โตรอนโต แร็ปเตอร์ส ทีมแรกใน NBA ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เวลานานถึง 24 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 1995 จนในที่สุดพวกเขาก็คว้าแชมป์ครั้งแรก ในฤดูกาล 2018-19 จนได้
กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ความภูมิใจของชาวโตรอนโตและชาวเเคนาดา เคยเป็นแค่ทีมที่ถูกหัวเราะเยาะในวันที่เข้ามาร่วมวง NBA บ้างก็ว่าพวกเขาเป็นไดโนเสาร์บาร์นี่ย์ (การ์ตูนสำหรับเด็กเล็ก) ที่เล่นยังไงก็แบเบอร์ไม่มีวันได้ลุ้นแชมป์ เพราะคนที่แคนาดา ไม่ดูบาสเก็ตบอล และสำหรับกีฬาอาชีพหากไม่มีแฟนๆ แล้ว ทุกอย่างก็ยากจะเดินไปข้างหน้าได้
ที่สุดเเล้วก็มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในเมือง เปลี่ยนหมูสนามให้เป็นทีมที่คู่แข่งต้องเคารพ เปลี่ยนไดโนเสาบาร์นี่ย์ให้เป็นแร็ปเตอร์ตัวแสบสมชื่อ และเปลี่ยนโตรอนโตให้กลายเป็นเมืองที่ผู้คนคลั่งบาสเก็ตบอล ... นี่คือเรื่องราวของคนๆ เดียวที่เข้ามาพลิกทุกอย่างจากวิกฤติให้เป็นโอกาส วินซ์ คาร์เตอร์ "ครึ่งคนครึ่งมหัศจรรย์" ที่ชาวโตรอนโตซูฮกให้เป็นตำนานอันดับ 1 ของเมือง
เริ่มต้นด้วยความตลก
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นหลัง NBA ขายแฟรนไชส์ให้เมือง โตรอนโต พวกเขาก็สร้างทีม โตรอนโต แร็ปเตอร์ส ขึ้นมา ณ ตอนนั้นคนแคนาดาไม่ได้นิยมบาสเกตบอลมากนัก พวกเขาชื่นชอบฮ็อคกี้น้ำแข็งเป็นอย่างมากและคะแนนนิยมนำโด่ง ดังนั้นพันธกิจของ แร็ปเตอร์ส คือต้องเปลี่ยนแปลงเมืองนี้ให้เป็นบ้านของบาสเกตบอลประจำประเทศแคนาดาให้ได้
ในช่วงปีแรกมันคือปีแห่งการเรียนรู้ของชาวเมืองโตรอนโตอย่างแท้จริง พวกเขาตื่นตัวอยู่บ้างกับการเข้ามาดูบาสเกตบอล แต่พวกเขายังไม่เข้าใจธรรมเนียมอะไรหลายๆอย่าง เรื่องนี้ เทรซี่ย์ เมอร์เรย์ อดีตผู้เล่นยุคบุกเบิกของ แร็ปเตอร์ส ยังจำมันได้ดี ผู้คนที่นี่กำลังเริ่มหัดดูบาสเป็นครั้งแรก และเขาเองก็เรียกแฟนๆ ของทีมว่าเป็นพวก "เด็กน้อยเเร็ปเตอร์ส"
"ปีแรกมันเป็นปีของการศึกษากันใหม่ ทุกๆ อย่างเลยสร้างขึ้นใหม่หมดในตอนนั้น คุณเชื่อไหม ผู้บรรยายเกมอย่าง เลโอ โรตินส์ ยังต้องคอยอธิบายแฟนๆ ที่เข้ามาชมถึงกฎ 3 วิ ว่ามันคืออะไร ทำไมต้องฟาวล์ด้วย" เทรซี่ย์ เมอร์เรย์ เล่าถึงวันที่เขามาที่ โตรอนโต เป็นครั้งแรก
"เรามีบางคนที่ชอบบาสกับคนอีกเพียบที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย พวกเขาแค่มาเชียร์แล้วก็โบกธงไปมาแล้วก็ส่งเสียงเชียร์เท่านั้น" เลโอ โรตินส์ ผู้บรรยายประจำสนามของแร็ปเตอร์สตั้งแต่วันแรกจนถึงทุกวันนี้กล่าว
