Feature

เฮฟวี่ เมทัล ไลฟ์สไตล์ : เปิดตำราสุขภาพฉบับชมรมคนหูเหล็ก | Main Stand

แนวดนตรีร็อก/เฮฟวี่ เมทัล อาจจะเป็นหนึ่งในแนวดนตรีที่เข้าถึงยากที่สุดสำหรับใครหลาย ๆ คน 

 


อาจเป็นเพราะภาคของดนตรีที่มีความหนักหน่วงเกินจะรับฟังได้นาน ริฟฟ์กีตาร์ที่แตกพร่า กลองกระเดื่องคู่ที่ทำให้สั่นไปถึงอวัยวะภายใน ไปจนถึงเสียงว้ากที่ยากเกินจะเข้าใจของหลาย ๆ วง หรืออาจด้วยภาพลักษณ์ที่ดูโหดของชาวเมทัล ผ่านผมยาวที่ตั้งใจไว้เพื่อการสะบัด ตลอดจนรอยสัก รอยเจาะตามตัวที่มากน้อยตามความชอบ 

สิ่งเหล่านี้มักจะทำให้ชาวหูเหล็กทั้งหลายโดนตัดสินจากรูปลักษณ์ไปก่อน หากคนเหล่านี้ไปสุดทางด้านภาพลักษณ์ การใช้ชีวิตของเขาก็จะต้องปาร์ตี้ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ฟังเพลงเสียงดังใช่หรือไม่ ? 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบรรทัดฐานทางสังคมเหล่านี้ไม่แฟร์เอาเสียเลย เพราะรู้หรือไม่ว่า ชาวร็อกหลายคน ทั้งนักดนตรีและนักฟัง อาจเป็นกลุ่มบุคคลที่รักสุขภาพมากที่สุด เพราะการที่ต้องใช้ร่างกาย ใช้พลังในการขึ้นโชว์อย่างมากในแต่ละครั้ง หรือการที่ต้องแข็งแรงเพื่อไปกระโดดในวงมอชพิท ยิ่งต้องทำให้พวกเขาดูแลร่างกายให้มีความฟิตเป็นพิเศษ 

เฮฟวี่ เมทัล ไลฟ์สไตล์ ที่ว่านี้เป็นอย่างไร และดนตรีเมทัลมีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพหรือไม่ ? 

เตรียมร่างกายให้พร้อม แล้วเข้ามาวิ่งใน Circle Pit พร้อมกับ Main Stand จนกว่าบทความนี้จะจบลง

 

HEALTHY HEAVY METAL 

ก่อนจะเข้าเรื่อง สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับเพลงเฮฟวี่เมทัล เราขอบอกไว้ก่อนว่า เฮฟวี่เมทัลนั้นก็มีหลายแขนง อาทิ แทรชเมทัล แบล็กเมทัล เมทัลคอร์ เดธคอร์ แมธคอร์ หรือโปรเกรสซีฟเมทัล ซึ่งแต่ละแนวก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป แม้จะยืนอยู่บนจุดร่วมเดียวกันคือสไตล์การเล่นที่หนักหน่วง และเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันในที่นี้ เราจะขอเรียกแนวเพลงนี้รวม ๆ ว่าเฮฟวี่เมทัล

หากพูดถึงเฮฟวี่ เมทัล คุณจะนึกถึงอะไร ? นึกถึงเพลงของวงอย่าง Metallica, Anthrax, หรือ Megadeth นึกถึงชายหนุ่มฉกรรจ์ใส่เสื้อยืดวงดนตรีโปรด กางเกงขาสามส่วน รองเท้าผ้าใบ ไว้ผมยาว แขนเต็มไปด้วยรอยสักพร้อมกับถือแก้วเบียร์ไว้ในมือในงานคอนเสิร์ตอันเดอร์กราวด์สักที่ หรือนึกถึงไลฟ์สไตล์แบบสุดเหวี่ยงอย่างการปาร์ตี้ยันเช้า ใช้ร่างกายแบบไม่มีลิมิตใช่ไหม ? 

