้นไม่ค่อยมีค่าพลังที่ส่งเสริมการเล่นของพวกเขาเท่าไหร่นักในตัวเกมภาคนี้ ดังนั้นเรียกได้ว่าในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ถ้าวิ่งเร็วและตัวสูงก็ถือว่าเป็นอันใช้ได้แล้ว
ปัจจุบัน ยานก้า แขวนสตั๊ดไปเรียบร้อยแล้วด้วยวัย 45 ปี เส้นทางอาชีพในฟุตบอลยุโรปของเขาน้อยมาก และส่วนใหญ่เล่นในลีกรองของฝรั่งเศส ส่วนอาชีพการงานปัจจุบันไม่ได้ปรากฎแน่ชัด แต่ตามความเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขา น่าจะเกี่ยวกับการเป็นเอเย่นต์นักเตะที่มีชื่อเสียงในลีกอินโดนีเซีย เนื่องจากมีการอัพเดทตลาดซื้อขายบ่อยครั้ง ประกอบกับสโมสรสุดท้ายในอาชีพคือ บาหลี ยูไนเต็ด ทีมดังแดนอิเหนาอีกด้วย
โรแบร์โต้ อยาล่า | เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
สุดยอดเซ็นเตอร์จากฝั่งอเมริกาใต้ต้องคนนี้เท่านั้นสำหรับยุคปี 1998 ตัวของ อยาล่า นั้นเป็นตัวหลักของ อาร์เจนติน่ามาอย่างยาวนาน และเป็นเดอะแบกของกองหลังชุดทีมรวมดาราโลกเลยก็ว่าได้ เพราะในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ชื่อชั้นและค่าพลังของเขาถือว่าพึ่งพาได้มากที่สุดแล้วหากเทียบกับคนอื่น ๆ อย่าง ฮง เมียง โบ หรือแม้แต่ ยานก้า ที่ได้กล่าวไปในข้างต้น
ผลงานในโลกแห่งความจริงประสบความสำเร็จสุด ๆ ในช่วงเวลากับ บาเลนเซีย ที่คว้าแชมป์ลาลีกา ได้ถึง 2 สมัย ในปี 2002 และ 2004 ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ เรอัล ซาราโกซ่า และปิดท้ายกับสโมสรในบ้านเกิดอย่าง ราซิ่ง คลับ
หลังจากแขวนสตั๊ดแล้ว อยาล่า มุ่งหน้าเอาดีด้านการเป็นโค้ชแบบเต็มตัวและเริ่มสอบไลเซนส์มาตั้งแต่ปี 2014 ปัจจุบันเขาเป็นหนึ่งในทีมงานสตาฟฟ์ของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ในทีมชาติ อาร์เจนตินา
โรแบร์โต้ คาร์ลอส | แบ็คซ้าย
ไม่ต้องพูดอะไรกันมากมายสำหรับ 1 ในนักเตะที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์วินนิ่ง ยิง 9 วิ่ง 9 ไม่ว่าใครก็หยุดไม่อยู่ ขณะที่ตัวจริงก็สุดยอดประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งการคว้าแชมป์โลกกับทีมชาติบราซิลในปี 2002 นอกจากนี้ยังคว้าแทบทุกความสำเร็จกับ เรอัล มาดริด ยุค กาลาคติกอส อีกด้วย
โดยหลังจากออกจาก มาดริด คาร์ลอส เล่นให้กับอีก 4 สโมสรทั้ง เฟเนร์บาห์เช, โครินเธียนส์, อันจิ มาคัชคาลา และ เดลี ไดนาโม ก่อนแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2015
ปัจจุบันแบ็คซ้ายพลังเท้าช้างสารนั้น สอบไลเซนส์จนได้ระดับโปรและมีโอกาสได้ลองคุมทีมดูบ้างแล้วแต่ก็ไม่สบความสำเร็จมากนัก จนทุกวันนี้เริ่มเดินงานสายแอมบาสเดอร์ของสินค้าหรือบริษัทต่าง ๆ มากกว่า
ส่วนหน้าที่การงานอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่การผลิตฐานข้อมูลสำหรับแมวมองที่ชื่อว่า Ginga Scout เพื่อเชื่อมต่อผู้เล่นกับโค้ชทั่วโลก ขณะที่ใน 2 ปีก่อนเจ้าตัวเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของประเทศ โมร็อกโก สำหรับการประกาศท้าชิงตำแหน่งเจ้าภาพในฟุตบอลโลก 2026 อีกด้วย แม้โมร็อกโกจะไม่ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพก็ตาม
