News

อาการชักในทารกอาจถึงชีวิต รู้ความเสี่ยงและวิธีดูแลเบื้องต้น

อาการชักในทารกเป็นภาวะที่น่ากลัวสำหรับพ่อแม่และผู้ดูแล เนื่องจากอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและทันท่วงที 

 

 

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

อาการชักในทารกอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อยได้แก่

 

  1. ไข้สูง: ภาวะไข้สูงเฉียบพลันเป็นสาเหตุหลักของอาการชักในทารกและเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี

  2. การติดเชื้อในระบบประสาท: เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือสมองอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชักได้

  3. ความผิดปกติของสมอง: เช่น ความพิการแต่กำเนิด เนื้องอกในสมอง หรือโรคลมชัก

  4. ภาวะเมตาบอลิกผิดปกติ: เช่น ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ระดับแคลเซียมหรือโซเดียมในเลือดผิดปกติ

  5. การบาดเจ็บที่ศีรษะ: อาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือการทารุณกรรม

  6. ความผิดปกติทางพันธุกรรม: บางโรคทางพันธุกรรมอาจส่งผลให้เกิดอาการชักได้

 

อาการและสัญญาณที่ควรสังเกต

การสังเกตอาการชักในทารกอาจทำได้ยากกว่าในผู้ใหญ่ เนื่องจากอาการอาจไม่ชัดเจนหรือแตกต่างกันไปในแต่ละราย อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่ควรเฝ้าระวังมีดังนี้

 

  1. การเคลื่อนไหวผิดปกติของร่างกาย: เช่น แขนขากระตุก เกร็ง หรือสั่น

  2. การเปลี่ยนแปลงของสีผิว: อาจมีอาการซีด หรือเขียวคล้ำ

  3. การเปลี่ยนแปลงของระดับการรู้สติ: เช่น ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกหรือการสัมผัส

  4. การเคลื่อนไหวของลูกตาผิดปกติ: เช่น ตาค้าง หรือกลอกไปมา

  5. การหยุดหายใจชั่วคราว หรือหายใจไม่สม่ำเสมอ

  6. น้ำลายฟูมปาก หรือกัดลิ้นตัวเอง

 

การดูแลเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการชัก

เมื่อพบว่าทารกมีอาการชัก การตอบสนองอย่างรวดเร็วและถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ ขั้นตอนการดูแลเบื้องต้นมีดังนี้

 

  1. รักษาความสงบ: พยายามควบคุมสติและไม่ตื่นตระหนก

  2. จัดท่านอน: วางทารกในท่านอนตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก

  3. ดูแลความปลอดภัย: นำสิ่งของที่อาจเป็นอันตรายออกจากบริเวณรอบตัวทารก

  4. ห้ามยัดอะไรเข้าปาก: ไม่พยายามใส่นิ้วหรือวัตถุใดๆ เข้าไปในปากทารก

  5. จับเวลา: สังเกตและบันทึกระยะเวลาที่เกิดอาการชัก

  6. คลายเสื้อผ้า: ถอดหรือคลายเสื้อผ้าที่รัดแน่นเพื่อให้หายใจสะดวก

  7. ไม่ยับยั้งการเคลื่อนไหว: ปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ ไม่พยายามยึดหรือจับไว้

  8. โทรเรียกความช่วยเหลือ: หากอาการชักนานเกิน 5 นาที หรือเกิดซ้ำ ให้โทรเรียกรถพยาบาลทันที

 

การป้องกันและการดูแลระยะยาว

แม้ว่าอาการชักในทารกอาจไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด แต่มีวิธีการลดความเสี่ยงและดูแลระยะยาว ดังนี้:

 

  1. ควบคุมไข้: ใช้ยาลดไข้ตามคำแนะนำของแพทย์ และเช็ดตัวลดไข้

  2. ฉีดวัคซีนตามกำหนด: ป้องกันโรคติดเชื้อที่อาจนำไปสู่อาการชัก

  3. ดูแลความปลอดภัย: ป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะ

  4. ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ: พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามพัฒนาการและสุขภาพของทารก

  5. สังเกตอาการผิดปกติ: หากพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

 

อาการชักในทารกเป็นภาวะที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ด้วยความรู้และการเตรียมพร้อม ผู้ปกครองสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การปรึกษาแพทย์และการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพของทารกในระยะยาว

Author

Main Stand

Stand ForAll สื่อกีฬาที่เข้าถึงทุกคน

Graphic

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