เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อการแข่งขัน โอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส มีการบรรจุกีฬาใหม่เพิ่มเข้ามานั่นคือ "Breaking" หรือการเต้นเบรคแดนซ์ชิงเหรียญทอง จากสุดยอดนักเต้น บีบอย-บีเกิร์ล ที่ผ่านการคัดเลือกทั่วทุกมุมโลก
Breaking หรือเรียกอีกอย่างว่า Breakdance ที่เราทุกคนน่าจะเคยเห็นกันมาบ้างในปาร์ตี้ฮิปฮอป หรือลานสเก็ตบอร์ด ถูกนำมาจัดแข่งขันในรายการ ยูธ โอลิมปิก เกมส์ ครั้งแรกที่บัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า ปี 2018 และประสบความสำเร็จ เป็นที่พูดถึงอย่างมาก ในการที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) มองเห็นความสำคัญของเหล่าคนรุ่นใหม่ที่มีวัฒนธรรมการเล่นกีฬาที่แตกต่าง และเปิดพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงฝีมือสู่สายตาคนทั่วโลก
แล้วในมหกรรมกีฬา โอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส IOC ก็ยังคงเห็นความสำคัญในการเปิดพื้นที่ให้ บีบอย-บีเกิร์ล ทั่วโลก จึงตัดสินใจบรรจุกีฬา Breaking ชิงเหรียญรางวัลกีฬาห้าห่วงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ก่อนรวบรวมเอาสุดยอดฝีมือสายเต้นเบรกแดนซ์จากทั่วทุกมุมโลก ที่ผ่านการคัดเลือกมาจากรายการต่างๆ รวมถึงนักเต้นที่มีดีกรีเป็นแชมป์โลก มาห้ำหั่นกันบนสังเวียน Place de la Concorde สองวัน วันที่ 9-10 สิงหาคม 2024
การแข่งขัน Breaking ครั้งนี้ มีนักเต้นที่ผ่านคัดเลือกทั้งหมด 32 คน แบ่งเป็นชาย 16 คน หญิง 16 คน แข่งกันแบบประเภทเดี่ยว ฟอร์แมตคือ บีบอย-บีเกิร์ล ทุกคนจะผลัดกันออกมาดวลลีลากันทีละคู่ เก็บคะแนนสะสมกันไป ใครที่ได้คะแนนสูงสุด 8 คนแรก จะได้เข้าไปดวลต่อในรอบน็อคเอาต์ 8 คนสุดท้าย ต่อด้วยรอบรองชนะเลิศ แล้วไปชิงเหรียญทองกันในวันสุดท้าย โดยการตัดสินจะอ้างอิงจากลีลาท่าเต้นว่าใครทำได้เหนือกว่า เคลียร์กว่า ผิดพลาดน้อยกว่า และการออกท่าไม้ตายเฉพาะตัวที่จะดึงคะแนนจากเหล่ากรรมการแบบอักโข
ในการแข่งขัน เหล่าบีบอย-บีเกิร์ล พื้นฐานจะดวลกัน 4 ท่า เริ่มต้นด้วยท่า Top Rock ใช้ขาวาดลวดลายในรูปแบบต่างๆ เรียกน้ำย่อย ก่อนต่อด้วยท่า Footwork ตามด้วย Power Move ดันตัวบนพื้น ออกลีลาโดยไม่ให้พลาดร่วงลงมา และจบด้วยท่า Freeze ค้างไว้ให้สวยงาม
นักเต้นทั้งสองจะผลัดกันออกมาดวลจนกว่าเพลงจะจบ (ส่วนใหญ่มักผลัดกันออกมาเต้นคนละ 3 รอบ) ซึ่งเพลงประกอบการเต้น จะเป็นเพลงที่ DJ สุ่มแรนดอมขึ้นมา นักเต้นทุกคนมีสิทธิ์รู้ว่า DJ เตรียมเพลงอะไรมาเปิดบ้าง แต่ไม่สามารถเลือกได้ DJ เปิดเพลงอะไรมาก็ต้องเต้นตามนั้น หาจังหวะเข้าเพลงกันเอง ถือเป็นการวัดความคิดสร้างสรรค์ของผู้แข่งขันด้วย