คาร์ลอส ดุงก้า | กองกลางตัวรับ
กัปตันทีมชาติบราซิลอย่าง ดุงก้า อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในการเล่นที่ยุโรปมากนัก แต่สำหรับทีมชาติบราซิล แชมป์โลก 5 สมัย เขาคือผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งผ่านการชูถ้วยแชมป์โลกในปี 1994
ดุงก้า นั้นแขวนสตั๊ดกับ อินเตอร์นาซิอองนาล ทีมดังในบ้านเกิด ก่อนจะเริ่มหันมาเอาดีด้านโค้ชเต็มตัว โดยผ่านการคุมทีมชาติบราซิลในฟุตบอลโลกปี 2006 และ 2010 ซึ่งไม่มีครั้งใดที่ไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศเลย อย่างไรก็ตามยังพอมีรางวัลปลอบใจด้วยการพาทีม เซเลเซา คว้าแชมป์ โคปาอเมริกา ในปี 2007
ปัจจุบันหลังออกจากทีมชาติบราซิล ดุงก้า ก็ยังไม่ได้จับงานทีมใดเลย โดยมีข่าวลือว่าในช่วงก่อนที่ทีมชาติไทยของเราจะได้ อากิระ นิชิโนะ มาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ดุงก้า คือ 1 ในแคนดิเดตคว้าตำแหน่งนี้ไปครองด้วย ทว่าเจ้าตัวเลือกที่จะรอสัญญาจากฝั่งทีมสโมสรในลีกจีนมากกว่า ดีลดังกล่าวจึงไม่เกิดขึ้น (จากการยืนยันของเอเยนต์ของดุงก้า)
อาเรียล ออร์เตกา | กองกลางตัวรุก
เพลย์เมคเกอร์ร่างจิ๋วอย่าง ออร์เตกา ถือเป็น 1 ในนักเตะที่เกิดสุด ๆ ในฟุตบอลโลกปี 1998 ไม่ว่าจะด้วยความเร็ว เทคนิค และการเล่นพื้นที่สุดท้ายถือว่าได้เรื่องทั้งนั้น ถึงขั้นขนาดที่ว่าเขาเป็น 1 ในผู้เล่นของทีมเป๊ปซี่ในตำนาน และการ์ดของเขาก็หายากเอาเรื่อง
ส่วนค่าพลังในเกมก็ถือว่าดีแทบทุกอย่าง เฉลี่ยรวม ๆ แล้วน่าจะอยู่ราว ๆ 8 เต็ม 10 ทั้งความเร็วและการเล่นเกมรุก ดังนั้นไม่แปลกที่จะติดเข้ามาในทีมรวมดาราธงเหลือง หรือรวมดาราโลกในเกมภาคนี้
น่าเสียดายที่ช่วงของการเล่นในยุโรปกับทีมใหญ่ ๆ อย่าง บาเลนเซีย และ ปาร์มา นั้นไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ออร์เตกา จึงย้ายกลับไปเล่นและเกิดสุด ๆ กับ ริเวอร์เพลท อดีตสโมสรที่ปั้นเขามา ก่อนจะแขวนสตั๊ดไปในปี 2012 ส่วนหน้าที่การงานปัจจุบันนั้น ออร์เตกา รับตำแหน่งโค้ชทีมเยาวชนของ ริเวอร์เพลท
ถึงแม้จะไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่โตอะไรแต่นี่คือชีวิตใหม่ของเขา เนื่องจากมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาติดแอลกอฮอล์และติดยาเสพติดหนักมากจนเกือบจบชีวิตตัวเองมาแล้ว จนกระทั่งได้เข้ารับการบำบัดและได้รับการช่วยเหลือจากอดีตต้นสังกัดอีกครั้งนั่นเอง
มุสตาฟา ฮัดจิ | กองกลางตัวรุก
พ่อหนุ่มผมยาว มัดผมทรงหางม้าอย่าง มุสตาฟา ฮัดจิ คือนักเตะที่เด่นที่สุดในฟุตบอลโลก 1998 ของทีมชาติ โมร็อกโก เขายิงได้ 3 ประตูในรอบแบ่งกลุ่ม และโชว์ลีลาลากเลื้อย จนกระทั่งหลังจบทัวร์นาเมนต์ได้ไม่นานก็ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ โคเวนทรี และกลายเป็น "คัลท์ ฮีโร่" ของทีมช้างกระทืบโรง
ช่วงเวลาหลังจากนั้น ฮัดจิ ออกแนวพเนจรไปเล่นกับทีมอย่าง แอสตัน วิลลา, เอสปันญอล, เอมิเรตส์ คลับ, ซาร์บรูกเคน และ โฟลา อีชส์ ทีมในลีกลักเซมเบิร์ก และแขวนสตั๊ดไปกับทีมนั้นในปี 2010
