Feature

บอลแพ้-คนไม่แพ้ : เจนนาโร่ กัตตูโซ่ "อิล ชีที" กับภารกิจกู้ทัพอัซซูรี่ | Main Stand

"ถ้า จานลุยจิ บุฟฟ่อน บอกว่า เจนนาโร่ กัตตูโซ่ คือคนที่ใช่สำหรับทีมชาติอิตาลี ผมว่าเขาควรลาออกไปพร้อม ๆ กับ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ... เพราะนี่มันหายนะชัด ๆ" 

 

คอมเมนต์หนึ่งใน La Gazzetta dello Sport สื่อดังของอิตาลี พูดถึงการที่ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ อดีตแข้งจอมบู๊ทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์โลกปี 2006 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "อิล ชีที" หรือกุนซือทัพอัซซูรี่ คนใหม่

นี่คือการเลือกที่ถูกตั้งคำถามเป็นอย่างมาก หลายคนรู้ว่ากัตตูโซ่คือนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่ในฐานะกุนซือ เขามีดีอะไรบ้างจึงได้รับตำแหน่งนี้ ? และที่สำคัญ ทำไม สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (FIGC) ถึงเลือกคน ๆ นี้ ? 

นี่อาจจะเป็นอีกด้านที่คุณไม่รู้ หาคำตอบกับ Main Stand 

 

อิตาลี ณ ปัจจุบัน 

หลังจากประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ยูโร 2020 ทีมชาติอิตาลีก็ถดถอยลงอย่างรวดเร็ว และถึงตอนนี้พวกเขาไม่ได้เล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 2 สมัยติด ในปี 2018 และ 2022 ... ซึ่งมีโอกาสที่จะกลายเป็น 3 สมัยซ้อน จากผลงานย่ำแย่ที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก จนทำให้กุนซือดีกรีแชมป์เซเรียอา อย่าง ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ โดนปลดออกจากตำแหน่ง

แชมป์โลก 4 สมัย กำลังถึงจุดที่สามารถใช้คำว่า "วิกฤติ" ได้จริง ๆ กับสิ่งเกิดขึ้นในเวลานี้ พวกเขาสอบตกแทบทุกด้าน ทั้งเรื่องในสนาม การวางแผน และการสร้างผลผลิตเพื่อนำให้ทีมชาติได้เอาไปใช้งานต่อ ขณะที่ระบบลีกก็ไม่สามารถสร้างสตาร์ที่สามารถเข้ามาแบกทีม และเป็นขวัญกำลังใจให้กับห้องแต่งตัวได้เลย 

ซึ่งเรื่องนี้ก็ตรงกับบทสัมภาษณ์ของ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งกุนซือทีมชาติอิตาลีหรือ "อิล ชีที" ที่เขาพยายามพูดมาตลอดตั้งแต่รับงานนี้ว่า เขาพยายามหานักเตะที่สร้างความแตกต่างในจังหวะเกมได้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เจอคนที่ตามหาอยู่ดี 

"วันนี้เราเปลี่ยนทีม 6 ตำแหน่งเพื่อให้เหล่าผู้เล่นมีความสด แต่ความเร็วและจังหวะของเรายังเหมือนเดิม และมีบางคนยังไม่คุ้นเคยกับวิธีการเล่น" สปัลเล็ตติ พูดถึงปัญหาของทีมที่ไร้นักเตะที่ให้ฝากความหวัง และไร้ที่พึ่งพิง 

อย่างไรก็ตาม สปัลเล็ตติ พยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างทีมขึ้นมาใหม่ โดยการพาทีมลงแข่งขันในยูโร 2024 แต่สุดท้าย อิตาลี ก็ตกรอบ 16 ทีม ด้วยฟอร์มการเล่นที่สามารถใช้คำว่า "ไม่เอาอ่าว" ได้อย่างเต็มปาก ซึ่งเขาก็อ้างว่า "เวลาที่มีนั้นน้อยเกินไป"

"ผมไม่มีเวลาทำความรู้จักลูกทีมมากนัก หากคุณดูเหล่าเฮดโค้ชของเราก่อนหน้านี้ แทบทุกคนได้เวลาทดลองสิ่งต่างๆ ราว 20 เกมก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ... บางคนได้คุมถึง 30 นัด ส่วนผมได้แค่ 10 นัด ก่อนเริ่มฟุตบอลยูโรภายใต้ความกดดัน และหากได้ทำความรู้จักลูกทีมมากกว่านี้ มันคงช่วยเหลือเราได้"

"เราล้มเหลวเพราะการเลือกตัวของผม มันไม่มีทางเป็นความผิดของลูกทีม สิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของ อิตาลี คือการตัดสินใจที่แตกต่างออกไป" สปัลเล็ตติ ว่าแบบนั้น 

