หลังจากที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐอเมริกา อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากับเกือบทุกประเทศบนโลก ธุรกิจกีฬาก็เป็นอีกหนึ่งห่วงโซ่ที่ได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ โดยเฉพาะแบรนด์ Nike และ adidas ที่มีฐานการผลิตใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศเวียดนามได้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าที่สำคัญของ Nike และ adidas โดยผลิตรองเท้าให้แบรนด์เครื่องหมาย "Swoosh" ราว 50% รวมถึงอุปกรณ์กีฬาจากค่ายสามแถบจำนวนมาก หลังทั้งสองบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งโลกกีฬาย้ายฐานการผลิตจาก จีน มาสู่ เวียดนาม เมื่อปี 2018
ด้วยจำนวนตัวเลขภาษีนำเข้าล่าสุดที่สหรัฐอเมริกา กำหนดให้ เวียดนาม สูงถึง 46% อาจส่งผลให้แฟนฟุตบอลเมืองลุงแซมต้องซื้อเสื้อและอุปกรณ์กีฬาของ Nike และ adidas ในราคาแพงกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเห็นราคาเสื้อฟุตบอลไม่ว่าจะเกรดแฟนบอล หรือเกรดนักเตะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-15 ดอลลาร์สหรัฐ หากจ่ายภาษีเพิ่มเติม 100%
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทั้ง Nike และ adidas จะตอบสนองต่อมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไร แต่ที่แน่ ๆ การย้ายฐานการผลิตกลับไปที่ประเทศตัวเองนั้นไม่น่าเกิดขึ้น เนื่องด้วยค่าครองชีพ และค่าแรงที่แพงหูฉี่ และสิ่งนี้จะทำให้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกามีราคาแพงกว่าภาษีเพิ่มเติมมาก
และอีกหนึ่งเหตุผลคือ Nike จ้างพนักงานเกือบ 460,000 คน (39% ของพนักงาน Nike ทั่วโลก) ในเวียดนาม ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับการดำเนินงานของ Nike ในสหรัฐฯ ที่มีพนักงานเพียงประมาณ 4,100 คน หรือ 1% ของพนักงานในเวียดนาม
ขณะทางฝั่ง adidas ก็ไม่น่าย้ายกลับเช่นกัน เพราะตอนนี้พวกเขามีฐานการผลิตทั้งในเวียดนาม โรงงาน 15 แห่ง พนักงาน 104,466 คน, จีน โรงงาน 13 แห่ง พนักงาน 31,755 คน, กัมพูชา โรงงาน 8 แห่ง พนักงาน 39,152 คน และ อินโดนีเซีย โรงงาน 9 แห่ง พนักงาน 96,698 คน
สรุปแล้วสำหรับแฟนบอลจากสหรัฐอเมริกา การพัฒนาเรื่องภาษีดังกล่าวอาจหมายถึงการจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับชุดสโมสรและทีมชาติ รวมถึงอุปกรณ์กีฬาที่พวกเขาชื่นชอบในฤดูกาลที่จะมาถึง
ทั้งนี้ เวียดนาม ได้ต่อสายตรงถึงผู้นำสหรัฐฯ เรียบร้อยแล้วเพื่อเจรจาให้ภาษีนำเข้าสินค้าสู่อเมริกา เหลือ 0% แถมมีเงื่อนไขเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯ และอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนอเมริกันมากขึ้นเป็นข้อต่อรอง