หลังจากแขวนสตั๊ด ฮัดจิ รับตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีมของทีม อุม ซาลาล ในกาตาร์ ก่อนที่ในปี 2014 จะเป็นผู้ช่วยโค้ชของทีมชาติโมร็อกโกจนถึงทุกวันนี้
พาทริก เอ็มโบมา | กองหน้า
แข้งตีนควายจาก แคเมอรูน ถือเป็นดาวเด่นของเกมวินนิ่งอย่างแท้จริง สตั๊ดสีแดง ยิงเข้าข้อเมื่อไหร่เรื่องเงียบเสียบมุมเมื่อนั้น พลังที่โดดเด่นคือ สปีด 8 และยิง 9 เรียกได้ว่าดีกว่านี้ก็เห็นจะมีแต่ โรนัลโด้ และ โรแบร์โต้ คาร์ลอส เท่านั้นเอง
ส่วนในชีวิตจริงนั้น เอ็มโบมา ไม่ประสบความสำเร็จมากมายในการเล่นในยุโรป แต่สำหรับเจลีก เขาคือตำนานโดยแท้ เพราะระเบิดตาข่ายกระจุยกระจายกับ กัมบะ โอซากา ในปี 1997-98 ก่อนที่หลังจากนั้นจะพเนจรไปเล่นในหลาย ๆ ลีกทั้ง อังกฤษ, อิตาลี, ซาอุดีอาระเบีย ก่อนจะมาปิดฉากอาชีพในญี่ปุ่นกับ วิสเซล โกเบ
หลังจากแขวนสตั๊ดในปี 2005 เขาไม่ได้รับงานโค้ชเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่มักจะปรากฎตัวในรายการโทรทัศน์และเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของฝั่งฟุตบอลแคเมอรูน โดยเมื่อปี 2020 เจ้าตัวเป็นนักวิจารณ์ช่วงพักครึ่งในนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ บาเยิร์น เอาชนะ เปแอสเช ไป 1-0 ของช่องทีวีท้องถิ่น
โรนัลโด้ | กองหน้า
โรนัลโด้ นาซาริโอ หรือ R9 คือนักเตะที่ดีที่สุดในวินนิ่ง 3 และ วินนิ่ง 4 อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากสปีด 9 แล้ว ตัวก็ยังสูงพอที่จะทำให้โหม่งดี และเมื่อหลุดเดี่ยวทีไรใส่สกอร์หายได้สบาย ๆ เรียกได้ว่าจะหาใครเก่งกว่านี้ทั้งในโลกแห่งความจริงและโลกแห่งเกม ณ เวลานั้นคงไม่มีอีกแล้ว
ส่วนอาชีพค้าแข้งของเขาหลังจากฟุตบอลโลก 1998 ก็พีกขึ้นมาอีกในฟุตบอลโลกปี 2002 ที่พา บราซิล คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 ก่อนที่จะเริ่มถดถอยลงไปเนื่องจากสภาพร่างกายไม่ค่อยดีนัก มีปัญหาที่เข่าและการควบคุมน้ำหนักที่คาดว่าจะเกิดจากโรคประจำตัว จนทำให้ในช่วงปลายยุค 2000 ต่อ 2010 โรนัลโด้ จึงมีความสำเร็จน้อยไปหน่อย ด้วยการคว้าแชมป์ลีกบราซิลกับ โครินเธียนส์ ในปี 2009 เท่านั้น
ปัจจุบัน โรนัลโด้ ปรากฎตัวผ่านหน้าสื่อบ่อยมากทั้งในเกมการกุศล และงานด้านแอมบาสเดอร์ต่าง ๆ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และประธานสโมสร เรอัล บายาโดลิด ทีมในลีกสูงสุดของสเปนอีกด้วย
กาเบรียล บาติสตูตา | กองหน้า
หนักกว่า เอ็มโบมา ก็ บาติสตูตา นี่แหละ ที่นอกจากจะยิงหนักแล้ว ยังยิงแม่นอีกด้วย โดยในตัวเกมวินนิ่ง 3 แม้สปีดจะไม่เท่า โรนัลโด้ แต่ถ้าได้ลองจับคู่กันเมื่อไหร่เรียกได้ว่านรกแตกเมื่อนั้น อีกคนเร็ว อีกคนหนัก และนั่นทำให้รวมดาราโลกจึงจำเป็นจะต้องจับเขามาใส่ไว้ในทีมเดียวกันนั่นเอง
บาติสตูตา คือตำนานของ ฟิออเรนตินา ในช่วงยุค 90s ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ โรมา ซึ่งในช่วงเวลานั้นเองเป็นช่วงเวลาที่เขาสามารถพาทีมหมาป่าคว้าแชมป์ เซเรีย อา ได้สำเร็จเมื่อปี 2001 ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ อินเตอร์ และแขวนสตั๊ดกับ อัล อาราบี ในลีกกาตาร์ ปี 2005