สื่อพยายามจะเล่นงาน สปัลเล็ตติ ในเรื่องนี้ที่เขาไม่สามารถบริหารทรัพยากรที่มีให้เหมาะสมกับการแข่งขันได้ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ "สปัล" คนเดียวที่พูดแบบนี้ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือชาวอิตาเลียนที่คุมทีมชาติบราซิลในปัจจุบันก็ให้ความเห็นไม่ต่างกัน ... "อิล คาร์โล" บอกว่าการคุมทีมชาติอิตาลีชุดนี้ ยากจนแม้แต่เขายังไม่มีแพชชั่นที่จะรับตำแหน่ง แม้กระทั่งจะเป็นแค่งานกุนซือชั่วคราวก็ตาม 

ท้ายที่สุด เมื่อสปัลเล็ตติได้เวลาตามที่เขาต้องการ เขาก็พิสูจน์ว่าไม่มีอะไรดีขึ้น จนนำไปสู่การโดนปลดในห้วงเวลาที่เรียกได้ว่า "จังหวะนรก" ... อันเชล็อตติ คนที่ FIGC เคยอยากได้ ไปรับเงินก้อนโตกับทีมชาติบราซิล ขณะที่กุนซือคนอื่น ๆ ที่พอมีชื่อมีชั้น ก็หาจุดลงตัวไม่ได้ เช่น อันโตนิโอ คอนเต้ ที่มีค่าจ้างสูงเกินไป ส่วน โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ก็ยังไม่พร้อมหันหลังให้ โอลิมปิก มาร์กเซย 

เรื่องนี้บีบให้ FIGC ต้องเลือกโค้ชที่ "มีชื่อชั้น" และมี "ค่าจ้างที่ไม่แพงเกินไป" ซึ่งตอนแรกคนที่เป็นเต็งหนึ่งและจ่อรับงานนี้คือ เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือเฒ่าที่เพิ่งประกาศวางมือหลังจากคุมโรม่าจบฤดูกาล 2024-25 และรับตำแหน่งที่ปรึกษาสโมสรต่อในซีซั่นหน้า ... จะว่าไปนี่คือเป้าหมายที่ดูไม่ได้ยากเย็นนัก แต่สุดท้ายแม้แต่ รานิเอรี่ ที่ไม่ได้มีงานใหญ่ติดพันก็เลือกจะปฏิเสธทีมชาติอิตาลี ด้วยเหตุผลที่ต้องการวางมืออย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียที

และสุดท้ายหวยก็มาออกที่ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ ที่ไปคุมทีม ไฮจ์ดุ๊ก สปลิต ในลีกโครเอเชีย ก่อนจบอันดับที่ 3 ของตาราง และในอาชีพกุนซือของเขาความสำเร็จเดียวที่มี คือการพา นาโปลี คว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย ในฤดูกาล 2019-20 ... ที่เหลือเท่ากับ 0 และจากปีที่เขาได้แชมป์ โคปปา อิตาเลีย ครั้งนั้น ก็ต้องบอกว่างานที่เขารับก็ลดขนาดลงมาเรื่อย ๆ … จาก นาโปลี สู่ บาเลนเซีย, มาร์กเซย, ไฮจ์ดุ๊ก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นขาลงของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นการแต่งตั้งเขาเป็น อิล ชีที จึงกลายเป็นการตัดสินใจที่ทำคนฟุตบอลเสียงแตกเป็น 2 ฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด 

 

กัตตูโซ่ เนี่ยนะ ? 

สมัยเป็นนักเตะ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ เป็นนักเตะที่เราไม่ต้องตั้งคำถามถึงความยอดเยี่ยมของเขา แต่อย่างที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น คือถ้าพูดถึงชื่อชั้นในการคุมทีมแล้ว กัตตูโซ่ ยังด้อยกว่า สปัลเล็ตติ ด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเกิดคำถามตามมาว่า "จะไหวเหรอ ?" 

กัตตูโซ่ คุมทีมมากมายดังที่กล่าวมา แต่ไม่มีผลงานการคุมทีมไหนที่บอกว่าโดดเด่นจริง ๆ ส่วนใหญ่มักพาทีมจบกลางตาราง หรือมีปัญหานอกสนามกับบุคลากรภาคส่วนอื่น ๆ ของทีมจนทำให้สุดท้ายต้องแยกทางก่อนครบสัญญา เห็นชัดว่าเขายังขาดโปรไฟล์ และไม่มีใครเชื่อว่ากับสถานการณ์ที่แรงกดดันสูงขนาดนี้ กัตตูโซ่จะเอาอยู่