ผู้เล่นแร็ปเตอร์สส่วนใหญ่นั้นเป็นชาวอเมริกัน ซึ่งถือว่าเป็นชาวต่างชาติของคนที่นั่น หน้าที่ของผู้เล่น แร็ปเตอร์ส นอกจากจะต้องเเข่งขันเเล้ว พวกเขายังต้องไปเดินสายตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับแฟนๆ ในท้องถิ่น และสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ รุ่นใหม่มีความคิดว่าหากโตขึ้นพวกเขาอยากจะเป็นนักบาสเกตบอล อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างจะทำให้บูมยาก เพราะทุกคนในเมืองชอบฮ็อคกี้ ผู้ใหญ่รุ่นนั้นบ้าฮ็อคกี้กันหมด การจะเปลี่ยนแปลงอะไรในชั่วข้ามคืนจึงเป็นไปได้ยาก ณ เวลานั้นแม้แต่ตั๋วผีที่ขายหน้าสนามก็ยังซบเซา ... ไม่มีใครซื้อ ไม่มีใครอยากดูทีม โตรอนโต แร็ปเตอร์ส ลงเล่นเลย ส่วนเหตุผลอีกประการคือผู้เล่นในทีมแร็ปเตอร์ส ตอนนั้นไม่ได้มีความเก่งกาจอะไรมากมายนักอีกด้วย
"ในยุคนั้นมีผู้ปกครองไม่กี่คนที่อยากให้ลูกเล่นบาสเกตบอล ทุกคนชอบฮ็อคกี้และมันเป็นกีฬาเด่นของพวกเรา เราไม่มีวัฒนธรรมด้านบาสเกตบอลและทุกอย่างที่มาพร้อมกับมันเลย" เดรก แร็ปเปอร์ชื่อดังของโลกที่เป็นชาวโตรอนโตโดยกำเนิด และเป็นแฟนเดนตายของ แร็ปเตอร์ส กล่าว
สิ่งที่ว่ามันทั้งหมดถูกยืนยันด้วยการเป็นบ๊วยของสาย แข่ง 82 เกม ชนะแค่ 21 เกมและแพ้ไปถึง 61 เกม ... แบบนี้คงยากที่จะจูงใจใครได้ จนกระทั่งทุกสิ่งเริ่มเปลี่ยนไป หลังจากการเข้ามาของ วินซ์ คาร์เตอร์
ณ เวลานั้นไม่มีผู้เล่นเก่งๆ คนไหนหรอกที่อยากจะย้ายมา แร็ปเตอร์ส เพราะเป็นเมืองที่ไม่ได้อินกับ บาสเกตบอล, อากาศก็หนาวเย็น หนำซ้ำยังโดนล้อว่าเป็นพวกตุ๊กตาบาร์นี่ย์ก้นใหญ่อีกต่างหาก อย่างไรก็ตามนับเป็นโชคดีของ แร็ปเตอร์ส อย่างแท้จริง เพราะตอนแรก วินซ์ คาร์เตอร์ ถูก โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส ดราฟต์เข้าลีกในอันดับ 5 ของปี 1998 แต่ทัพสะพานทองมองว่าจะมีประโยชน์กว่าหากเอาเขาไปแลกตัวกับ แอนทอน เจมิสัน ดราฟต์อันดับ 4 ในปีเดียวกันของ โตรอนโต แร็ปเตอร์ส จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สุดท้าย คาร์เตอร์ ก็กลายเป็นผู้เล่นของ แร็ปเตอร์ส จนได้
ประกายความหวังจากฟลอริดา
วินซ์ คาร์เตอร์ คือมือ 1 ของบาสไฮสคูลในรัฐฟลอริดา แต่ในระดับ NBA ไม่ใครแน่ใจได้เลยว่าเขาจะไปได้สักกี่น้ำ วันแรกที่เขาเข้ามาไม่มีใครในทีมรู้จักเขา ... เพราะอย่างที่บอก คนที่นี่ไม่เล่นบาสเกตบอล
"วินซ์ มาในสภาพโนเนมเลย แต่ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมายอดเยี่ยม คุณบอกได้เลยว่าหมอนี่แหละคือคนที่ทีมไหนต่างก็ต้องการ เขาคือผู้เล่นที่ทำให้คนดูก้นไม่ติดเก้าอี้ได้เลย" บุทช์ คาร์เตอร์ เฮดโค้ชของ แร็ปเตอร์ส ในปีนั้นกล่าว
