จาก Winning Eleven สู่ PES (Pro Evolution Soccer) หนึ่งในเกมฟุตบอลที่อยู่คู่กับคอเกมมานาน มีหลากหลายเรื่องราวที่สร้างความทรงจำให้กับเรา ไม่ว่าจะเรื่องความประทับใจ, ความสุขที่ได้เล่น และความทรงจำของการลองผิดลองถูกตามจินตนาการ
นอกจากการเอา โรแบร์โต้ คาร์ลอส ไปเล่นกองหน้า หรือแม้กระทั่งการยัดนักเตะสปีด 9 ขึ้นไปเล่นกองหน้า หนึ่งในสิ่งที่คลาสสิกสุด ๆ ของสมัยที่ยังเป็นวินนิ่งคือ "การใช้นักเตะสูง ๆ ไปเป็นกองหน้าตัวเป้าในระบบ 4-3-3"
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะโหม่งเก่งหรือไม่ แต่ถ้าสูงขึ้นมาเเล้วล่ะก็ หน้าเป้าเท่านั้นที่พวกเราต้องการ และนี่คือเรื่องราวของ เอ็นวานโก้ คานู กองหน้าที่สูง 197 เซนติเมตร ที่ต้องรับบทตัวโหม่งไปแบบงง ๆ ทั้งที่ชีวิตจริงนั้นเขาไม่ใช่นักเตะทรงนั้นแม้แต่น้อย ... ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่
ไนจีเรีย สุดยอดทีมที่สู้ได้ทั้งโลก
ในตัวเกมทั้งภาค วินนิ่ง 3 และ วินนิ่ง 4 นั้น ถือว่าเป็นตัวเกมที่ระบบการแข่งขันและเกมเพลย์ที่เหมือนฟุตบอลจริง ๆ ขึ้นมาบ้าง หากเทียบกับเกมในยุค 2-3 ปีก่อนหน้านี้อย่าง Goal Strom หรือแม้กระทั่งจากฝั่ง FIFA เองก็ยังมีเกมเพลย์ที่ไม่ลื่นไหลและเข้ามือเหมือนกับวินนิ่งเลย
อย่างไรก็ตามในอีกทางหนึ่ง สิ่งที่ขาดหายไปของตัวเกมฟุตบอลแทบทุกเกมในยุค 90s ไม่ใช่แค่วินนิ่ง คือเรื่องความสมดุลของค่าพลัง และการแปลงค่าพลังนั้นให้สามารถแสดงผลในการเเข่งขันได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือค่าพลัง Curve (ปั่นไซด์โค้ง) Pass (ผ่านบอล) หรือแม้แต่ Stamina (ความอึด) ที่แทบไม่แสดงผลเลยในเกม
ตัวอย่างที่เห็นภาพทันทีโดยไม่ต้องอธิบาย คือนักเตะอย่าง เดวิด เบ็คแฮม ในภาควินนิ่ง 3 หรือ วินนิ่ง 4 นั้น เเทบจะเป็นนักเตะที่สร้างประโยชน์ให้ทีมได้น้อยมาก ค่าพลังความอึดเยอะ ค่าพลังเตะไซด์โค้งเยอะ แต่สุดท้ายการโยนบอลจากริมเส้นแบบกด O สองครั้ง ก็เป็นการโยนใส่หัวกองหน้าอยู่ดี ไม่ว่านักเตะจะมีค่าพลัง Curve เท่าไหร่ก็ไม่แตกต่าง เบ็คแฮม ที่ Curve 9 ไม่สามารถโยนโค้งข้ามหัวกองหลังและลงใส่เท้าให้กองหน้าเพื่อนร่วมทีมหลุดเดี่ยวได้เหมือนกับตัวจริง การเปิดบอลของ เบ็คแฮม ไม่ต่างจากนักเตะธรรมดาทั่วไปเลย
Photo : PESworld
ไม่ใช่แค่เบ็คแฮมเท่านั้น จอมเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการจ่ายบอลหลาย ๆ คนยกตัวอย่างเช่น ซีเนอดีน ซีดาน ในเกมนี้ก็ไม่ได้โดดเด่นเลย ถ้าเทียบกับนักเตะสายสปีด 8 สปีด 9 ที่เด่นชัดที่สุดอย่าง ทิยานี่ บาบันกิด้า และ ดาเนี่ยล อโมคาชี่ จากทีมชาติไนจีเรีย ที่เพียงแค่สปีด 9 ของพวกเขาก็สามารถทะลวงคู่แข่งได้ทุกทีม ประสิทธิภาพเกมรุกแทบไม่ต่างจากทีมระดับหัวแถวของโลกอย่าง บราซิล เลย