ไม่ใช่แค่เรื่องการรับมือกับสถานการณ์ที่กดดันเท่านั้น แต่มันยังมีเรื่องของแท็คติก ซึ่งสำคัญมาก ๆ กับทีมชาติอิตาลีชุดที่ขาดดาวดัง ขาดผู้นำ และขาดคนแบก ซึ่งจุดนี้ต้องใช้แท็คติกมาชดเชย เหมือนที่ มันชินี่ เคยทำในยูโร 2020 ที่แม้จะไม่มีตัวดัง และเป็นม้านอกสายตาสำหรับสื่อ แต่ก็ไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้ด้วยแท็คติกที่เหมาะสม และมีวิธีการเล่นที่ชัดเจน 

ย้อนประวัติการทำทีมของกัตตูโซ่นั้นยังขาดสิ่งเหล่านี้ เขาไม่มีแท็คติกที่เป็นเหมือนลายเซ็นของตัวเอง เขาไม่เคยทำฟุตบอลที่มีมิติเกมรุกหลากหลาย หรือทำการเปลี่ยนแปลงและปั้นนักเตะสักคนให้ขึ้นมาโดดเด่น 

เรียกง่าย ๆ ถ้าเปรียบเทียบกับชุดยูโร 2020 ที่เป็นแชมป์ด้วยสไตล์ที่ทันสมัย กล้าเล่น มีโอกาสสูงที่ กัตตูโซ่ จะทำทีมวนกลับไปเล่นฟุตบอลในสไตล์โบราณ มีแต่ความดุดันตามคาแร็คเตอร์ของเขา ทว่าขาดแท็คติกและเทคนิคที่ดี ... ซึ่งทุกคนต้องไม่ลืมว่าฟุตบอลในปัจจุบันนี้ แค่ดุดัน เกรี้ยวกราดอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้คุณเป็นผู้ชนะได้ นั่นคือสิ่งที่ทุกฝ่ายเป็นห่วง

หนำซ้ำ เรื่องอารมณ์ที่พุ่งพล่านของ กัตตูโซ่ ยังถูกวิเคราะห์จากสื่ออย่าง Times Union (AP) ว่า "กัตตูโซ่ เป็นกุนซือที่มีประวัติการแสดงอารมณ์แบบไม่มี Filter (ไม่มีการกลั่นกรอง) ... แม้เขาจะสามารถทำให้ทีมดูมีพลังในการไปข้างหน้าได้ แต่เขาควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีนัก ถ้ามันมากเกินไป มันจะกลายเป็นเรื่องยากในการปกครองกลุ่มนักเตะที่ดีที่สุดในประเทศ อย่าลืมว่านี่คือกลุ่มนักเตะระดับสูง และพวกเขาไม่ชอบการเป็นที่รองรับอารมณ์เสมอไป" 

พาดหัวของสำนักข่าวใหญ่ในประเทศทุกหัวมีความเห็นไปในเชิงนั้น เริ่มจาก Corriere dello Sport ที่ผู้เขียนอย่าง เปาโล คอนโด ถึงกับพาดหัวใหญ่ ๆ ว่า "เขาไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้แน่นอน" เช่นเดียวกับอีกหลาย ๆ เจ้าอาทิ Libero Quotidiano และ Il Fatto Quotidiano ที่ก็ให้ความเห็นตรงกันว่า นี่คือการเลือกที่ถดถอยลง แต่เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องนี้กัตตูโซ่ไม่ผิด คนที่ผิดคือคนเลือกต่างหาก 

 

ปัญหาจากภายใน 

"กัตตูโซ่ ไม่ใช่สัญลักษณ์ของฟุตบอลอิตาลีด้วยซ้ำ แต่เขาไม่ใช่คนผิดที่รับงานนี้ เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ และนั่นอาจหมายถึง FIGC ที่ไม่เคยมีแผนสำรองใด ๆ ทั้งสิ้น การสรรหาเป็นไปอย่างวุ่นวายฉุกละหุก นั่นทำให้คนที่พร้อมจะรับงานนี้เหลือแค่ กัตตูโซ่ คนเดียวเท่านั้น" คอนโด จากสำนักข่าวใหญ่ในอิตาลีกล่าว

"FIGC กำลังแสดงให้เห็นความเปราะบางของฟุตบอลอิตาลี 11 ปีหลังเราเปลี่ยนโค้ชไปถึง 6 คน บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องของระบบที่ล้มเหลวมากกว่าการที่จะโทษโค้ชคนใดคนหนึ่ง"

คำกล่าวที่ร่ายยาวนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในมุมมองของสื่ออิตาลี ที่ ณ ตอนนี้พวกเขาไม่เชื่อมั่นใน FIGC และมองว่า ณ จุดนี้ต่างหากคือความล้มเหลวที่แท้จริง ซึ่งทำให้คนในวงการฟุตบอลอิตาลีหลายคนเชื่อว่าการแต่งตั้ง กัตตูโซ่ นั้นเกิดขึ้นเพราะความสัมพันธ์ที่ดี มากกว่าการพิจารณาจากเหตุผลด้านฟุตบอล 