การเข้ามาของ คาร์เตอร์ สร้างปรากฎการณ์หลายอย่าง เขามีหลายสิ่งในตัวในแบบที่ซูเปอร์สตาร์ควรจะมี ทัศนคติที่ยอดเยี่ยม, พลังร่างกายที่เหนือมนุษย์ และทักษะที่ผ่านการฝึกมาจนชำนาญ โดยเฉพาทักษะการดังค์ของ คาร์เตอร์ ที่ลอยตัวได้สูงกว่าสองเมตรมีทั้งความรุนแรงและหนักหน่วง ความเก่งกาจของเขากลายเป็นตัวจุดประกายความหวังของชาวโตรอนโตทุกคนหันมาสนใจบาสเกตบอลมากขึ้น และเชื่อว่าทีมประจำเมืองของพวกเขาจะไม่แพ้อย่างเดียวเหมือนในอดีต
"จอห์น ซอนเดอร์ส กับผมเป็นคนพากย์เกมของเเร็ปเตอร์สเป็นประจำทุกนัด การเข้ามาของวินซ์ทำให้ทุกๆ เกมที่เราพากย์เปลี่ยนไป ผมกับเขามักจะมองหน้ากันเวลาที่เด็กหนุ่มคนนี้ระเบิดแป้น ... บ้าน่า มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน นั่นล่ะคือสิ่งที่ วินซ์ คาเตอร์ ใส่เข้าไปในเกมของ แร็ปเตอร์ส" เลโอ โรนินส์ ผู้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดเล่าไว้เช่นนี้
ปีแรกของ วินซ์ กับ แร็ปเตอร์ส เป็นปีที่ไม่มีใครเคยคาดคิด เขาผสานงานร่วมกับ เทรซี่ แม็คเกรดี้ จนตัวของเขานั้นได้เป็น รุกกี้ ออฟ เดอะ เยียร์ แถมยังได้ฉายาว่า "เงาของจอร์แดน" และเมื่อทั้งสองคนท็อปฟอร์มคู่หู วินซ์ และ ทีแม็ค มักจะถูกกล่าวอ้างว่าเหมือนกับการผสานกันของ จอร์แดน กับ สก็อตตี้ พิพเพ่น เลยทีเดียว
วินซ์ และ ทีแม็ค อาจจะเก่งกาจ แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ แร็ปเตอร์ส คว้าความสำเร็จได้ แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของเมืองนี้ ทุกคนเริ่มรู้ว่าบาสของ โตรอนโต ไม่ใช่หมูอีกต่อไป และภาพลักษณ์ของ โตรอนโต แร็ปเตอร์ส ยังถูกยกให้สูงไปอีกระดับ เมื่อ วินซ์ คาร์เตอร์ ลงเเข่งศึกสแลมดังค์ ที่รวมสตาร์จากทั้ง NBA มาวัดฝีมือว่าใครจะดังค์ได้โหดและดุที่สุด ในปี 2000 และหลังจากนั้นมาทุกอย่างคือประวัติศาสตร์ ดังค์ของ วินซ์ ในการแข่งขันครั้งนั้นยังถูกพูดถึงมาจนทุกวันนี้ มันคือการดังค์ที่เพอร์เฟ็คต์ที่สุด เท่าที่เคยมีมา
"โดมินิค วิลกินส์, ไมเคิล จอร์เเดน, ด็อกเตอร์ เจ (จูเลียส เออร์วิง), วินซ์ คาร์เตอร์ และ คุณ ... หากทุกคนอยู่ในช่วงที่พีกที่สุดและมาเเข่งดังค์กันใครจะชนะ" พิธีกรช่อง NBC ถามกับ โคบี ไบรอันท์ ก่อนที่เขาจะใช้เวลาคิดครู่เดียวและตอบว่า "วินซ์ ... วินซ์ เป็นจอมดังค์ที่ไม่ธรรมดา MJ อาจจะทำได้ยอดเยี่ยมจนกลายเป็นดังค์แห่งยุค รวมถึง 'ด็อคเตอร์ เจ' ด้วย แต่สิ่งที่ วินซ์ ทำผมไม่รู้จะใช้คำไหนจริงๆ นอกจากคำว่า 'โคตรเหลือเชื่อ'"
กระแสนิยมหลั่งไหล
