News

มิเกล โรดริโก้ - เลือกวางงานประจำที่ยูฟ่า มารับงานพา "ไทย" ไป "ฟุตซอลโลก" เพราะ "นักเตะ" เรียกร้อง

"ผมเอง ก็ไม่รู้เลยว่า ผมจะได้ทำทีมชาติไทย ลุยฟุตซอลโลกต่อไหม สัญญาของผมเป็นสัญญาระยะสั้น 3 เดือน ส่วนตัวผม ผมชอบประเทศไทย นักฟุตซอลอยากให้ผมอยู่ต่อ ซึ่งผมอยากพาทีมชาติไทยประสบความสำเร็จ"

 


นี่คือประโยคที่มิเกล พูดหลังจากพาทีมชาติไทย คว้ารองแชมป์ฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย ด้วยการแพ้ อิหร่าน 1-4 ซึ่งอนาคตของ "มิเกล" ก็เป็นสิ่งที่แฟนชาวไทยอยากรู้เช่นกันว่าจะเป็นอย่างไร

หากแต่ก่อนทัวร์นาเมนต์ชิงตั๋วฟุตซอลโลกจะเริ่มขึ้น ชื่อของ "มิเกล" ไม่เคยอยู่ในลิสต์กุนซือคนใหม่ของทีมชาติไทยมาก่อน เพราะหน้าที่นั้น คือหน้าที่ของ "ปาโต้" โฮเซ่ ลูคัส เมน่า นาวาโน่ กุนซือชาวสเปนวัย 56 ปี ที่คุมสโมสรอินเตอร์ โมวิสตาร์ (ทีมในลีกสเปน) ที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แต่งตั้งมารับหน้าที่ในเดือนกุมภาพันธ์

แต่ช่วงเวลานั้น "ปาโต้" มีอาการป่วยจึงทำให้ไม่สามารถเดินทางมาคุมทีมที่ประเทศไทยได้ ประกอบกับช่วงเวลาสำคัญที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ทีมชาติไทยมีเวลาไม่มากนัก

การมองหากุนซือเข้ามาทดแทนจึงเป็นสิ่งที่สมาคมกีฬาฟุตบอลจำเป็นต้องทำ ก่อนที่ท้ายที่สุด ชื่อของ "มิเกล โรดริโก้" ได้ถูกหยิบยกขึ้นมา จากการที่นักเตะทีมชาติไทยให้คำแนะนำส่วนหนึ่ง

กุญแจสำคัญในช่วงเวลานั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลแห่งชาติ คือคนที่ตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ไปหามิเกล โรดริโก้ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ทำงานประจำอยู่ที่สมาคมฟุตบอลสเปน รับหน้าที่เป็นวิทยากรอบรมโค้ชฟุตซอลให้กับยูฟ่า และสร้างรากฐานเยาวชน GRASSROOT ด้านฟุตซอลในยุโรป

เรียกได้ว่า มิเกล มีงานประจำที่ใช้ชีวิตอยู่ได้แบบสบายๆ และไม่ต้องรับความกดดันในการคุมทีม เหมือนแต่ก่อน

การเจรจาจำเป็นต้องดำเนินการเร่งด่วน และมีบุคคลสำคัญ ที่ว่ากันว่าเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยในการเจรจาอย่าง "ปูลปิส" อดีตโค้ชทีมชาติไทย ที่มิเกลให้ความเคารพ เป็นตัวเชื่อมทำให้ดีลนี้เกิดขึ้น แม้ปัจจุบัน "ปูลปิส" จะไม่ได้เป็นโค้ชทีมชาติไทยแล้ว แต่ด้วยความผูกพันที่มีต่อประเทศไทยจึงทำให้ปูลปิส ยินดีที่จะเข้ามาช่วยเจรจากับมิเกล อีกทาง รวมถึง ธัชพัทธ์ เบ็ญจศิริวรรณ ที่ขึ้นมาดูแลระบบภาพรวมของทีมฟุตซอลทีมชาติไทยอย่างเต็มตัวที่รู้จักมักคุ้นกับ มิเกล เป็นอย่างดี