เพื่อทลายกำแพงของความเข้าใจแบบผิด ๆ ต่อชาวเมทัลที่อยู่มานานหลายทศวรรษ เราขอบอกว่า สิ่งเหล่านี้ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอก คำกล่าวที่ว่า "อย่าตัดสินหนังสือจากปก" ยังคงใช้ได้จริงเสมอ ซึ่งชัดเจนเป็นพิเศษกับกรณีนี้ เพราะชาวเมทัลอาจจะเป็นหนึ่งในแฟนเพลงที่มีสุขภาพดีที่สุดก็เป็นได้ และดนตรีเมทัลก็อาจอยู่ในตำราดูแลสุขภาพได้เช่นกัน

จากผลการวิจัยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในช่วงต้นปี 2021 โดย Vera Clinic คลินิกเพื่อความงามในประเทศตุรกี ได้ค้นพบว่า การฟังเพลงเฮฟวี่เมทัล สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้

ทางคลินิกได้ทำการสำรวจอาสาสมัครจำนวน 1,540 คน โดยการให้ทำ Non-Verbal Resoning Test หรือการทำแบบทดสอบการคิดวิเคราะห์และการทำความเข้าใจต่อสิ่งต่าง ๆ คล้ายกับการทดสอบ EQ ซึ่งตัวข้อสอบจำเป็นจะต้องใช้ความคิดในระดับหนึ่ง จนสามารถสร้างความเครียดในระดับต่ำได้ เพราะเหตุนี้เองในระหว่างที่ทำข้อสอบ ทางคลินิกจะเปิดเพลงให้ผู้เข้าร่วมฟัง โดยจะจัดเพลย์ลิสต์แบบสุ่มไปเรื่อย ๆ พร้อมกับติดเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจและเครื่องวัดความดันเลือดเพื่อบันทึกสถิติตลอดเวลา

จากผลการทดลองพบว่า ดนตรีประเภทเฮฟวี่ เมทัล สามารถช่วยลดความเครียดให้แก่ผู้สอบได้มากถึง 89% เป็นอันดับ 2 รองจาก แนวเพลงป๊อปยุค 80s ที่ลดความเครียดได้ 96% การฟังเพลงเมทัลจะช่วยลดความดันโลหิตและช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจลงได้กว่าปกติถึง 18% กล่าวอย่างง่ายที่สุดก็คือ การฟังเมทัลอาจช่วยลดความเครียดและช่วยให้ใจเย็นลง 

เรื่องนี้อาจจะสร้างความสับสนให้กับบางคน เพราะเพลงที่ดุขนาดนี้ จะช่วยให้ใจเย็นลงได้อย่างไร ? ถ้าใครยังไม่เห็นภาพ เราขอแนะนำเพลงตัวอย่างให้ไปลองฟังกันระหว่างอ่าน 

สำหรับคนที่ใหม่กับเฮฟวี่เมทัล หากคุณกำลังมองหาจุดเริ่มต้น คุณอาจจะลองฟัง Big 4 ในตำนานอย่าง Metallica, Megadeth, Slayer และ Anthrax ดูก่อน เพื่อให้เข้าใจดนตรีประเภทนี้มากขึ้น หรือถ้าหากเคยฟังแล้ว ก็ลองขยับมาเมทัลแขนงอื่นได้ อาจจะลองเมทัลคอร์จากอังกฤษกับวงอย่าง Architects หรือ While She Sleeps สองวงที่ผู้เขียนฟังอยู่บ่อย ๆ เพราะพวกเขาเพิ่งปล่อยอัลบั้มล่าสุดออกมาในปีนี้ 

หากลบคูณลบเป็นบวก ยิ่งดนตรีเกรี้ยวกราด ก็อาจยิ่งทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นได้เหมือนกัน เพราะอีกหนึ่งงานวิจัยก็เคยบอกไว้ว่า การฟังดนตรีเฮฟวี่ เมทัล สามารถช่วยลดความโกรธได้ด้วย

 

NON-TOXIC HEAVY METAL 

นอกจากเรื่องทางกายภาพแล้ว เรื่องทางจิตใจก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฮฟวี่ เมทัล หากฟังก์ชันพื้นฐานของดนตรีคือการลดความเครียด การจัดการกับอารมณ์ความโกรธของเฮฟวี่เมทัลก็เปรียบเสมือนกับฟังก์ชันพิเศษ เพราะความหนักของดนตรีในขณะนั้นจะเหมาะกับอารมณ์ของเราที่กำลังเดือดอยู่นั่นเอง 

จากการศึกษาของ "ด็อกเตอร์ เลอา เชอร์แมน" นักวิจัยจากคณะแพทย์ศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในสาขาจิตวิทยาแห่งออสเตรเลีย ผู้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ ดนตรี โดยเฉพาะ ได้เปิดเผยเกี่ยวกับงานวิจัยของเธอในปี 2015 ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับผลกระทบของดนตรีอันมีผลต่อสังคม 

