แม้การจัดอันดับต่าง ๆ ในวงการฟุตบอลมักจะใช้คำว่า "5 ลีกดังยุโรป" เป็นตัวคัดกรองคุณภาพ แต่สิ่งที่เราต่างก็สงสัยอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ ลีกเอิง หรือลีกสูงสุดของประเทศฝรั่งเศส มีคุณภาพและสูสีเทียบเท่ากับลีกสูงสุดของ อังกฤษ, สเปน, เยอรมัน และ อิตาลี แน่หรือ ?
รวมหาคำตอบของคำถามดังกล่าว ว่าจริง ๆ แล้วฟุตบอลฝรั่งเศสนั้นสนุกน่าดูและมีคุณภาพมากแค่ไหน ได้ที่ Main Stand
มาทีหลัง … เสียโอกาส
ลีกเอิง เป็นลีกที่ไม่ได้รับความนิยมนักหากเทียบกับเหล่า 4 ลีกดังที่กล่าวมาข้างต้น หากจะหาสาเหตุของคำถามนี้ ก็ต้องไปว่ากันในช่วงยุค 1990s ยุคที่การถ่ายทอดสดฟุตบอลต่างประเทศเข้าถึงคนหมู่มากไปทั่วโลก แต่ละลีกต่างทำมาร์เก็ตติ้งเพื่อที่จะได้ส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้มากที่สุด ซึ่งในตอนนั้นลีกที่ครองความนิยมอันดับ 1 ทั่วโลกคือ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ที่มีนักเตะระดับโลกเดินกันให้ว่อน เพราะสามารถประเคนค่าจ้างนักเตะได้สูงกว่าลีกอื่น ๆ ... ทว่ายังมีลีกที่ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นยุคทองของพวกเขาอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ได้เดิมพันทั้งหมดที่พวกเขามีเพื่อโอกาส และก็ทำได้ดีเสียด้วย
พรีเมียร์ลีก ทำการรีแบรนด์ใหม่ให้ทันสมัย มีการทุ่มงบประมาณทั้งโฆษณา รวมถึงโปรดักชั่นการถ่ายทอดสด มีการปรับกฎต่าง ๆ เพื่อให้ลีกมีการแข่งขันสูงขึ้น นำมาซึ่งเกมอันเข้มข้นที่ได้รับความนิยมจากแฟน ๆ นั่นจึงทำให้พรีเมียร์ไล่ตามหลังและแซงหน้าเซเรีย อา ได้ในช่วงกลางยุค 2000s
นอกจากอังกฤษและอิตาลีแล้ว บุนเดสลีกา ของเยอรมัน และ ลา ลีกา ของสเปน ก็มีจุดขายของตัวเองอยู่แล้ว เพราะมีทีมระดับแม่เหล็กที่เก่งกาจโด่งดังข้ามเวลาของตัวเองอย่าง เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค โดยทีมเหล่านี้ก็จะมีแฟนคลับคอยติดตามอย่างเหนียวแน่น
มาถึงตรงนี้ ถ้าถามย้อนกลับไปที่ฟุตบอลลีกเอิง พวกเขามีอะไรที่เป็นที่จดจำของยุคสมัยนั้นบ้าง ? ... คำตอบเดียวคือ พวกเขามีแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัยในปี 1993 ของ โอลิมปิก มาร์กเซย ที่ในยุคนั้นนำทัพโดยนักเตะอย่าง ดิดิเยร์ เดส์ชองส์, มาร์กแซล เดอไซญี่, อเบดี เปเล่ และ รูดี้ โฟลเลอร์ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งนั้น