ไนจีเรีย ถือเป็นกรณีตัวอย่างในความไม่สมดุลของค่าพลังในตัวเกมภาคเก่า ๆ ได้เป็นอย่างดีที่สุด เพราะนอกจากตัวสปีด 9 ทั้งสองตัวอย่างที่กล่าวไปแล้ว พวกเขายังมีนักเตะสปีด 8 อีกเพียบทั้ง ซันเดย์ โอลิเซห์ (Shoot Power 9 อีกต่างหาก), วิคเตอร์ อิกเปบ้า หรือกองหลังอย่าง ตาริโบ เวสต์ และ เซเลสติน บาบายาโร่ ก็ล้วนเร็วนรกแตกทั้งสิ้น
ความเร็วสำคัญเป็นอันดับ 1 และนั่นทำให้ ไนจีเรีย ในวินนิ่งภาคเก่า ๆ กลายเป็นทีมที่น่ากลัว ทั้ง ๆ ที่ความจริงพวกเขาไม่เคยผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกได้เลยสักครั้ง ...
อย่างไรก็ตาม มีนักเตะอีกหนึ่งคนที่ทำให้ ไนจีเรีย ในวินนิ่ง 3 และ 4 สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่แค่เร็วอย่างเดียวแต่เล่นลูกกลางอากาศได้ นั่นคือ เอ็นวานโก้ คานู กองหน้าหมายเลข 4 ของทีมนั่นเอง
Photo : PESworld
คานู ในเกมคือดาวยิงที่มีสปีดเป็นรองเพื่อน ๆ อยู่พอสมควร ค่าพลังสปีดของเขาแค่ 7 เท่านั้น แต่ส่วนที่ทดแทนกลับมา คือความสูงที่เหมือนติดบัก 197 เซนติเมตร และยังมีค่า Jump (กระโดด) อีก 8 เรียกได้ว่าเกือบเต็มหลอดครบเครื่องเรื่องสายโหม่งเลยทีเดียว
เมื่อมี คานู ค้ำหน้าและมีปีกสองข้างที่สปีด 9 พร้อมการครอสบอลที่ไม่อิงค่า Curve ก็ทำให้เขาได้ขึ้นเทคโขกแบบเต็ม ๆ หัวทุกครั้งไป หนำซ้ำเมื่อบอลหลุดแถวสอง ยังมีสายยิงไกลอย่าง โอลิเซ่ห์ รอยิงซ้ำอีกต่างหาก นั่นและคือเหตุผลที่ใครต่อใครต่างก็เลือกใช้ ไนจีเรีย ในการเเข่งกับเพื่อน บางครั้งทีมนี้ก็เก่งจนโดนห้ามให้ใช้เลยก็มี
สุดท้ายเเล้วเกมก็คือเกม ยิ่งเกมยุคเก่า ๆ ความแตกต่างหรือบักก็แสดงผลทำให้นักเตะบางคนถ้าได้เก่งก็เก่งสุด ๆ ไปเลย ถ้าได้อ่อนก็อ่อนจนชนิดที่ว่าห่างไกลจากโลกความจริงคนละโยชน์ และเมื่อเกมคือเรื่องราวของความสนุกและความทรงจำ มันจึงทำให้เราเผลอเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในนั้นไปปนกับโลกความจริง และหนึ่งในความเชื่อที่หลุดมาจากเกมวินนิ่งคือ "คานู โหม่งโคตรเก่ง" ... เพราะจริง ๆ แล้ว เขาไม่ใช่นักเตะแบบนั้นเลย
คานู ตัวจริง ... เกือบไม่เจ๋ง
เอ็นวานโก้ คานู ถือว่าเป็นการค้นพบของสโมสร อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล อย่างแท้จริง เขาเป็นนักเตะที่เล่นในลีก ไนจีเรีย กับ Iwuanyanwu Nationale ได้แค่ปีเดียว ก่อนจะโดน อาแจ็กซ์ ดึงตัวมาด้วยราคาที่ไม่ปรากฎ ทว่าแน่นอนมันไม่ใช่จำนวนที่มากมายอะไรอยู่แล้ว