งานวิจัยของเธอ ได้ศึกษาผู้ใหญ่จำนวน 39 คน และพบว่าคนที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 18 ถึง 34 ปี เป็นคนที่จะใจเย็นลงเวลาได้ฟังเพลงเฮฟวี่ เมทัล วิธีการของเธอคือ เธอจะให้เวลาผู้ร่วมทดลอง 16 นาที เพื่อนึกถึงเรื่องปัญหาต่าง ๆ เช่นเรื่องการเงิน การงานหรือความสัมพันธ์ หลังจากนั้น เธอจะให้พวกเขาฟังเพลง 10 นาที และให้อยู่ในความเงียบอีก 10 นาที 

ผู้เข้าร่วมการทดลองของเธอ แบ่งออกเป็นสองกลุ่มแบบครึ่งต่อครึ่งอย่างเห็นได้ชัด ครึ่งหนึ่งเลือกเพลงที่มีเนื้อหาเศร้า ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเลือกเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความโกรธ 

"ฉันสงสัยว่าคนใช้ดนตรีอย่างไร ? เพราะปกติโดยทั่วไปเวลาที่คนเราฟังเพลง เราก็มักจะฟังในช่วงอารมณ์ที่ต่างกันออกไป เราพบว่าดนตรีสามารถควบคุมความเศร้าและสามารถเพิ่มอารมณ์ด้านบวกได้" 

"เวลาที่คุณรู้สึกโกรธแล้วไปฟังอะไรที่มันเร้าใจ มันจะเหมาะกับอารมณ์ช่วงนั้นของคุณพอดี" 

อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองของเธอไม่สามารถการันตีได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า การฟังเฮฟวี่เมทัลจะช่วยให้ลดความโกรธได้ เพราะความจริงแล้ว ใจความสำคัญของเรื่องนี้คือ เราเลือกเพลงที่เราอยากจะฟังในช่วงเวลาเหล่านั้นมากกว่า 

ถึงอย่างไร สำหรับบางคน การฟังเฮฟวี่เมทัลที่มีเนื้อหาส่วนมากเกี่ยวกับความโกรธ ก็มักจะช่วยให้พวกเขาควบคุมอารมณ์ได้ เต็มที่ก็ช่วยให้ใจเย็นลงโดยไม่รู้สึกโกรธกว่าเดิม เพราะเขากำลังฟังเพลงโปรดอยู่ ด็อกเตอร์ เลอา ยังกล่าวเสริมต่ออีกว่า

"จากข้อสังเกต คนที่ฟังเพลงหนัก ๆ มีจุดประสงค์ในการเลือกเพลงคือทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น และไม่ว่าจะเป็นเพลงแบบไหน ตราบใดที่มันยังเป็นเพลงที่คุณชอบมันก็จะช่วยคุณได้ คุณก็จงฟังมันให้เต็มที่ไปเลย"

หลังจากการศึกษาภาพรวมของดนตรีและอารมณ์ของด็อกเตอร์ เลอา ในปี 2015 ก็ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องดนตรีหนักกระโหลกกับอารมณ์อีกครั้งในปี 2019 โดย ศาสตราจารย์ "บิล ทอมป์สัน" จากมหาวิทยาลัยแมคควอรี่ ประเทศออสเตรเลีย 

งานวิจัยของบิลมุ่งเน้นไปที่แนวเพลงประเภทเดธเมทัลโดยเฉพาะ ที่เนื้อหาส่วนมากจะพูดถึงเรื่องการใช้ความรุนแรงเป็นหลัก เป็นที่น่าสนใจว่าจริง ๆ แล้ว ดนตรีเดธเมทัล สามารถสร้างความสุขได้มากทีเดียว และแฟนเพลงเดธเมทัลก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่นิสัยดีและแฮปปี้ที่สุด เขาให้สัมภาษณ์กับ BBC ในปี 2019 ไว้ว่า

"แฟนเพลงเดธเมทัลเป็นคนน่ารัก พวกเขาจะไม่ออกไปนอกบ้านเพื่อทำร้ายใครหรอก" 

