สมาคมนักเทนนิสอาชีพ (PTPA) ที่ก่อตั้งโดย โนวัค โยโควิช ยื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐที่นิวยอร์ก โดยมุ่งเป้าไปที่องค์กรกำกับดูแลกีฬาเทนนิส เช่น ATP (Association of Tennis Professionals - สมาคมนักเทนนิสอาชีพชาย) หนึ่งในสี่ขององค์กรหลักที่ควบคุม ดูแล และบริหารจัดการแข่งขันเทนนิสระดับโลก โดยกล่าวหาว่ามี แนวปฏิบัติที่ต่อต้านการแข่งขันและละเลยสวัสดิการของนักกีฬา
PTPA ยื่นคำฟ้องความยาว 163 หน้า โดยมีนักเทนนิสชื่อดัง 12 คน ร่วมเป็นโจทก์ รวมถึง วาเซ็ก พอสพิซิล ผู้ร่วมก่อตั้ง และ นิค คีร์กีออส โดยอ้างว่านักเทนนิสอาชีพไม่มีอำนาจเหนืออาชีพและรายได้ของตัวเอง
ข้อกล่าวหาสำคัญของ PTPA มีด้วยกัน 5 มิติหลัก เช่น
1. การควบคุมการแข่งขันแบบผูกขาด : องค์กรกำกับดูแลมีข้อตกลงกับทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ที่จำกัดการแข่งขัน ส่งผลให้เงินรางวัลลดลงและนักกีฬามีทางเลือกน้อยลง
2. ระบบคะแนนสะสมที่เข้มงวด : บังคับให้นักกีฬาเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ที่กำหนด เพื่อรักษาอันดับของตัวเอง ซึ่งถือเป็นข้อบังคับที่ไม่เป็นธรรม
3. ตารางแข่งขันที่โหดมาก : มีระยะเวลายาวถึง 11 เดือน บังคับให้นักกีฬาแข่งขันในสภาพอากาศรุนแรง เช่น อากาศร้อนจัด หรือดึกจนเกินไปซึ่งควรเป็นเวลาของการพักฟื้นของร่างกายหรือกิจวัตรส่วนตัว
4. การละเมิดสิทธิ์ภาพลักษณ์ : การควบคุมสิทธิ์การใช้ภาพนักกีฬา ซึ่งส่งผลให้รายได้ของพวกเขาลดลง
5. การละเมิดความเป็นส่วนตัว : ถูกกล่าวหาว่าใช้มาตรการตรวจสารกระตุ้นที่รุกล้ำ เช่น การค้นโทรศัพท์ของนักกีฬาที่ถูกสงสัย
อาห์หมัด นัสซาร์ (Ahmad Nassar) ผู้อำนวยการบริหารของ PTPA (Professional Tennis Players' Association) ให้สัมภาษณ์กับ BBC โดยกล่าวว่า
"กีฬาเทนนิสกำลังพังทลายองค์กรกำกับดูแลส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดูดีแต่เบื้องหลังจริงๆแล้วนักกีฬากลับต้องเผชิญกับระบบที่ไม่เป็นธรรมถูกกดขี่ด้านรายได้ และเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพของพวกเขา"
ส่วนทางฝั่งของสมาคมนักเทนนิสอาชีพชาย (ATP)เมื่อได้รับรู้ถึงการเเสดงความคิดเห็นปัญหาดังกล่าวก็ออกมาตอบโต้ทันทีโดยกล่าวในการเเถลงการณ์ปฏิเสธโต้กลับทุกข้อกล่าวหาของสมาคมนักเทนนิสอาชีพ(PTPA) ของ โนวัค โยโควิช โดยระบุว่า
"PTPA กำลังสร้างความแตกแยกและเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนากีฬา พวกเขากลับเลือกแนวทางที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ขณะที่ ATP ได้ดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างเทนนิสอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ของนักกีฬาและอนาคตของวงการเทนนิส"
ทั้งนี้ทางฝั่งของสมาคมนักเทนนิสอาชีพชาย (ATP) ได้ชี้แจ้งถึงมาตรการที่ดำเนินการเพื่อความเป็นธรรมให้กับนักกีฬาเทนนิสอาชีพชายมาแล้ว อาทิเช่น
1. การเพิ่มเงินรางวัลใน ATP Tour มากขึ้น 70 ล้านดอลลาร์ใน 5 ปีที่ผ่านมา
2. การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินของทัวร์นาเมนต์เพื่อความโปร่งใส
3. การมีกองทุนบำนาญเพื่อสร้างรายได้ขั้นต่ำสำหรับนักเทนนิส 250 อันดับแรก
4. เงินรางวัลใน ATP Challenger Tour เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จาก 13.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปีที่ผ่านมา เป็น $28.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025
การต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงด้วยประโยชน์สูงสุดของวงการกีฬาเทนนิสมากน้อยเพียงใดต้องรอติดตามกันต่อไป