ไฮไลต์การดังค์ของ วินซ์ คาร์เตอร์ ออกอากาศไปทั่วโลกตามรายการต่างๆ ของ NBA เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่โตรอนโตบอกกันปากต่อปากว่ามียอดมนุษย์เกิดขึ้นในสนามบาสชั่วคราว (ยืมสนามทีมฮ็อคกี้ใช้) หลังจากนั้นผู้ชมเริ่มเข้ามาเต็มสนาม และกิจกรรมของทีมที่พบปะเด็กๆ ตามที่ต่างๆ ในเมืองก็เปลี่ยนไป คนรุ่นพ่ออาจจะชอบฮ็อคกี้ แต่เด็กๆ ที่โตรอนโตชื่นชอบบาสเกตบอลไปเรียบร้อยแล้วเพราะ วินซ์ คาร์เตอร์ และอีกไม่นานเด็กๆ เหล่านี้จะเติบโตและกลายเป็นพ่อ-แม่ นี่คือแรงกระเพื่อมของการมาของคนแค่คนเดียว
"สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปหมด คลื่นความนิยมในเมืองถาโถมเข้ามา ความคลั่งไคล้ก่อตัว ทีวีทุกช่อง ป้ายบิลบอร์ดทุกป้าย โรงเรียนทุกแห่ง ... ทุกอย่างเลย ทุกคนพูดถึงแร็ปเตอร์สกันหมด ซึ่งตอนนั้น วินซ์ เป็นเหมือนนักร้องนำ เขาโดดเด่นยิ่งกว่าใครทั้งนั้น" เดรก ที่โตมากับยุคของการเปลี่ยนแปลงกล่าว
จากเมืองทื่มีแต่ฮ็อคกี้ กลายเป็นกระแสบาสไล่หลังพร้อมถล่ม มีสนามบาสเกตบอลที่ทันสมัยเกิดขึ้นมากมาย ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เด็กๆ ในเมืองได้เล่นกับแบบฟรีๆ เทศบาลและกรมตำรวจโตรอนโตก็ให้การสนับสนุนเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะมันคือสนามที่จะเปลี่ยนการก่ออาชญากรรมให้เป็นพรรสวรรค์ในการเป็นนักกีฬา และยังเปลี่ยนเหล่าวาที่อาชญากรให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์อีกด้วย
หากจะถามว่าใครคือผลผลิตจากสนามบาสเกตบอลที่สร้างใหม่ในยุคที่ วินซ์ คาร์เตอร์ แจ้งเกิดในโตรอนโตได้บ้าง มันจะต้องมีชื่อหนึ่งที่คุณไม่กล้าจะสงสัยอะไรต่อ และชื่อนั้นคือ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ นักบาสระดับ MVP ของ โกลเด้น สเตท วอริเอร์ส ที่เพิ่งพ่าย แร็ปเตอร์ส ในรอบชิงของฤดูกาล 2018-19 นี่แหละ
สเตฟ และ เซธ เป็นลูกชายของ เดล เคอร์รี่ เพื่อนร่วมทีมของ วินซ์ ในช่วงปี 1999-2002 ทั้งคู่ชอบมากที่ได้มาเล่นบาสในโรงยิม พวกเขาคลั่งไคล้ วินซ์ คาร์เตอร์ และชอบที่จะรอให้ วินซ์ ซ้อมเสร็จและมาเเข่งกันแบบ 2 รุม 1
"เซธ และ สเตฟ จะรอผมซ้อมจนเสร็จพวกเขาจะเข้ามาถามแล้ว 'เร็ว วินซ์ พร้อมจะดวลกันรึยัง'" วินซ์ จดจำ 2 พี่น้อง เคอร์รี่ ได้ดี
นอกจาก เซธ และ สเตฟ แล้ว เด็กๆ ในโตรอนโตหลายคนก็พยายามที่จะเป็นนักบาสอาชีพใน NBA มากขึ้น เด็กๆ ในเมืองเริ่มมีความสามารถในการเล่นบาสเกตบอล มันมีตัวเลขที่เห็นกันค่อนข้างชัดเจน เพราะนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาเริ่มมีผู้เล่นชาวแคนาดามาเล่นใน NBA มากขึ้น ทุกอย่างตกผลึกมาจนถึงปัจจุบันที่มีผู้เล่นชาว เเคนาดา ทั้งหมด 13 คนที่เล่นใน NBA และ 12 ใน 13 คนนั้นเป็นผู้เล่นที่มีบ้านเกิดอยู่ที่ โตรอนโต