มาร์กเซย ครองความยิ่งใหญ่ได้ตั้งแต่ช่วงปลายยุค 1980s ต่อต้นยุค 1990s โดยมีเบื้องหลังอย่าง แบร์กนาร์ ตาปี ที่เข้ามาซื้อสโมสรและทุ่มเงินมากมายเพื่อนักเตะที่กล่าวไปข้างต้น ... ความยิ่งใหญ่ของมาร์กเซยควรจะเรียกแฟนคลับหรือใครที่สนใจให้มาดูพวกเขาในเกมลีกได้บ้าง แต่แล้วทุกอย่างก็จบลงอย่างรวดเร็ว
สาเหตุเพราะตาปีนั้นถูกจับได้ว่าพยายามล็อกผลการแข่งขันด้วยการจ้างทีม วาล็องเซียนส์ ล้มบอล ในเกมนัดตัดสินแชมป์ลีกเอิง เพื่อให้มาร์กเซยได้เก็บตัวหลักไว้เล่นในเกมนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เจองานหนักพบ เอซี มิลาน ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็ได้แชมป์ทั้ง 2 รายการ เพียงแต่แชมป์ลีกฤดูกาล 1992-93 ของพวกเขาถูกริบคืน แถมยังปรับตกชั้นอีกในปี 1994 ส่วนแชมป์ยุโรปก็โดนปรามาสว่าขี้โกง จนถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ป้องกันแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลถัดมา
นั่นคือจุดเริ่มต้นความตกต่ำของมาร์กเซย จนกระทั่งในที่สุดนักเตะดัง ๆ ก็เริ่มย้ายออกจากทีม และแน่นอนว่าลีกเอิงที่เคยมีมาร์กเซยเป็นแม่เหล็กที่พอจะเรียกแฟนบอลได้บ้างก็ต้องได้รับผลกระทบนี้ไปด้วยเพราะลีกไม่มีจุดขายสำหรับแฟนบอลต่างถิ่นเลย
เมื่อปล่อยให้ลีกไม่เข้มข้น ไม่มีทีมดัง และไม่มีนักเตะระดับโลก นานเข้าหลายปีก็ทำให้คนภายนอกอยากติดตามน้อยลง และเมื่อแฟนบอลภายนอกขาดความผูกพัน วัฒนธรรมการส่งต่อแบบปากต่อปาก ส่งต่อกันรุ่นสู่ แบบเชียร์ตามพ่อ หรือเชียร์ตามต้นตระกูลจึงมีน้อยกว่าลีกดัง 4 ลีกที่เราได้กล่าวถึงไปข้างต้น มันจึงเท่ากับว่าขณะที่ลีกเอิงไม่มีจุดขายลีกอื่น ๆ ก็ได้โอกาสชิงความนิยมที่ควรจะเป็นของลีกเอิงไป ... ซึ่งมันก็น่าจะส่งผลถึงความนิยมของลีกเอิงที่ยังไม่สามารถเข้าใกล้อีก 4 ลีกได้เลยในเวลานี้
เปแอสเช กับความพยายามเปลี่ยนประวัติศาสตร์
นอกจากเสน่ห์โดยรวมของลีกเอิงจะไม่ค่อยชัดเจนเหมือนกับลีกอื่น ๆ แล้ว ทีมที่เก่งที่สุดในประเทศของพวกเขาในเวลานี้อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ที่พยายามทุ่มเงินมากมายทุบสถิติแล้วทุบสถิติอีกก็มีส่วนทำให้ความน่าดูของลีกเอิงยังคงอยู่ในอันดับที่ 5 ของลีกฟุตบอลที่มีคนชมการถ่ายทอดสดมากที่สุดในโลก ... เปแอสเชเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ?
