News

สนามเซปังตั้งเป้าคนไทยมาชม MotoGP ที่มาเลเซียปีนี้ 2 เท่าจากปีก่อน ส่วน F1 ต้องรอนโยบายรัฐ

นอกจาก ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ มอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก MotoGP ที่แฟนกีฬาความเร็วชาวไทยให้ความสนใจมากที่สุด คงหนีไม่พ้น มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากเป็นสนามที่ตั้งอยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด และอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการตัดสินแชมป์โลก

 


แม้ใน MotoGP ฤดูกาล 2023 เซปังจะไม่ใช่สนามรองสุดท้ายของซีซั่นเหมือนเคย เพราะต้องหลีกทางให้สนามลูเซล ประเทศกาตาร์ ที่ขอขยับโปรแกรมเพื่อปรับปรุงสนามรองรับการแข่งขัน F1 แต่ ชาฟริมาน ฮานิฟ ซีอีโอของ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่เดินทางมาประชาสัมพันธ์การแข่งขันที่ประเทศไทย ยืนยันกับทีมงาน Main Stand ว่า ตอนนี้ทางสนามได้มีการปรับปรุงใหม่ โดยเฉพาะพื้นแทร็กและห้องน้ำ และตั้งเป้าว่า จะมีแฟนความเร็วชาวไทยเดินทางเข้ามาชมการแข่งขัน MotoGP ที่แดนเสือเหลืองในปีนี้ เพิ่มกว่าปีก่อนเท่าตัวเลยทีเดียว

"จากสถิติของทางเรา ปี 2022 มีแฟนชาวไทยเข้ามาชม MotoGP ที่เซปังราว 300-500 คน (จากยอดผู้ชมตลอดสุดสัปดาห์การแข่งขันราว 160,000 คน) ปีนี้เราตั้งเป้าสำหรับแฟนชาวไทยไว้ที่ 2 เท่าจากเดิม ก็คือราว 1,000 คน หรือมากกว่า ซึ่งเรามีความเชื่อมั่น เพราะหนึ่งในสาเหตุสำคัญคือ มีนักแข่งชาวไทยอย่าง สมเกียรติ จันทรา รวมถึงนักแข่งจากชาติอาเซียนในการแข่งขัน นอกจากนี้ สนามของเรายังอยู่ใกล้กับสนามบิน และมีโรงแรมหลายแห่งทั้งใกล้สนาม บริเวณใกล้เคียง รวมถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่ไม่ไกลจากสนามนัก ซึ่งสะดวกกับแฟนกีฬาที่จะเข้ามาชม"

ส่วนอีกคำถามสำคัญสำหรับคนรักความเร็ว คงหนีไม่พ้นความเป็นไปได้ที่ F1 หรือรถสูตรหนึ่ง จะกลับมาจัดแข่งที่เซปังอีกครั้ง หลังครั้งล่าสุดที่ประเทศมาเลเซียได้จัดแข่ง F1 ต้องย้อนไปถึงปี 2017 และปัจจุบันมีเพียงประเทศสิงคโปร์ เป็นสังเวียนแข่ง F1 หนึ่งเดียวในอาเซียน ซึ่งฮานิฟตอบในประเด็นนี้ว่า

"ในตอนที่มาเลเซียหยุดพักการแข่งขัน F1 เมื่อปี 2017 นั้น รัฐบาลมาเลเซียพิจารณาจากแง่มุมทางเศรษฐกิจ เรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งนโยบายของรัฐบาลมาเลเซียในตอนนี้ ยังคงเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาดีขึ้น แน่นอนว่าทางสนามเซปัง ยินดีและอยากเห็น F1 กลับมาจัดแข่งที่นี่อีกครั้ง ซึ่งกระแสจากซีรี่ส์ Drive to Surive ทาง Netflix ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อย แต่ในตอนนี้ ผมคิดว่าทางรัฐบาลยังเห็นว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ พวกเขาต้องฟื้นเศรษฐกิจในประเทศก่อน หลังจากนั้น คาดว่าเรื่องการจัดแข่ง F1 น่าจะกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง แต่แน่นอนว่า ต้องมีภาคเอกชนที่ร่วมลงทุนด้วย เพราะค่าลิขสิทธิ์ F1 แพงกว่า MotoGP มากครับ"

 

Author

เจษฎา บุญประสม

Content Creator ผู้ชื่นชอบการกิน, ท่องเที่ยว และดูกีฬาแทบทุกประเภท โดยเฉพาะฟุตบอล, อเมริกันเกมส์, มอเตอร์สปอร์ต, อีสปอร์ต

Graphic

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1