ไม่ใช่บาสเกตบอลเท่านั้น ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ วินซ์ คาร์เตอร์ กลายเป็นสินค้าขายดี แม้แต่วงการแฟชั่นของ โตรอนโต เขาก็ยังเป็นผู้ปฎิวัติมันด้วย เพราะก่อนหน้านี้สินค้าประเภทสปอร์ตแวร์ไม่เป็นที่นิยมในแคนาดาเลย ว่ากันว่ารองเท้าไนกี้รุ่น แอร์ จอร์เเดน ที่ลดราคา 50-70% ก็ยังไม่มีใครสนใจ จนกระทั่ง ไนกี้ เซ็นสัญญากับ คาร์เตอร์ และเปิดตัวรองเท้า Shox VC 2 เท่านั้นแหละ ผู้คนต่อแถวแย่งกันซื้อชนิดที่ว่าผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอ
โตรอนโต กลายเป็นเมืองที่สื่อจากฝั่งอเมริกาเข้ามาถ่ายทำวิดีโอเพื่อโปรโมตหรือถ่ายภาพยนตร์ต่างๆ และเมื่อความสนใจมากเข้า แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ใน แคนาดา ที่เคยทุ่มทุนให้กับทีมฮ็อคกี้ก็ไม่อาจจะมองข้ามทีมบาสเกตบอลประจำเมืองทีมนี้ได้อีกแล้ว วินซ์ เป็นคนชิงมันมาจากฮ็อคกี้น้ำแข็ง และตัวเขายังกลายเป็นนายแบบสินค้าในแคนาดาอีกไม่รู้กี่ชิ้นต่อกี่ชิ้น
"วินซ์ คาร์เตอร์ ชิงเงินของบริษัทยักษ์ใหญ่มาได้ แถมยังรวยเละจากการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าในแคนาดา ตอนนี้เราพูดได้เเล้วว่ากระแสบาสกำลังมาแรงจริงแท้แน่นอน และเขาเป็นคนทำลายกำเเพงนั้น" สตีฟ แนช อดีตนักบาสเกตบอล NBA ที่เป็นชาวแคนาดา กล่าว
ส่งโตรอนโตสู่สายตาชาวโลก
แม้จะทำลายกำเเพงในเมืองโตรอนโตได้เเล้ว แต่ วินซ์ และ เเร็ปเตอร์ส ยังไม่เป็นที่นิยมในวงกว้างมากนัก เพราะพวกเขามักจะไม่ได้รับการสนใจเท่าที่ควรจากสถานีโทรทัศน์ที่มักจะเลือกถ่ายทอดสดการเเข่งขันของทีมที่อยู่ในอเมริกามากกว่า วินซ์ เองเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี เขารักโตรอนโตไม่ต่างจากบ้านของเขา และเขาพยายามที่จะพาเมืองแห่งนี้ออกสู่สายตาชาวโลกให้ได้
"ไม่เคยมีใครสนใจเรามาก่อน เราต้องสู้กับ NBA มานานเเล้ว เราได้แต่ภาวนาว่า 'ถ่ายทอดพวกเราสิ ให้โอกาสเราหน่อย เราอาจจะเป็นทีมเกิดใหม่แต่ให้ผู้ชมเห็นเราบ้าง'" วินซ์ พยายามเป็นอย่างมากที่จะบอกถึงความสุดยอดของ โตรอนโต
NBA ทนมองข้าม แร็ปเตอร์ส ได้ไม่นานนักหรอก พวกเขาก็ต้องยอมศักยภาพของ วินซ์ สิ่งที่เขาแสดงออกมาในสนามมันมีหลายอย่างผสมกัน เขามีพลังใจที่มุ่งมั่น, มีความคิดสร้างสรรค์ที่เหลือเชื่อ ยิ่งเขาอยากจะยกระดับตัวเองไปมากเท่าไหร่ มันก็เหมือนเป็นการเปิดประตูทางลัดให้กับ โตรอนโต แร็ปเตอร์ส เพื่อโลกจะได้รู้จักพวกเขาด้วย ... และเกมแห่งความทรงจำที่ โตรอนโต แร็ปเตอร์ส ถูกท่ายทอดสดไปทั่วโลกเป็นการพบกับ ฟีนิกซ์ ซันส์ ... เขาทำคนเดียวไป 51 แต้ม และตอนนี้มีแต่คนอยากจะดูเกมของ แร็ปเตอร์ส มากขึ้นไปอีก