การทดลองของศาสตราจารย์บิล ได้รับการช่วยเหลือจากหัวหน้านักวิจัย "ด็อกเตอร์ ยานาม ซัน" วิธีการของพวกเขาคือการทดสอบการตอบสนองทางด้านจิตใจ โดยผู้เข้าร่วมจำนวน 32 คนที่เป็นแฟนเพลงเดธเมทัล และอีก 48 คนที่ไม่ใช่แฟนเพลงเดธเมทัล โดยจะต้องดูภาพความรุนแรงในขณะที่ฟังเพลงไปด้วยสองภาพในเวลาเดียวกัน เช่น มองภาพคนถูกทำร้ายบนท้องถนนด้วยตาขวาและมองภาพคนเดินถนนปกติด้วยตาซ้าย เพื่อสังเกตว่าสมองของพวกเขาสามารถสังเกตความรุนแรงได้อย่างไรและดนตรีมีผลต่ออารมณ์ของพวกเขาหรือไม่

ผู้เข้าร่วมทดลองจะได้ฟังเพลงที่ต่างกันคนละเพลงขณะดูรูป เพลงที่ด็อกเตอร์ยานามกับศาสตรจารย์บิลเลือกใช้นั้นเรียกได้ว่ามีความต่างกันแบบสุดขั้ว พวกเขาเปิดเพลง "Eaten" ของวงสวีดิชเดธเมทัลชื่อ Bloodbath อันมีเนื้อหาพูดถึงเรื่องการใช้ความรุนแรงให้กับแฟนเพลงเดธเมทัล กับเปิดเพลง "Happy" ของ Pharrell Williams เพลงที่เปรียบเสมือนขั้วตรงข้ามให้กับคนทั่วไป 

ผลการทดลองได้แสดงให้เห็นว่า ภาพที่กลุ่มทดลองทั้งสองเห็นและเลือกมองก่อน คือภาพของความรุนแรงและนั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาสนใจที่จะใช้ความรุนแรง หากแต่เป็นการตอบสนองว่านี่คือภัยคุกคามต่างหาก  กล่าวคือพวกเขาตื่นตัวว่ากำลังจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น และแฟนเพลงเดธเมทัลที่เข้าร่วมก็รู้สึกแบบเดียวกันกับคนทั่วไป 

ศาสตราจารย์บิล ทอมป์สันได้อธิบายขยายความต่อเรื่องนี้ว่า 

"สมองจะพยายามรับสาส์นนั้นไว้ เพราะมันคือภัยคุกคาม" 

"ถ้าคนที่ชอบฟังเพลงรุนแรงไม่ได้รู้สึกถึงภัยคุกคาม พวกเขาก็คงไม่ตอบสนองแบบคนทั่วไป นั่นเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่กังวล ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือกลุ่มคนทางศาสนา ในทางกลับกันคนพวกนี้เขาก็ตอบสนองแบบเดียวกับคนทั่วไปนั่นแหละ" 

เรื่องการทดลองนี้ไปถึงหู "นิก โฮล์มส์" นักร้องนำของวง Bloodbath เขาให้สัมภาษณ์กับ BBC ต่อเรื่องดังกล่าวว่า 

"เราไม่มีปัญหากับเรื่องนี้เลย เราก็ทราบแล้วจากการศึกษาว่าเนื้อหาของเพลงนั้นสนุกและไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด" 

"แฟนเพลงเดธเมทัลส่วนใหญ่เป็นคนฉลาด มีไหวพริบ และพวกเขาก็แค่หลงใหลในเสียงดนตรีเท่านั้น ก็เหมือนกันกับคนที่ชอบหนังสยองขวัญหรือคนที่ชอบแต่งคอสเพลย์ไปทำการแสดงการจำลองประวัติศาสตร์นั่นแหละ"

อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็พอจะเข้าใจได้คร่าว ๆ แล้วว่า ชาวเมทัลนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อีกทั้งสุขภาพจิตของคนที่นิยมเพลงหนักกระโหลกส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มเป็นไปในทางบวกด้วย 

นอกจากนักฟังแล้ว ทางฝั่งนักดนตรีเองก็เฮลตี้เช่นเดียวกัน เพราะหลาย ๆ คน ต่างก็ต้องใช้ร่างกายใช้เสียงอย่างหนักในการขึ้นโชว์แต่ละครั้ง บางคนถึงขนาดเล่นกีฬาจริงจังพอ ๆ กับการเล่นดนตรี บางคนเล่นเป็นชีวิตไม่ใช่แค่งานอดิเรกด้วยซ้ำ

 

SPORTY HEAVY METAL 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไลฟ์สไตล์แบบ "Sex, Drug, Rock n Roll" ที่เคยเป็นค่านิยมในอดีต ได้พานักดนตรีหลาย ๆ คน ใช้ชีวิตแบบสุดลิ่มทิ่มประตูมาแล้วนักต่อนัก ด้วยชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จที่ถาโถมเข้ามา อาจทำให้พวกเขาออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง 

