การเล่นสเก็ตบอร์ด สำหรับสถานที่เล่นในประเทศไทยถือว่าเป็นเรื่องยาก จากภาพลักษณ์ที่ติดตา ว่าเล่นแล้วจะทำให้ข้าวของเกิดความเสียหาย
จากปัญหานี้นักเล่นสเก็ตบอร์ด จึงเริ่มมองหาในสิ่งใหม่ที่มีเอกลักษณ์เหมือนเดิม นั้นคือ Fingerboard เนื่องจากเพียงเปลี่ยนรูปแบบการเล่นจากเท้าเป็นนิ้วมือเท่านั้น
“พี่หนุ่ย” สาตรา โตกะหุต เจ้าของร้าน JunxBoyd เป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบเล่นสเก็ตบอร์ด แต่ด้วยปัญหาเรื่องสถานที่ จึงผันตัวเองมานักเล่นฟิงเกอร์บอร์ด จากของเล่นยุค 90s สู่สนามระดับประเทศไทย เพื่อให้มาอวดโชว์ท่วงท่ากันแบบเต็มที่ไม่มีค่าใช้จ่าย
พี่หนุ่ยเล่าให้ฟังว่า “เดิมทีจุดเริ่มต้นที่ร้านจากการขายแฮมเบอร์เกอร์ และ ปรับเปลี่ยนมาเรื่อยๆ จนมาเป็นกะเพราถาดยักษ์ ด้วยความชอบสเก็ตบอร์ดบางครั้งเรานำมาเล่นหน้าร้าน แต่พื้นที่มันไม่ได้ใหญ่มาก ก็กลัวว่าเวลาเล่นมันไปรบกวนร้านรอบข้า จึงเริ่มนำฟิงเกอร์บอร์ดมาลองกลับมาเล่นดู เพราะจำได้ว่าเคยเล่นในตอนเด็ก
คนรอบข้างที่ไม่เคยเห็น เริ่มสนใจนมากขึ้นมันเหมือนอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเขา บางคนเกิดไม่ทัน ฟิงเกอร์บอร์ดมันเคยเป็นของเล่นที่ฮิตช่วงหนึ่งในยุค 90s ส่วนคนที่เกิดทันและเคยเล่นก็ดีใจ เลยมารวมตัวช่วยกันทำแลมป์เพิ่มทีละนิดจนเต็มร้าน เชื่อไหมในประเทศไทย ยังไม่มีใครสร้างสนามแบบนี้เลย ถือเป็นที่แรกๆ ที่มีของให้เล่นครบที่สุด
ในตอนแรกคนมาเล่นเพียง 6-7คน ตอนนี้คนรู้จักมากขึ้น วันหยุดมากันเต็มร้าน 20 กว่าคนได้ เด็กสุดมาเล่นที่ร้านประมาณ 4-5 ขวบที่มาเล่น ผมเคยถามพ่อแม่ ว่าทรงแบดอย่างพวกผมทำไมถึงกล้าไว้ใจ พวกเขาบอกว่า มองรอยยิ้มของลูกเขาที่มีความสุข มากกว่าการแต่งตัวเรา อีกอย่างดีกว่าไปเล่นสเกตบอร์ดกลัวลูกเจ็บตัว พอได้ยินคำตอบพ่อแม่ผมมีความสุขไปอีก ”
เสน่ห์ฟิงเกอร์บอร์ดมันคือ ของเล่น ของสะสมที่พกไปเล่น ที่สามารถคิดท่าใหม่ๆที่ไหนก็ได้ตลอดเวลา ชิ้นเล็กน่ารัก ซึ่งต่างจากสเก็ตบอร์ดมันไม่สามารถนำไปเล่นได้ทุกที่ คนไทยยังไม่ยอมรับเท่าไหร่ จะมองคนเล่นสเก็ตบอร์ดเหมือนว่าเป็นคนจร แต่ในสายตามองคนเล่นฟิงเกอร์บอร์ด จะมองว่าเราเป็นเด็กที่ยังไม่โต หน้าอย่างโหดมายืนเล่นเคาะป๊อกแป๊ก ทำอะไรของมัน ดูหลุดๆ เพี้ยนๆ หน่อย
คนที่มาเล่นฟิงเกอร์บอร์ดไม่จำเป็นเลยที่จะเล่นสเกตบอร์ดเป็น แต่รูปแบบทั้งสองอย่างนี้จะคล้ายกันเพราะต้องใช้สมาธิ เปลี่ยนจากใช้ขาเล่นมาเป็นนิ้ว ความสวยงามของฟิงเกอร์บอร์ดคือ ทำท่าพลิ้วไหว เลียนแบบสเก็ตบอร์ด ข้อมือเปรียบเป็นหัวไหล่ นิ้วเป็นขาและแขนสองข้าง ซึ่งคนภายนอกจะเห็นสองอย่างนี้แตกต่างกัน มักจะมองว่าฟิงเกอร์บอร์ดคือของเล่น สเกตบอร์ดคือกีฬา แต่ถ้าเป็นทั้งโลก เขาจะมองว่าเป็นกีฬาทั้งคู่ มีแข่งจริงจังด้วยท่วงท่าเนื่องจากมีพื้นฐานที่เหมือนกัน
สำหรับฟิงเกอร์บอร์ดในไทยยังถือว่าระดับร้อยกว่าคน ถือว่าคนรู้จักเยอะขึ้น ด้วยสนามยังมีน้อย อุปกรณ์ต้องสั่งจากต่างประเทศ ราคาหนึ่งชิ้น 600-5000 บาท จึงทำให้ไม่ได้ที่นิยมมากนัก ต่างจากสเก็ตบอร์ดที่มีคนเล่นมากกว่า
สุดท้ายอยากจะเชิญชวนทุกคน อยากให้มาลองเล่นฟิงเกอร์บอร์ดกันดู มันคือโลกใบใหม่บนโต๊ะทำงาน new impression สำหรับคนรักในความสตรีทในรูปแบบย่อส่วนของสเก็ตบอร์ด ที่ทุกอย่างมันคอนโทรลได้ด้วยนิ้วมือ