วิกเตอร์ มอนตัลโว แชมป์โลก Breaking คนล่าสุดจากสหรัฐอเมริกา เผยว่า "นั่นแหละคือสิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับการ Breaking เพราะคุณต้องปรับตัว ปรับการเต้นให้เข้ากับเพลงที่เปิดออกมา คุณต้องมีความคิดสร้างสรรค์ มีสไตล์ มีเอกลักษณ์ และมีลายนิ้วมือเป็นของตัวเอง"
ขณะที่ผู้เข้าแข่งขัน Breaking ครั้งแรกในโอลิมปิก อุดมไปด้วยสุดยอดฝีมือจาก ยุโรป อเมริกา และเอเชีย อาทิ วิกเตอร์ มอนตัลโว แชมป์โลกจากสหรัฐฯ, เดนิส ซิวิล แชมป์ยุโรปชาวฝรั่งเศส ที่ขอเป็นตัวแทนชิงเหรียญทองให้เจ้าบ้าน หรือ ชิเกยูกิ นาคาราอิ เหรียญทองแดง ยูธ โอลิมปิก 2018 ที่อาร์เจนติน่า ที่ขอกลับมาสู้เพื่อชิงเหรียญทองกลับบ้าน ส่วนฝ่ายหญิงก็นำโดย โดมินิคก้า บาเนวิช จากลิธัวเนีย ซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์โลกหญิงคนล่าสุดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ Breaking จะมีแข่งในโอลิมปิกครั้งแรกที่ฝรั่งเศส และครั้งเดียวเท่านั้น เพราะเจ้าภาพครั้งต่อไปอย่าง ลอส แองเจลิส สหรัฐอเมริกา ปี 2028 ยืนยันว่าจะไม่บรรจุ Breaking ในปีที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ ทั้งที่ตัวเองเป็นประเทศต้นกำเนิดวัฒนธรรม Breakdance จากเขตบรองซ์ นิวยอร์ค ในยุค 70 ขณะที่ โอลิมปิก 2032 ที่บริสเบน ออสเตรเลีย เป็นเจ้าภาพ ก็มีแนวโน้มว่าจะไม่บรรจุ Breaking ในการแข่งขันเช่นเดียวกัน
ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ โลแกน เอ็ดรา บีเกิร์ลสาวจากสหรัฐฯ นิคเนม "logistx" ที่ลงแข่งโอลิมปิกครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าเธอและเพื่อนๆ จะโชว์ลีลากันอย่างสุดความสามารถเพื่อจุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนดู "น่าเสียดายนะที่พวกเราจะไม่ได้ลงแข่งในโอลิมปิกครั้งต่อไป แต่ฉันยังเชื่อมั่นในตัวพวกเรา ที่ปารีส เราจะนำเสนอแสงสว่างและพลังงานดีๆ จากการเต้นของพวกเราให้แก่ทุกคน"
ส่วน วิกเตอร์ มอนตัลโว แชมป์โลกฝั่งบีบอย ก็บอกว่าศึกโอลิมปิกครั้งนี้ เขาและเพื่อนๆ จะโชว์ฟอร์มกันเต็มที่เพื่อทำให้คนดูประทับใจ "ผมแฮปปี้ที่ได้เป็นตัวแทนในการนำเสนอวัฒนธรรมของตัวเองให้ทุกคนเห็นถึงแก่นแท้ของ Breaking เราจะนำกลิ่นอายของ ฮิปฮอป มาสู่โอลิมปิก และจะมีอะไรดีๆ ให้ดูกันอีกเพียบแน่นอน"