คำตอบคือเปแอสเชเป็นทีมที่สนุกกับการจับจ่ายใช้สอยอยู่เพียงทีมเดียวด้วยงบประมาณที่ห่างกันไกลลิบกับอีก 19 ทีมที่เหลือในลีก โดยมีสถิติอ้างอิงจาก GOAL ว่าเปแอสเชคือสโมสรที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก ทว่าในทางกลับกันพวกเขาก็เป็นทีมจากฝรั่งเศสทีมเดียวที่ติดอยู่ในท็อป 30 ของลิสต์นี้ และยังสามารถยืนยันเพิ่มเติมได้อีกสำหรับเรื่องนี้ เพราะตอนนี้เปแอสเชเป็นทีมที่มีนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก 2 อันดับแรก (เนย์มาร์ กับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้) และมีนักเตะที่ค่าจ้างแพงที่สุดในโลก (เอ็มบัปเป้) อีกด้วย
เปแอสเชเป็นทีมที่ใส่ไม่ยั้งหากพวกเขาต้องการนักเตะคนไหนเพื่อทำให้ทีมก้าวไปเป็นทีมอันดับ 1 ของโลกให้เร็วที่สุด แม้พวกเขาจะสู้ทีมดัง ๆ ในยุโรปได้สนุกและบางเกมก็เป็นต่อไล่ข่มฝั่งตรงข้ามอยู่บ่อย ๆ แต่เมื่อพวกเขาเล่นในลีกพวกเขาก็แบเบอร์ไล่เอาชนะคู่แข่งในแทบทุก ๆ สัปดาห์ ซึ่งนั่นก็ทำให้ความห่างชั้นของพวกเขากับทีมในลีกเอิงเยอะขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก
ประเด็นสำคัญอีกอย่างคือเรื่องของเสน่ห์ เปแอสเชเป็นทีมรวยก็จริงแต่สิ่งที่พวกเขาขาดไปคือ DNA และคาแร็กเตอร์ พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือการวางโครงสร้างทีมอย่างชัดเจนว่าทีมจะต้องเล่นแบบไหน ใช้นักเตะอย่างไร และใช้โค้ชที่เด่นเรื่องอะไร เมื่อไร้แนวทางมันก็ยากที่จะหาคนที่เหมาะกับงานนี้จริง ๆ เข้ามาได้ ซึ่งส่วนนี้สำคัญมาก
ยกตัวอย่างเช่นทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ที่ได้ เยอร์เกน คล็อปป์ มาคุมทีม เมื่อคล็อปป์เข้ามาทีมก็ค่อย ๆ ซ่อมค่อย ๆ สร้างทีมตามคำขอของกุนซือ จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาอันสมควรความชัดเจนในแนวทางของคล็อปป์ก็ทำให้พวกเขาสร้างทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรขึ้นมาได้
แต่ที่เปแอสเชมีอัตราการปลดโค้ชสูงมาก พวกเขาเปลี่ยนโค้ชแทบจะทุกซีซั่น (สาเหตุหลักแน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปถ้วยใหญ่ได้) นั่นทำให้เปแอสเชไม่สามารถสร้างเสน่ห์ที่น่าจดจำให้กับตัวเองได้ พวกเขาเป็นทีมแนวไหน เล่นสไตล์ไหนเป็นหลัก เป็นความงง ๆ ที่รู้แหละว่าพวกเขาเก่งระดับเบอร์ต้น ๆ ของโลก แต่บอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะวิธีการเล่นแบบไหน สิ่งที่บอกได้ถูกแน่ ๆ คือ "พวกเขารวย"
แม้ในวันที่กลุ่มทุนกาตาร์เข้าซื้อทีมเปแอสเชจะประกาศว่า เปแอสเชจะเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกทั้งเรื่องในและนอกสนาม และจะช่วยยกระดับการแข่งขันของลีกเอิงให้สูงขึ้นด้วยคุณภาพของพวกเขาเอง ... ทว่าตอนนี้กระแสความนิยมของลีกเอิงก็ยังไม่ได้ถูกจดจำและดีขึ้นเท่ากับกระแสของทีมเปแอสเชโดยเฉพาะ มันจึงเป็นการโตเพียงทีมเดียว แต่ภาพรวมทีมอื่น ๆ กลับโดนทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ นั่นเอง
อนาคตที่รออยู่