การดีลตัวของ คานู เกิดขึ้นจากการที่แมวมองของทีมไปส่องฟอร์มนักเตะในศึกฟุตบอลโลกยู 17 ในปี 1993 ซึ่งแข่งที่ประเทศญี่ปุ่น และ คานู ในเวลานั้นคือความแตกต่างจากเด็กรุ่นเดียวกันอย่างแท้จริง เขาพา ไนจีเรีย ชนะรวด 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม (ยิง 5 ลูก) จากนั้นก็พาทีมคว้าแชมป์โลกด้วยสถิติชนะรวดทุกเกมที่ลงสนาม นั่นแหละเขาจึงได้บินตรงมายังเนเธอร์แลนด์ และสร้างทุกอย่างขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
Photo : TheseFootball
ช่วงอยู่กับ อาแจ็กซ์ เขาคว้าแชมป์ลีก 3 ปีรวดตั้งแต่ 1994 ถึงปี 1996 พ่วงด้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อย่างยิ่งใหญ่ ในปี 1995 ณ ตอนนั้นคนอาจจะไม่ได้จำภาพเขาในฐานะจอมยิงประตูเท่าไหร คนติดภาพของ พาทริก ไคลเวิร์ต มากกว่า เพราะตัวของ ไคลเวิร์ต นั้นคือเบอร์ 9 ธรรมชาติ จบสกอร์เฉียบขาดทุกระยะ แต่สำหรับคานู หากจะเรียกให้ถูกหมวดหมู่ เขาคือบอลสมองตัวจริง
มันยากที่จะอธิบายภาพให้คนที่ไม่ทันดู คานู ในยุคอาแจ็กซ์ หรือแม้แต่กระทั่งตอนที่พีกที่สุด อย่างช่วงเวลาที่อยู่กับ อาร์เซน่อล ได้เข้าใจทันที ดังนั้นการดูวีดีโอไฮไลต์การยิงในยูทูบของเขาคุณจะสามารถเข้าใจได้ทันทีว่า "บอลสมอง" นั้นเหมาะกับเขาขนาดไหน
ตัวจริง ๆ ของ คานู ไม่ได้ดูเป็นยักษ์ใหญ่เหมือนในเกม เขาออกแนวผอมสูงดูเก้งก้างแบบเห็นได้ชัด ทว่าในความเก้งก้างนั้นมากับสเต็ปเท้าและการโยกหลอกที่ดูพริ้วไหวผิดกับสรีระ และสุดท้ายคือการเล่นจังหวะสุดท้ายของ คานู นั้นเยือกเย็นเกินคาด เขาชอบทำประตูยาก ๆ ให้ดูเหมือนง่าย การล็อกผ่านกองหลัง 3-4 คน และเข้าไปยกบอลข้ามประตูแบบนิ่ม ๆ คือภาพที่เห็นประจำ
ลักษณะการยิงประตูของ คานู นั้นเปี่ยมไปด้วยเทคนิค คนละแบบกับกองหน้ายุคเดียวกันที่ใส่ตูมหาย ใส่ตูมหาย แบบ อลัน เชียร์เรอร์ เพราะ คานู มักจะเลือกยิงในมุมที่ใครไม่คาดฝันและเป็นไปได้ยาก จริงอยู่ที่ไม่ใช่ทุกครั้งหรอกที่เขาทำสำเร็จและมันเป็นประตู แต่การยิงประตูลักษณะนั้นได้บ่อยครั้ง คือภาพจำของ คานู ในฐานะหนึ่งในนักเตะกองหน้าที่เยือกเย็นและเปี่ยมไปด้วยเทคนิคมากที่สุดคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ทั้ง ๆ ที่เก่งขนาดชนิดที่ว่าคว้าแชมป์ลีกกับ อาแจ็กซ์ 3 สมัยพ่วงถ้วยบิ๊กเอียร์ รวมถึงเหรียญทองโอลิมปิกปี 1996 มันต้องมีเหตุผลที่ว่าทำไม คานู จึงกลายเป็นนักเตะที่คนรู้จักในเกมมากกว่าตัวจริง (โดยเฉพาะภาควินนิ่ง 3) เรื่องของเรื่องมันไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์ แต่มันเป็นเรื่องสุขภาพร่างกายต่างหาก ...