หลังแขวนสตั๊ดเขาไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับฟุตบอลมากนัก เนื่องจากรู้สึกอิ่มตัวกับโลกลูกหนังแล้ว โดยหน้าที่การงานส่วนใหญ่จะออกไปทางกูรูฟุตบอลรับเชิญเสียมากกว่า โดยประจำการที่ช่อง Fox Sports ของฝั่งอเมริกาใต้นั่นเอง
ฮอร์เก คัมโปส | สำรอง
จะมีผู้รักษาประตูสักกี่คนที่มีค่าสปีด 8 ในเกมวินนิ่ง 3 ... เรานึกถึงใครไม่ออกจริง ๆ นอกจาก ฮอร์เก คัมโปส นายทวารร่างเล็กจากทีมชาติเม็กซิโก
ลีลาการเซฟของ คัมโปส นั้นโดดเด่นในระดับหนึ่ง แต่ที่เกิดสุด ๆ คือชุดแข่งที่เขาออกแบบเองนั้นโดดเด่นมาก ๆ ในการเลือกเฉดสีที่จี๊ดจ๊าด เห็นแล้วแสบตาจนต้องร้องทักว่าหมอนี่คือใคร
ส่วนในระดับสโมสรตัวของคัมโปสนั้นไม่ได้เล่นในลีกใหญ่อะไร เขาวนเวียนอยู่กับการเล่นในลีกของสหรัฐอเมริกา และ เม็กซิโก ก่อนจะแขวนถุงมือกับ คลับ ปวยบลา ในบ้านเกิดเมื่อปี 2004
ปัจจุบันเขายังปรากฎตัวตามงานฟุตบอลการกุศล และยังเป็นคอมเมนเตเตอร์ด้านฟุตบอลของช่องโทรทัศน์ท้องถิ่นอย่าง TV Azteca อีกด้วย
ฮิเดโตชิ นากาตะ | สำรอง
สุดยอดแรงกระเพื่อมของวงการฟุตบอลเอเชีย ณ ปี 1998 ต้องเป็น นากาตะ เท่านั้น เพราะนอกจากค่าพลังในเกมจะสุดเฟี้ยวเยอะยิ่งกว่า เดวิด เบ็คแฮม แล้ว เขายังย้อมผมทองเท่ระเบิด ลงสนามแล้วเห็นมาแต่ไกลนั่นเอง นอกจากนี้ท่าดีใจของเขาในเกมก็เท่สุด ๆ นั่นคือ ท่าเดินแอ็คช้า ๆ ทำเป็นไม่ดีใจ เห็นแล้วเรียกรอยยิ้มได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ตัวจริง นากาตะ ประสบความสำเร็จในการเล่นในอิตาลีกับ เปรูจา และมาคว้าแชมป์ เซเรีย อา กับ โรมา (ปีเดียวกับ บาติสตูตา นั่นเอง) ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ ปาร์มา, ฟิออเรนตินา และปิดฉากที่อังกฤษกับ โบลตัน ในปี 2006
หลังจากแขวนสตั๊ด นากาตะ หันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับ แฟชั่น นอกจากนี้ยังมีหุ้นส่วนเกี่ยวกับการทำบริษัทสาเกญี่ปุ่นอีกด้วย
มาร์เซโล ซาลาส | สำรอง
มาร์เซโล ซาลาส ถือเป็น 1 ในปรากฏการณ์ของฟุตบอลโลกปี 1998 หลังจากจับคู่กับ อิวาน ซาโมราโน ระเบิดฟอร์มสุดจี๊ด คนนึงยิง อีกคนจ่าย สลับกันอย่างเมามัน และตัวของเขาถือว่าเป็นศูนย์หน้าที่มีเทคนิคยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง
ขณะที่ในเกมวินนิ่ง 3 ซาลาส โดดเด่นกว่า ซาโมราโน เล็กน้อยด้วยสปีดที่มากกว่า (สปีด 8) ซึ่งเป็นค่าพลังหลักในตัวเกมภาคนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาถูกเลือกติดเข้ามาในทีมรวมดาราโลกธงเหลืองนั่นเอง
ด้านชีวิตจริงหลังจากฟุตบอลโลก ซาลาส ย้ายอกจาก ริเวอร์เพลท ไปเล่นในอิตาลี กับ ลาซิโอ และ ยูเวนตุส ก่อนที่จะกลับมาแขวนสตั๊ดกับ ยูนิเวอร์ซิดัด เดอ ชิลี ในปี 2008 ส่วนหลังจากนั้นไม่ได้ปรากฎอาชีพที่แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะยังมีส่วนร่วมในแวดวงฟุตบอลชิลี เนื่องจากเขามักจะพบปะและออกสื่อร่วมกับ อเล็กซิส ซานเชซ ดาวเตะชิลีชุดปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีคลิปการดูแลร่างกายในแบบของเขาปรากฎบนอินสตาแกรมส่วนตัวอีกด้วย