ขณะที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ โดย "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของทัวร์นาเมนต์นี้ จึงเห็นชอบให้แต่งตั้ง "มิเกล" และให้การสนับสนุนด้านค่าตอบแทนอย่างสมเหตุสมผล

และปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ นักเตะต้องการให้ "มิเกล" กลับมา เพราะเขาคือโค้ชที่เข้าใจธรรมชาติและรู้จักสไตล์ของนักเตะไทยเป็นอย่างดี แม้จะเคยคุมทีมชาติไทยเป็นช่วงสั้นๆ เพียง 1 ปี ในปี 2016-2017 ก็ตาม

ส่วนเรื่องสัญญา มิเกล ก็แฟร์กับการให้ผลงานในชิงแชมป์เอเชียเป็นเครื่องชี้วัด และไม่ได้ขอสัญญาการทำทีมระยะยาว

"ในตอนนั้น ตัวผมเองมีงานประจำ คนที่ยกหูหาผม คือ คุณอดิศักดิ์ มีนักเตะหลายๆคนเรียกร้องให้ผมมา ผมเองรู้ดีว่า มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ แต่ระยะเวลาก็มีจำกัด ผมใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน ก่อนจะตัดสินใจกลับมา ผมรักประเทศไทย ผมมีความผูกพัน นักเตะทีมชาติไทยก็มีศักยภาพมาก"

"แต่ละครั้งที่ผมมาคุมทีมชาติไทย ผมมักจะได้สัญญาระยะสั้น ในปีนี้ยังมีทัวร์นาเมนต์สำคัญ คือ ฟุตซอลโลก ต่อด้วยศึกชิงแชมป์อาเซียน และเอเชี่ยน อินดอร์-มาร์เชี่ยล อาร์ตส์ เกมส์ นี่คือปีที่สำคัญ ถ้านักเตะเรียกร้อง ตัวผมก็พร้อม ผมก็พร้อมที่จะเคลียร์งานที่มีอยู่ในงานประจำด้วย"

สุทิน บัวตูม ผู้จัดการทีมฟุตซอลทีมชาติไทย เปิดเผยว่า "มิเกล เข้ากับคนไทย เป็นคนอ่อนน้อม ถ่อมตน เขาได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมไทย เขาพยายามสอนผู้เล่นทุกคนให้เก่ง ต้องมาพร้อมกับนิสัยที่ดี ความสำเร็จที่ดีอยู่ที่ทีมเวิร์ค เราจะต้องหาทางประสานว่า มิเกลต้องอยู่กับเรา เราต้องหาทางให้เขาอยู่กับเราให้ได้ เป็น a must เลย"

นักเตะทั้ง จิรวัฒน์ และ ศุภวุฒิ ก็ยืนยันว่า กุนซือที่คุมทีมชาติไทย ลุยฟุตซอลโลก ควรเป็น มิเกล โรดริโก้ เพราะเขาคือโค้ชที่มีความเข้าใจในตัวผู้เล่น นักกีฬาชื่นชอบ และมีเกมรุกที่ดี เราก็อยากให้เขาคุมต่อ ระบบเขาก็เซตให้นักเตะมีความเข้าใจแล้ว ก็เหลือเรื่องเกมรับที่จะต้องไปพัฒนา

รายงานล่าสุดที่ Main Stand ได้รับมา เป็นข่าวดีที่สุด เมื่อ สมาคมกีฬาฟุตบอลโดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ และ “คุณป๋อม” นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลแห่งชาติ ยืนยัน มีแผนต่อสัญญาอย่างแน่นอน

นี่คือ กุนซือที่เส้นทางของเขา อาจถูกลิขิตสำหรับการสร้างความสำเร็จกับทีมชาติไทยอีกครั้ง "มิเกล โรดริโก้" 

Author

วิรวิชญ์ เจริญเชื้อ

The handsome boy like Jackson Wang and the best singer of Main Stand.

Photo

อาณกร จารึกศิลป์

Main Stand's Photographer

Graphic

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