เกิดเหตุการณ์ที่กลายเป็นข้อสงสัยอย่างยิ่งในวงการกีฬา เมื่อนักกีฬาจักรยานข้ามเพศ ขึ้นโพเดียม อันดับ 1, 2 และ 3 ในการแข่งขันจักรยานประจำปีที่วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ในประเภทหญิง
ประเด็นนี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากนักปั่นข้ามเพศ สามารถทำผลงานได้ดีกว่าในเชิงสรีระอย่างชัดเจน ซึ่งแม้ว่าทาง USA CYCLING จะมีกฎระบุว่า นักกีฬาข้ามเพศต้องผ่านการประเมินจากแพทย์ และต้องมีระดับฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเทอโรน ต่ำกว่า 2.5 นาโนโมลต่อลิตร เป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน
แต่กฎนี้ก็มีช่องโหว่สำหรับการแข่งขันระดับสมัครเล่น เพราะนักกีฬาข้ามเพศ เพียงแค่ยืนยันตัวตนว่า ตัวเองได้ผ่านการแปลงเพศ เป็นเวลา 30 วันก่อนการแข่งขัน
นั่นจึงทำให้กระแสสังคมที่ได้ดูผลการแข่งขัน แบ่งออกเป็นสองด้าน ทางหนึ่งก็มองว่า ควรให้โอกาสนักกีฬาข้ามเพศได้มีที่ยืนในวงการกีฬา ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็ไม่เห็นด้วย เพราะเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบมากเกินไป
