News

โอลิมปิก 2024 ปารีส มหกรรมกีฬารักษ์โลก ท่ามกลางความท้าทายด้านสภาพอากาศ

ท่ามกลางภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน การงดการใช้แอร์ในโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส จึงกลายเป็นหนึ่งในมาตรการที่เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เนื่องจากผู้จัดให้ความสำคัญในการลดการปลดปล่อยคาร์บอน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอีกหลากหลายประการที่ทางผู้จัดการแข่งขันเลือกใช้เพื่อการจัดการอย่างยั่งยืนในมหกรรมกีฬาครั้งนี้ กับความท้าทายจากอุณหภูมิที่อาจสูงที่สุดในประวัติการณ์

 


เบื้องหลังของมาตรการรักษ์โลกคืออะไร สภาพอากาศ ภูมิอากาศ และอุณหภูมิของปารีสเป็นอย่างไร แนวทางในการจัดการองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อความยั่งยืนเป็นไปในรูปแบบใด ติดตามได้ที่ Main Stand

ประการเริ่มต้นของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของโอลิมปิก 2024 ปารีส อาจต้องย้อนไปถึงความตกลงปารีส ในปี 2015 (Paris Agreement 2015) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อกำหนดมาตรการการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์

มาตรการด้านอุณหภูมิหลัก ๆ ของความตกลงปารีส ได้แก่ การควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และพยายามควบคุมไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส รวมถึงควบคุมการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ การฟื้นตัวจากผลกระทบสภาพภูมิอากาศ โดยมีประเทศเข้าร่วมภาคีความตกลงปารีสกว่า 55 ประเทศ

อีกฟากหนึ่ง มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอีกหนึ่งรายการอย่าง ฟุตบอลโลก ที่ในปี 2022 จัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ ประเทศที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยค่อนข้างสูง ทำให้ต้องโยกย้ายช่วงเวลาการแข่งขัน จากปกติฟุตบอลโลกจะแข่งขันกันในช่วงเดือนพฤษภาคม, มิถุนายน หรือกรกฎาคม ไปจัดในช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม

นอกจากในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาการแข่งขัน กาตาร์ยังต้องสร้างสนามใหม่ พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อควบคุมอุณหภูมิ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งในเรื่องความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก, สิทธิมนุษยชนในการสร้างสนาม หรือผลกระทบที่การแข่งขันครั้งนี้สร้างต่อสิ่งแวดล้อม

ส่วนของอุณหภูมิในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 รายงานจาก Climate Central ได้มีการเปิดเผยอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ปารีส (26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม) เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 3 องศา ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพครั้งล่าสุดในปี 1924

ซึ่งเป็นผลกระทบจากคลื่นความร้อน (Heat wave) ที่ทวีความรุนแรงและความถี่ขึ้น เกิดเป็นปรากฏการณ์เกาะความร้อน (Urban Heat Island) ซึ่งอุณหภูมิสูงสุดที่กรุงปารีสเคยเผชิญอยู่ที่ 42.6 องศาเซลเซียส ในปี 2019 อย่างไรก็ตาม ในโอลิมปิก 2024 นี้ คาดว่าอุณหภูมิจะอยู่ในช่วง 15 - 25 องศาเซลเซียส

คณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ยืนยันว่า พวกเขาจะดำเนินการควบคุมอุณหภูมิให้ไม่ร้อนจนเกินไปสำหรับนักกีฬา โดยไม่ใช้เครื่องปรับอากาศ ด้วยวิธีการทำระบบระบายความร้อนด้วยน้ำใต้ดินใต้บ้านพักนักกีฬา ระบบเดียวกับที่ใช้ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดการปล่อยคาร์บอนลงประมาณครึ่งหนึ่ง และพยายามใช้แหล่งธรรมชาติในการสู้กับคลื่นความร้อนที่อาจเกิดขึ้น

“ฉันต้องการให้การแข่งขันที่ปารีสเป็นแบบอย่าง ในมุมมองด้านสิ่งแวดล้อม” จาก แอนน์ ฮิดัลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส มีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างเมืองที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการทั่วไป ผลกระทบจากคาร์บอนจะลดลงถึง 45% ในการส่วนของหมู่บ้านนักกีฬา ตั้งแต่ในช่วงการก่อสร้างและตลอดการแข่งขัน

อย่างไรก็ดี ในด้านของนักกีฬาที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ใหม่ เงื่อนไขแบบใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลถึงการแสดงความสามารถของพวกเขาโดยตรง ทำให้ทีมชาติสหรัฐอเมริกาตัดสินใจออกเงินติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้กับนักกีฬาทีมชาติ เพื่อสนับสนุนนักกีฬาให้อยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดในการแข่งขัน

“ในการพูดคุยกับนักกีฬาของเรา สิ่งนี้เป็นความสำคัญที่สูงมาก ๆ และอาจส่งผลต่อความรู้สึกและการแสดงศักยภาพของนักกีฬา รวมไปถึงความสม่ำเสมอและความคุ้นเคยของพวกเขา” ซาราห์ เฮิร์ชแลนด์ CEO ของโอลิมปิกและพาราลิมปิกของสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงกรณีที่พวกเขาตัดสินใจติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้กับนักกีฬาของพวกเขา

นอกจากทีมชาติสหรัฐอเมริกา ยังมีรายงานว่า สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, เดนมาร์ก และ อิตาลี กำลังดำเนินการติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้กับเหล่านักกีฬาในบ้านพักโอลิมปิก ทำให้ แอนน์ ฮิดัลโก กล่าวกับ รอยเตอร์ ว่า ประเทศต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ พวกเขาควรจะ “เชื่อในวิทยาศาสตร์”

ตลอดเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2024 หมู่บ้านนักกีฬาต้องรองรับนักกีฬาโอลิมปิกราว 15,600 คน และอีก 9,000 คนในช่วงพาราลิมปิก ซึ่งในช่วงหลังจบการแข่งขัน พื้นที่แห่งนี้จะถูกทำเป็นที่อยู่อาศัยและย่านพาณิชยกรรมปลอดคาร์บอน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีคนพร้อมเข้าอยู่อาศัย 6,000 คน ในช่วงปี 2025

นอกจากหมู่บ้านนักกีฬาที่ปราศจากการใช้เครื่องปรับอากาศแล้ว เพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอนแล้ว ในโอลิมปิก 2024 ครั้งนี้ยังมีการใช้มาตรการอื่น ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้สถานที่จัดการแข่งขันที่มีอยู่แล้ว ไม่สร้างสถานที่ใหม่เพื่อใช้ชั่วคราว หลังจากในปี 2012 ที่ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเจ้าภาพ มีการสร้างสนามแห่งใหม่ 6 ที่ด้วยกัน ในปี 2016 ที่ ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล สร้างสถานที่แข่งขันใหม่ 10 แห่ง และใช้ชั่วคราวอีก 7 แห่ง

ส่วนที่ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จากสถานที่แข่งขันทั้ง 35 แห่ง มีเพียง 2 ที่ที่สร้างใหม่โดยเฉพาะ ได้แก่ สถานที่สำหรับกีฬาทางน้ำ และสนามสำหรับแบดมินตันและยิมนาสติกลีลา โดยผู้จัดอ้างว่า สิ่งก่อสร้างใหม่นี้ใช้วิธีการสร้างแบบคาร์บอนต่ำ เช่น การสร้างที่นั่งจากขยะพลาสติกรีไซเคิลในท้องถิ่น ซึ่งผู้จัดให้คำมั่นสัญญาว่า ปริมาณคาร์บอนที่จะปลดปล่อยในโอลิมปิก 2024 นี้ จะต่ำกว่า ลอนดอน 2012 และ ริโอ 2016 ที่ไม่เกิน 1.58 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

หรือจะเป็นด้านพลังงานที่ในการแข่งขันครั้งก่อน ๆ สนามบางแห่งเลือกใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลเป็นแหล่งพลังงาน มีรายงานว่าในโอลิมปิก 2012 ที่กรุงลอนดอน มีการใช้น้ำมันดีเซล 4 ล้านลิตรเพียงเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าเท่านั้น รวมถึงมีการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยไม่จำเป็นจากการประมาณการที่ผิดพลาด ทำให้ใน ปารีส 2024 นี้ ผู้จัดยืนยันว่าจะมุ่งเน้นการใช้ไฟฟ้าสาธารณะเพื่อใช้เป็นพลังงานในสนาม

ในด้านการคมนาคม ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของความยั่งยืนในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ ปารีส มีเลนสำหรับจักรยานระยะทางรวมกว่า 1,000 กิโลเมตร รวมไปถึงการปล่อยเช่าจักรยานกว่า 3,000 คัน และสถานที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกส่วนใหญ่ สามารถเข้าถึงได้ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ที่เน้นไปที่ทางเท้า, จักรยาน, รถไฟ รวมไปถึงเครื่องบินที่ปลดปล่อยคาร์บอนปริมาณต่ำ

มหกรรมโอลิมปิก 2024 ที่เมืองหลวงแดนน้ำหอมในครั้งนี้ได้รับการขนานนามว่า “เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในประวัติศาสตร์โอลิมปิก” ต้องรอลุ้นกันว่า ด้วยมาตรการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในภาวะที่เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะส่งผลกับการแข่งขันมากน้อยเพียงใด และจะมีกระแสตอบรับในทิศทางไหนต่อไป

Author

รณกฤต ตุลยะปรีชา

วัยรุ่นคู้บอน

Graphic

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