เพราะหลังจากระเบิดฟอร์มกับ อาแจ็กซ์ แล้ว เขาก็ถูก อินเตอร์ มิลาน ซื้อตัวไปร่วมทีมในปี 1996 ด้วยราคา 6 ล้านปอนด์ ทว่าหลังจากนั้นไม่นานเขาถูกตรวจพบว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว และต้องเข้ารักษาตัวเองเป็นปี ๆ แบบไม่ได้ลงสนามเลย ณ นาทีนั้นมีวลีจากฝั่งอินเตอร์ว่า "เราได้เสียเงินกับนักเตะที่สูญเปล่าไปแล้ว"
Photo : SempreInter
การไม่ได้เล่นในลีก เซเรีย อา ที่มีคนไทยบางส่วนติดตาม บวกกับการไม่ปรากฎชื่อบนหน้าข่าวฟุตบอลอยู่เกือบ 1 ปี ทำให้ คานู อาจจะโดนมองว่าหมดค่าไปแล้วสำหรับ อินเตอร์ และโลกฟุตบอลฝั่งยุโรป ทว่ากับทีมชาติ ไนจีเรีย เขายังคงเป็นยอดกองหน้าเหมือนเช่นเคย และนั่นทำให้ทันทีที่เขาหายจากอาการโรคหัวใจ แม้ อินเตอร์ จะไม่ได้ใช้งานเขา แต่ คานู ก็ถูกเรียกติดทีมชาติทันที และเมื่อเขาอยู่ในทีมชาติ เขาก็ต้องอยู่ในเกมวินนิ่ง
ดังนั้นเราจึงได้เห็นกองหน้าตัวสูง 197 เซนติเมตร กระโดดเทคตัวขึ้นโหม่งนิ่ม ๆ เหมือนกับขนมกรุบได้นั่นเอง บางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมอนี่เป็นใครมาจากไหน รู้อย่างเดียวว่าถ้าได้เล่น ไนจีเรีย และมี คานู อยู่ คุณสามารถจะเปิดโหม่งเท่าไหร่ก็ได้ตามที่คุณต้องการ แม้โลกแห่งความจริงลูกโหม่งของเขาอาจจะไม่ได้ปรากฎให้เห็นมากนักก็ตาม
ยืนยันอีกครั้งว่าผม "บอลสมอง"
มีนักเตะแอฟริกันหลายคนที่เก่งกับทีมชาติแต่เล่นในยุโรปไม่รอด คานู เองก็เกือบจะเป็นหนึ่งในนั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง อินเตอร์ หมดความอดทนกับดาวยิงที่ใช้ไม่ได้อย่างเขา และมี อาร์เซน่อล เซ้งต่อไปร่วมทีมในเดือนกุมภาพันธ์ 1999
Photo : Premium Time Nigeria
เรียกได้ว่าการย้ายทีมครั้งนั้นคือการเกิดใหม่ของ คานู อย่างแท้จริง เพราะ อาร์เซน เวนเกอร์ รู้ดีว่านักเตะแอฟริกันนั้นมีทีเด็ดซ่อนอยู่ในตัว แต่ต้องหยิบออกมาใช้ให้ถูกทาง ซึ่งเรื่องนี้เขาเคยทำสำเร็จจนถึงขั้นสร้างนักเตะบัลลงดอร์อย่าง จอร์จ เวอาห์ มาเเล้วในอดีต
เวนเกอร์ เคยเล่าว่า เขาเคยเซ็นสัญญานักเตะเข้ามาสู่ทีมมากมายนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมของ อาร์เซน่อล แต่ คานู คือหนึ่งในดีลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเลยทีเดียว
"ผมใช้งานนักเตะแอฟริกันมาตั้งแต่สมัยคุมโมนาโก ผมชอบพวกเขาจริง ๆ แข้งแอฟริกันมีความคิดสร้างสรรค์แบบสุด ๆ เข้าทำและโจมตีพื้นที่สุดท้ายด้วยจิตนาการของพวกเขา ฝีเท้าก็ดีร่างกายก็แข่งแกร่งคล่องตัว นักเตะสไตล์แอฟริกันน่ะหายากนะ ... แล้วนักเตะอย่าง คานู เนี่ยถือเป็นนักเตะแอฟริกันขวัญใจอันดับ 1 ของผมเลย เขาติดลิสต์ยอดดีลของผมร่วมกับ จอร์จ เวอาห์ และ โคโล ตูเร่" เวนเกอร์ กล่าว