แม้ตัวเลขเรื่องของคนดูผ่านการถ่ายทอดสดและการจัดลำดับความนิยมของลีกเอิงในเวลานี้จะอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก แต่ใช่ว่าพวกเขาจะตามหลังอยู่ตลอดไป สิ่งที่เรากล่าวถึงเปแอสเชข้างต้นไม่ใช่การโทษพวกเขาแต่อย่างเดียว เพราะจริง ๆ แล้วเปแอสเชก็ทำให้ลีกเอิงเป็นที่รู้จักมากขึ้นเช่นกัน อย่างน้อย ๆ ก็ในแง่ทางการตลาดและการมีผู้สนบสนุนเพิ่มขึ้น ... ซึ่งผลประโยชน์ข้อนี้ทุกทีมในลีกเอิงก็ได้รับไปด้วยกันทั้งสิ้น
ลีกเอิงพยายามปิดช่องว่างนี้ได้เพราะพวกเขาขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดได้มากขึ้น โดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลางที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง beIN Sports ที่เข้ามาซื้อลิขสิทธิ์ของลีกเอิงในระยะยาวรวดเดียว 10 ปี ตั้งแต่ปี 2012 (แม้อาจมองได้ว่าเป็นการ "อัฐยายซื้อขนมยาย" เพราะประธานของ beIN ก็คือ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ ประธานเปแอสเช)
ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีการประเมินโดยสื่อดังของฝรั่งเศสอย่าง L'Équipe ว่าหลังจากหมดสัญญาลิขสิทธิ์รอบนี้ทางลีก เอิงจะมีการบวกค่าลิขสิทธ์เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า จาก 500 ล้านยูโรเป็น 1,500 ล้านยูโร เพื่อชดเชยการขาดหายไปของรายได้ส่วนนี้ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เมื่อ 2-3 ปีก่อน
นอกจากนี้พวกเขายังหวังจะสร้างรายได้จากลิขสิทธิ์ในส่วนต่าง ๆ นอกจากโทรทัศน์เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าหากทำสำเร็จจะมีรายได้ 860 ล้านยูโรต่อปี โดยมีการแบ่งยิบย่อยเป็นส่วนต่าง ๆ มากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรายได้เหล่านี้จะทำให้แต่ละสโมสรมีงบประมาณในการสร้างทีมและพัฒนาทั้งเรื่องของความแข็งแกร่งในสนามและความนิยมนอกสนาม
ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องของความนิยมและการณ์สร้างเสน่ห์เฉพาะตัวของลีกเอิง ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีอะไรมากกว่าการถูกจดจำแค่ความยอดเยี่ยม ยิ่งใหญ่ และมั่งคั่งของเปแอสเชเท่านั้น
นี่คือโลกยุคทุนนิยมที่ใช้เงินขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ... ลีกเอิงเสียโอกาสไปในช่วงที่โลกกำลังเปลี่ยนเทรนด์ ฟุตบอลเปลี่ยนจากกีฬาไปเป็นความบันเทิงที่ทำเงินมหาศาลในช่วงยุค 1990s แต่ถ้าพวกเขาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเทรนด์ของโลกรอบต่อไป ไม่แน่ว่าโอกาสจะแซงขึ้นไปติดท็อป 4 ลีกยอดเยี่ยมของยุโรปอาจจะเกิดขึ้นได้
แหล่งอ้างอิง
https://bleacherreport.com/articles/1214026-five-reasons-why-ligue-1-will-be-as-strong-as-the-premier-league-in-10-years
https://www.goal.com/en/news/which-are-the-worlds-richest-football-clubs-in-2021/psbb7gblbm6j1m5mc753tv1us
https://www.getfootballnewsfrance.com/2022/is-ligue-1-more-competitive-than-people-think/
https://www.insideworldfootball.com/2022/05/06/counting-cost-covid-ligue-1-records-massive-e645m-deficit/
https://www.getfootballnewsfrance.com/2022/ligue-1-authorities-reveal-plan-to-more-than-double-income/
https://ng.opera.news/ng/en/sports/18b925718fa586af02ecb950706cdae3