"การเลือกนี้เป็นผลมาจากคอนเนคชั่นกับอดีตนักเตะดัง และความพยายามจะดึงกระแสแฟนบอลด้วยชื่อเสียงเก่า ๆ มากกว่าจะเลือกคนที่มีแผนสร้างทีมจริงจัง" คอนโด กล่าวในบทความของเขา 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหนีพ้น มันเกิดขึ้นมานานแล้ว และทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ ซึ่งถ้ามองตามความจริงแล้ว กัตตูโซ่ ก็อาจจะเหมาะกับงานในระยะสั้น ๆ ในการปลุกทีมอิตาลีที่ถูกมองว่าไร้แพชชั่นจนนักเตะหลายคนถอนตัวจากทีมชาติในช่วงฟีฟ่าเดย์ที่ผ่านมา 

ในแง่ร้ายยังพอมีแง่ดี กัตตูโซ่ ก็เป็นคนมีไฟที่จะมาจุดและปลุกทุกคนที่มีส่วนร่วมในทีมชาติอิตาลีให้ตื่นขึ้น แม้จะมีประสบการณ์คุมทีมสโมสรที่ขึ้น ๆ ลง ๆ แต่จุดเด่นของเขาคือความมุ่งมั่น การกระตุ้นลูกทีม และความเป็น "นักสู้" ที่เข้ากับคาแรกเตอร์ของฟุตบอลอิตาลีในยุคที่ต้องสร้างตัวใหม่ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าคาแรกเตอร์ของกัตตูโซ่ จะช่วยปลุกจิตวิญญาณของนักเตะในยุคที่ทีมขาดความดุดันและความเป็นหนึ่งเดียว

นอกจากนี้ กัตตูโซ่ ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริหารใน FIGC รวมถึงอดีตนักเตะทีมชาติหลายคนที่กดดันให้มีการเลือกโค้ชที่ "เข้าใจหัวใจของทีมชาติ" มากกว่าความเป็นทฤษฎีเพียงอย่างเดียว ... ซึ่งจุดนี้อาจจะทำให้การทำงานเบื้องหลังง่ายและราบรื่นขึ้น ซึ่งเมื่อหลังบ้านดี ในไม่ช้าก็จะส่งผลถึงหน้าบ้านอย่างแน่นอน 

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่อาจลีกเลี่ยงได้ อิตาลี เดินทางมาถึงขาลงแบบเต็มพิกัด และมันคงไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้ ดังนั้นการเริ่มต้นกับกุนซือที่คุ้นชินกับการทำทีมที่มีสภาพแวดล้อมไม่สมบูรณ์อย่าง กัตตูโซ่ อาจจะทำให้บางสิ่งบางอย่างกระเตื้องขึ้น แม้ไม่ใช่ทั้งหมดก็แบบที่แฟนบอลอิตาลีต้องการก็ตาม 

เรื่องนี้กำลังให้บทเรียนกับกับ FIGC แบบเต็ม ๆ สิ่งเดียวที่จะทำให้ กัตตูโซ่ ลบคำวิจารณ์ได้คือการทำงานร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของความสัมพันธ์ที่ "สนิทกัน" แต่ต้องเป็นการทำงานที่มีแบบแผน และไปพร้อมกันทั้งองค์กร เดินไปข้างหน้าอย่างร่วมือร่วมใจ 

"ตอนนี้ทีมชาติอิตาลีทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าการอยู่กับปัจจุบันและมองสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตให้เป็นบทเรียน ... ไม่ว่าโค้ชจะเป็นใคร แต่พวกเขาต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อย่างจริงจัง มีแผนการทำงานที่ชัดเจน นี่คือทางเดียวที่จะทำให้การเลือกกัตตูโซ่ไม่จบลงคล้ายสิ่งที่เกิดครั้งที่ผ่าน ๆ มา" บทความของ เปาโล คอนโด ทิ้งท้ายไว้แบบนี้ และนั่นคือความจริงที่ใครไม่อาจปฏิเสธได้ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.espn.com/soccer/story/_/id/45514030/italy-gennaro-gattuso-head-coach-world-cup-gianluigi-buffon
https://football-italia.net/buffon-confirms-gattuso-italy-best-decision/
https://www.tribalfootball.com/article/soccer-serie-a-sacchi-full-of-enthusiasm-after-italy-choose-gattuso-4f56e2f2-5658-49fd-b13b-1a03a5da4bc8
https://sports.yahoo.com/article/gattuso-pros-cons-3-strengths-060400393.html
https://destinationcalcio.com/new-boss-gennaro-gattuso-branded-a-symbol-of-italian-football-but-is-he-the-man-to-end-their-world-cup-misery/
https://football-italia.net/gattuso-first-italy-line-up-could-look-like/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