"มันเป็นโอกาสทองในชีวิตของผม มันทำให้ทุกคนหันมาสนใจทีม แร็ปเตอร์ส และทำให้เราเป็นที่ยอมรับในลีกนี้ด้วย" หลังจากการแสดงความผาดโผนและจินตนการที่เกินกว่าใครจะคาดคิด อเมริกา และ โลกใบนี้จับตามอง โตรอนโต เพราะบาสเก็ตบอลของเขา ... จริงอยู่ การบูมของบาสเก็ตบอลของที่นี่อาจจะเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุหลายปัจจัย มันอาจจะมีการวางแผนวางระบบมาก่อนหน้านี้เเล้ว แต่ วินซ์ คาร์เตอร์ คือผู้ขับเคลื่อนมันด้วยการแบกความกดดันทั้งหมดไว้บนบ่าคนเดียว
การเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมไม่ใช่เรื่องง่าย เราอาจจะได้เห็นด้านดีของการที่ วินซ์ คาร์เตอร์ เข้ามาเปลี่ยนแปลง โตรอนโต ให้คลั่งกีฬาและสร้างอิทธิพลไปทั่วทุกหย่อมหญ้า แต่มันก็มีมุมที่เขาต้องเสียสละไม่น้อยเลยทีเดียว ทุกครั้งที่ แร็ปเตอร์ส แพ้จะมีคำวิจารณ์มาถึง วินซ์ เสมอ โดยเฉพาะช่วงที่เขากรำศึกหนักจนเกินไปร่างกายบาดเจ็บและเล่นได้ไม่ดีเหมือนเดิม ดังค์ได้ไม่สะใจแฟนๆ เหมือนเมื่อก่อน ... "กำจัดเขาออกไปซะ เขาดังแล้วนี่ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่เเล้ว" อะไรประมาณนั้น
เรื่องราวพวกนี้เองทำให้เขาต้องย้ายออกจากทีมไปอยู่กับ ออร์แลนโด แมจิค ในปี 2004 และไม่ค่อยมีปีที่ดีนักในช่วงเวลาหลังจากนั้น อย่างไรก็ตามแม้ตัวจะจากไปหลายที่ ก่อนประกาศเลิกเล่นในปี 2020 โดยมี แอตแลนตา ฮอว์คส์ เป็นต้นสังกัดสุดท้าย แต่ใจของ วินซ์ คาร์เตอร์ ยังอยู่ที่ โตรอนโต เสมอ เขามักจะเรียกว่านี่คือบ้าน และเรื่องราวของเขาก็กลายเป็นตำนานให้แฟนๆ ของ แร็ปเตอร์ส ได้จดจำ
ปัจจุบัน แคนาดา ที่มีประชากรทั้งหมด 37 ล้านคน และ 22% คือผู้ที่เล่นบาสเก็ตบอล มันส่งผลให้ แคนาดา เป็นเเหล่งผลิตนักบาสเกตบอลฝีมือดีมากที่สุดหากไม่นับสหรัฐอเมริกา โดยนิตยสาร ฟอร์บส ยืนยันว่า วินซ์ คาร์เตอร์ เป็นผู้มีอิทธิพลกับเรื่องนี้ เขาเป็นเหมือนผู้เพาะเชื้อความบ้าคลั่งบาสเก็ตบอลไว้เมื่อหลายปีก่อนและปัจจุบันเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นเติบโตให้เก็บเกี่ยวได้เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว

>> จาก '90s ถึง 2020 : อะไรทำให้ ‘วินซ์ คาร์เตอร์’ จะเป็นนักบาสฯ คนแรก ที่เล่นถึง 4 ยุค?

>> เล่าผ่านแฟนพันธุ์แท้ NBA : วินซ์ คาร์เตอร์ ผู้ชายน่าเบื่อและความลับในการกระโดดสูงร่วม 2 เมตร
แหล่งอ้างอิง
https://www.tsn.ca/vinsanity
https://www.washingtonpost.com/sports/2019/05/11/before-raptors-toronto-barely-understood-basketball-now-its-hotbed-hoops-talent/?utm_term=.dfcf664b6a28
https://www.forbes.com/sites/curtisrush/2019/05/23/toronto-raptors-at-the-forefront-of-a-golden-age-for-basketball-in-canada/#85d2db856f34