จะพูดแบบนั้นก็ไม่แปลก แม้ช่วงเวลานั้น อาร์เซน่อล จะมีโคตรกองหน้าอย่าง เธียร์รี่ อองรี และ เดนนิส เบิร์กแคมป์ อยู่แล้วก็ตาม แต่ทันทีที่ คานู ย้ายมา เขาเริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรอง นั่งอ่านเกมที่ข้างสนามอยู่พักเดียว เขาถูกเปลี่ยนตัวลงไปแล้วสร้างความแตกต่าง ด้วยการยิงประตูทันทีหลังจากรับคำสั่ง คานู ออกตัวกับ อาร์เซน่อล อย่างสวยงามด้วยการเป็นซูเปอร์ซับ ยิงประตูติดๆ กันใส่ ดาร์บี้, เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์, แอสตัน วิลล่า และในลอนดอน ดาร์บี้ กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ฤดูกาลต่อมา (1999-2000) คานู ยิ่งเฉิดฉายกว่าเดิม กับการยิง 17 ประตูให้ อาร์เซน่อล และสร้างตำนานแฮตทริกใน 15 นาที พาทีมพลิกชนะ เชลซี 3-2 ซึ่งฟอร์มของเขาในเกมนั้นและประตูแต่ละประตูยังคงถูกพูดถึงจนทุกวันนี้
ประตูแรกรับบอลในกรอบเขตโทษ จิ้มนิ่ม ๆ ผ่าน 2 กองหลังแชมป์โลกของเชลซี อย่าง มาร์กแซล เดอไซญี่ และ ฟร้องก์ เลอเบิฟ, ประตูที่ 2 โชว์เฟิร์สทัชด้วยการแตะบอลทีเดียวผ่านกองหลัง เชลซี 2 คนเข้าไปยิงสวนตัว เอ็ด เดอ ฮุย และสุดท้ายลูกที่ 3 คลาสสิกที่สุดที่มุมธงฝั่งซ้าย เขาจับบอลนอกกรอบเขตโทษโดยมี เดอ ฮุย เข้ามาปิดมุม ทว่า คานู ล็อกหลบอย่างใจเย็น แต่ไม่เหลือมุมให้ยิงแล้วเพราะกองหลังเชลซีปิดหน้าประตูอยู่ 3 คน
สิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้นคือตำนาน เขาคลึงบอลด้วยเท้าขวาแล้วอัดไซด์โค้งโป้งเดียวเข้าสามเหลี่ยมผ่านทุกคนที่บังอยู่อย่างเหลือเชื่อ ... แค่เกมนี้เกมเดียวก็บอกได้ว่า คานู คือพี่โย่งที่เล่นบอลกับพื้นได้ดีที่สุดเท่าที่โลกฟุตบอลเคยมี
"ผมขอเลือก คานู ในฐานะนักเตะที่เข้ามาและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ทีมได้ทันที เขายิ่งใหญ่จริง ๆ" เวนเกอร์ ตอบคำถามอีกครั้งว่าสำหรับเขาแล้ว คานู หรือ ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง คือนักเตะที่ดีกว่ากัน
คานู อยู่กับ อาร์เซน่อล และร่วมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย เอฟเอ คัพ 2 สมัย ยิงได้ 43 ประตูจาก 197 เกม ... แน่นอนมันไม่ใช่จำนวนที่เยอะ เพราะอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น เขาไม่ใช่สายยิงประตูถล่มทลายเหมือนใคร แต่เขาคือสายเทคนิคที่สร้างความแตกต่างได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกจบสกอร์เพื่อเปลี่ยนเกม หรือการมองหาโอกาสและสร้างมันให้เพื่อนร่วมทีม ไม่ว่าจะในฐานะตัวจริงหรือตัวสำรอง คานู สามารถสร้างอิมแพ็คต์ได้ดีเหมือนกับที่ เวนเกอร์ บอก