อย่างเช่น "แดนนี่ วอร์สนอป" แห่งวง Asking Alexandria วงเมทัลคอร์จากอังกฤษ ผู้เคยเป็นหนึ่งในคนที่ใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง พาตัวเองไปสุดลิมิตของร็อกสตาร์มาแล้ว เขาเคยยอมรับอย่างเปิดเผยว่าเป็นหนึ่งคนที่หลงระเริงไปกับชื่อเสียงและเงินทอง เคยเป็นคนที่ติดสุราและเสพย์โคเคนจำนวนมากในช่วงที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ช่วงตอนที่ปล่อยอัลบั้ม "Reckless & Relentless" สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 2 ของวง ส่งผลให้พวกเขาเป็นหนึ่งในวงดนตรีเมทัลคอร์ยุคใหม่ที่มาแรงที่สุด 

 

"ตอนช่วง 5 นาทีแรกมันก็สนุกอยู่หรอก แต่สุดท้ายคุณก็จะไปอยู่ในที่ที่ดาร์กมาก ๆ มันไม่ได้มีความน่าดึงดูดในเรื่องนี้เลย คุณจะพบว่าตัวเองอยู่แต่ในบ้าน มีบัตรเครดิตอยู่ในมือเพื่อจัดวางโคเคนให้เป็นแถว แล้วเริ่มเสพย์มันตั้งแต่ตอนตี 4 ของวันใหม่" 

แดนนี่เคยถึงขนาดไม่สามารถว้ากได้ ทั้ง ๆ ที่ตนเองเป็นฟรอนต์แมนและควรจะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ จนได้รับการติจากแฟนเพลงจำนวนมาก เขาให้เวลากับตัวเองด้วยการออกไปพักร่างกายจาก Asking Alexandria ระยะหนึ่ง ปัจจุบันแดนนี่เป็นหนึ่งคนที่พาตัวเองออกมาจากไลฟ์สไตล์แบบนั้นได้ในที่สุด และเขาก็สุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้จนถึงตอนนี้เขาและคณะยังคงสร้างผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากแดนนี้ คนที่หันมารักสุขภาพมากขึ้นอีกคนได้แก่ "คอรี่ย์ เทย์เลอร์" กระบอกเสียงแห่งวงหน้ากากผี Slipknot ผู้คร่ำหวอดแห่งวงการ ที่ตอนนี้สามารถเลิกเหล้ามาได้ 10 กว่าปีแล้ว อีกทั้งยังสามารถเลิกบุหรี่และหันมากินอาหารแบบ Plant-Based จนถึงขนาดจะเปิดร้านอาหารที่เน้นขายอาหารประเภทดังกล่าว หรือแม้แต่ "โอลิเวอร์ ไซก์ส" นักร้องนำวง Bring Me The Horizon หนึ่งในวงเมทัลที่ทำเพลงหลากหลายที่สุดในตอนนี้ ครั้งหนึ่งเคยเข้ารับการบำบัดการใช้สารเสพติด จนตอนนี้เขากลับมาดูแลสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นวีแกนและเปิดบาร์วีแกนเป็นของตนเองชื่อว่า "Church" ในเชฟฟิลด์ เมืองบ้านเกิดของตนเอง 

คนในวงการเมทัลยังหันมาเล่นกีฬากันมากขึ้น อย่าง "แมตต์ ฮีฟี่" ฟรอนต์แมนจากวง Trivium วงเฮฟวี่เมทัลจากเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ที่อินศิลปะการต่อสู้บราซิลเลียนยิวยิตสูเป็นพิเศษ เพราะมันเกี่ยวข้องกับการฝึกฝน พัฒนาตัวเอง ดังเช่นการเล่นกีตาร์และการทำวงของเขา

"บราซิลเลียนยิวยิตสูช่วยให้ผมเข้าใจถึงการสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมาตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ผมรู้สึกเข้าใจในศาสตร์นี้ได้เพราะผมเองก็เล่นกีตาร์และร้องเพลงให้กับทริเวียมมาตั้งแต่อายุ 12" 

แน่นอนว่าการออกกำลังกายช่วยให้แมตต์แข็งแรงขึ้น และสามารถทำให้เขาใช้ร่างกายได้อย่างเต็มที่มากขึ้นด้วย 