หรือแม้กระทั่งในวันที่เขาแก่ตัวลง เขาก็ยังสร้างตำนานแชมป์เอฟเอ คัพ ร่วมกับ พอร์ทสมัธ ได้อีกในฤดูกาล 2007-08 ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ เพราะ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ กุนซือของ ปอมปีย์ ก็บอกเหมือนกับ เวนเกอร์ ว่า นี่คือดีลที่ดีที่สุดในชีวิตการคุมทีมของเขา เพราะแม้แต่จะอยู่ช่วงปลายอาชีพ คานู ก็ยังเป็นคนที่สร้างความแตกต่างในพื้นที่สุดท้ายได้เสมอ ...
ไม่ว่าคุณจะคิดว่าเขาโหม่งเก่งแค่ไหน สุดท้ายแล้วคุณคิดผิด ... เขาคือจอมเทคนิคที่ใครก็ซูฮก ทว่าสุดท้ายแล้วความทรงจำล้วนมีค่า แม้ตัวจริงเขาเขาจะไม่เหมือนในเกม ทว่าหากจะถามว่าเขาเก่งหรือไม่ ? คำตอบนั้นทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว นั่นคือ
Photo : Transfermarkt
"แน่นอนที่สุด เอ็นวานโก้ คานู โคตรคลาสสิกเลย" ... เชื่อว่าหลายคนคงตอบเช่นนี้
สำหรับ "คอวินนิ่งที่แท้จริง" ไม่จะภาคไหนๆก็คงให้ความรู้สึกร่างกายอยากปะทะ หรือเสียบจอยดวลกับคนเก่งๆไม่ต่างกัน และหากคุณคิดว่าฝีมือของคุณเจ๋งจริง ! เรามีเงินรางวัล "1 ล้านบาท" มาท้าให้คุณร่วมประลอง...
ทัวร์นาเม้นต์ PES 2020 myClub X2 Tour โดย MainStand Gaming ขอท้าใครก็ตามที่คิดว่าแน่ร่วมลงสมัครศึก PES 2020 myClub X2 Tour ชิงเงินรางวัลสูงสุดประวัติศาสตร์ไทย ที่เปิดให้เริ่มสมัครเเข่งขันกันในวันที่ 1 กันยายนนี้ ...
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่เพจ MainStand และ MainStand Gaming ได้เร็ว ๆ นี้ ห้ามพลาดเงินรางวัล 1 ล้านบาท รอคุณอยู่ !
แหล่งอ้างอิง
https://thenationonlineng.net/emmanuel-adebayor-why-i-demanded-for-kanus-jerseys-after-signing-for-arsenal/
https://trueafrica.co/article/arsene-wenger-reveals-why-kanu-was-one-of-his-greatest-signings/
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-8311453/Arsene-Wenger-snubs-Aubameyang-picking-capture-Kanu-1999-best-January-signing.html
https://www.kingfut.com/2016/02/27/harry-redknapp-speaks-about-kanu/
https://squadnumbers.wordpress.com/2015/10/23/kanu-believe-it/
https://en.wikipedia.org/wiki/Nwankwo_Kanu