"ผมกลายมาเป็นนักร้องและมือกีตาร์ที่ดีขึ้นเพราะบราซิลเลียนยิวยิตสู ปกติผมฝึกร้องเพลงประมาณ 1-3 ชั่วโมง ผมเล่นกีตาร์อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง และผมเล่นยิวยิตสู 6 วันต่อสัปดาห์ มันก็เหมือนกับกับการทำวง การที่คุณจะเก่งขึ้นได้คุณก็ต้องฝึกฝน" 

นอกจากแมตต์ ยังมี "วินสตัน แมคคอล" ฟรอนต์แมนแห่ง Parkway Drive เมทัลคอร์จากประเทศออสเตรเลีย ที่เขารวมถึงสมาชิกทุกคนในวงต่างก็ชอบเล่นเซิร์ฟกันเป็นชีวิตจิตใจ 

 

วินสตัน เคยไปโผล่ในสารคดีสั้นที่ชื่อ "Ocean Talk" สารคดีเกี่ยวกับการเล่นเซิร์ฟ เขาเผยว่าแรงบันดาลใจส่วนมากก็ได้มาจากการโต้คลื่น มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของเขาโดยตรง

"ผมเขียนเพลงส่วนมากที่ชายทะเล ผมใช้เวลา 4 ชั่วโมงนั่งอยู่คนเดียว นึกถึงแต่ดนตรีในหัว มหาสมุทรสำหรับผม คือนิยามที่แท้จริงของคำว่าอิสระ" 

หากใครที่ยังไม่เคยฟัง Parkway Drive ผู้เขียนขอแนะนำอัลบั้มในยุคแรก ๆ ของวงอย่าง Horizons หรือ Deep Blue ที่นิยามความเป็น "เซิร์ฟคอร์" ได้อย่างเหมาะสม ฟังแล้วสามารถรู้ได้ทันทีเลยว่าวงดังกล่าวรักการเล่นเซิร์ฟอย่างจริงจัง หากลองเงี่ยหูฟังให้ดี เพลง "Alone" จากอัลบั้ม Deep Blue คุณอาจจะได้ยินเสียงคลื่นทะเลอยู่ด้านหลังเบา ๆ 

จากตัวอย่างที่ยกมาทั้งหมดก็น่าจะทำให้พอเห็นภาพได้มากขึ้นแล้วว่า ชาวเมทัล ไม่ใช่คนที่ใช้ชีวิตแบบเสเพล หรือน่ากลัวตามที่หลายคนเข้าใจ รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของร็อกสตาร์เหล่านี้ สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนอีกมาก และอันที่จริงนี่คือหนึ่งในคอมมูนิตี้ที่น่ารักที่สุดในวงการดนตรี ตามคอนเสิร์ตต่าง ๆ หากมีคนล้ม 1 คนในวง Circle Pit คนอีก 10 คนจะวิ่งเข้าไปช่วยพยุงขึ้นมาทันที หากไม่มีการล้มต่อกันไปเสียก่อน

ไลฟ์สไตล์แบบ Sex, Drug, Rock n Roll นั้นน่าตื่นเต้น แต่ไลฟ์สไตล์แบบสุขภาพดีนั้นน่าตื่นเต้นยิ่งกว่า มันจะดีกว่าหรือไม่หากเราฟิตร่างกายเพื่อไปลุยในวงมอชได้อย่างเต็มที่หรือตะโกนร้องเพลงโปรดได้อย่างสุดปอด ? 

 

แหล่งอ้างอิง : 

https://www.abc.net.au/news/2015-06-25/study-finds-heavy-metal-reduces-anger-depression/6571820 
https://www.bbc.com/news/science-environment-47543875 
https://www.huckmag.com/outdoor/surf/winston-mccall-ocean/ 
https://www.livekindly.co/slipknots-corey-taylor-plant-based-heart-health/ 
https://www.loudersound.com/features/the-wild-one-how-danny-worsnop-took-sex-drugs-and-rocknroll-to-the-limit 
https://loudwire.com/heavy-metal-music-studies/ 
https://metalheadzone.com/slipknot-singer-corey-taylor-talks-about-not-drinking-a-drop-of-alcohol-for-10-years/ 
https://www.metalsucks.net/2021/02/11/study-shows-listening-to-metal-reduces-anxiety-blood-pressure-and-heart-rate/ 
https://researchers.uq.edu.au/researcher/25768 
https://www.rsng.com/categories/entertainment-style/articles/rockstar-matt-kiichi-heafy-reveals-how-brazilian-jiu-jitsu-helps-him-kill-it-onstage

Author

ณัฐพล ทองประดู่

Memento Vivere / Memento Mori

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น