สรุปประเด็นดรามา วิทยุการบินมินิวอลเลย์บอล เสี่ยงดวงจับสลากเข้ารอบ ทำเด็กร้องไห้ใจสลาย

การแข่งขันวิทยุการบินฯมินิวอลเลย์บอล ชิงแชมป์ประเทศไทย เป็นการแข่งขันวอลเลย์บอลเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ที่จัดขึ้นโดยสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย 

ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 23 แข่งขันที่ยิมเนเซียมเทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

แต่เดิมกติกาการแข่งขัน ใช้การนับคะแนนแบบวอลเลย์บอลอาชีพ แต่เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์มีทีมไปดีลกันลับหลัง เพื่อดึงอีกทีมเข้ารอบ 

ทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขัน เปลี่ยนมาใช้การจับสลากวัดดวงเข้ารอบ นับตั้งแต่ปี 2012 

ในระเบียบของการแข่งขัน มีการเขียนกติกาดังกล่าวไว้ชัดเจน

ทุกทีมที่เข้าแข่งขันรับทราบกติกาข้อนี้ดี

จากคำบอกเล่าของนักข่าวสายวอลเลย์บอล ทั้งคุณอ๋อมแบทแมน และ คุณโบโซ่ (นามปากกา) พูดตรงกันว่า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เปลี่ยนกฎ ไม่เคยมีดรามา หรือ การประท้วงแบบเป็นเรื่องเป็นราว

อาจมีคนท้วงติงถึงวิธีการบ้าง แต่ก็ไม่มีใครเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงแบบจริงจัง

จุดที่ทำให้แฟนวอลเลย์บอลไทยวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก

เป็นเพราะหนึ่งในทีมโค้ชของโรงเรียนวัดแจงร้อน ถ่ายคลิปตอนที่เด็กๆในทีมร้องไห้แทบขาดใจ หลังดวงไม่ดีจับสลากได้ ‘ตกรอบ’ 

ทั้งที่เด็กๆโรงเรียนแจงร้อน เก็บชัยชนะได้ 2 แมตช์เท่ากับอีกหนึ่งโรงเรียน โดยผลงานของเด็กโรงเรียนแจงร้อนมีดังนี้

ชนะรร.บ้านคลองอุดม 2-0 เซต สกอร์ 25-11 และ 25-7

แพ้ โรงเรียนวัดโตนดเตี้ย 1-2 เซต สกอร์ 25-17,12-25 และ16-18

ชนะ อนุบาลลำปลายมาศ 2-1 สกอร์ 25-20,19-25 และ 16-14

แต่จะมีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่ได้เข้ารอบต่อไป ทำให้แจงร้อนกับอีกทีมโรงเรียนที่ชนะมา 2 แมตช์เท่ากันต้องมาจับสลากวัดดวงกัน

ทันทีที่ผลจับสลากออกมา เด็กๆโรงเรียนแจงร้อนก็ปล่อยโฮด้วยความเสียใจทันที

ในคลิปที่เด็กๆร้องไห้ดังกล่าวมีอดีตมือเซตทีมชาติไทย ส้ม ศศิธร พิมพา ยืนอยู่กลางวงล้อมเด็กๆ โดยเธอเป็นคนพูดปลอบใจนักกีฬาเด็กวัดแจงร้อนว่า ‘ร้องไห้ได้ลูกไม่เป็นไร แต่อยากให้ทุกคนจำไว้ว่าการแข่งขันวันนี้เราไม่ได้แพ้ แค่เรื่องดวง’ พร้อมให้ข้อคิดเด็กๆว่าชีวิตนักกีฬาต้องเจอกับวันที่ไม่สมหวังแบบนี้อยู่เสมอ

คลิปนี้มียอดผู้ชม 27,000 คน และถูกแชร์จนกลายเป็นไวรัลภายในวันเดียว

มีคนในวงการทั้งอดีตและปัจจุบันที่แชร์คลิปนี้ไปและแสดงความคิดเห็นในแง่มุมที่แตกต่างกัน

ขณะที่แฟนๆวอลเลย์บอลไทยส่วนใหญ่ ตำหนิฝ่ายจัดการแข่งขัน วิจารณ์กันกระหน่ำว่าล้าหลัง และมองว่าวิธีนี้เป็นตัวถ่วงวงการวอลเลย์บอลไทย

ด้านคุณ ส้ม ศศิธร ก็ขอชี้แจงในกรณีดังกล่าวว่า จริงๆแล้วเด็กๆและผู้ฝึกสอนมุกๆคนรับทราบถึงกฏกติกาข้อนี้อยู่แล้วค่ะก่อนแข่งขัน และทุกๆท่านทุกๆคนรับทราบเป็นอย่างดีและยอมรับกับกฏกติกาค่ะ เพียงแค่ตามสถานการณ์เป็นเรื่องปกติที่จะต้องเสียใจกันบ้างค่ะ

ขณะที่เพจเฟซบุ๊คของฝ่ายจัดการแข่งขัน ก็ได้ทำคอนเทนต์เป็นคลิปวีดีโอลงบนเพจ เป็นคลิปขณะที่โค้ชของแต่ละทีมที่คะแนนเท่ากันมาจับสลากวัดดวง

โดยใช้แคปชั่นว่า ‘เมื่อคะแนนเท่ากัน ก็ต้องวัดกันที่ดวง นี่คือชีวิตนักกีฬาที่ต้องพบเจอบ่อยครั้ง คือคำว่า ชนะ&แพ้ ไม่มีเสมอ

ซึ่งก็มีแฟนวอลเลย์บอลเข้าไปคอมเมนต์กัน เช่น เลิกใช้วิธีพื้นบ้านแบบนี้ได้และม้าง วิทยุการบินก็ไม่ได้ขี้หมูขี้หมา นี่มันปี 2024 แล้ว , คะแนนเท่ากัน ก็วัดกันที่ฝีมือ อีก 1 เซต แข่งกัน ด้วยผลการแข่งขัน จะเป็นที่ยอมรับได้ มากกว่าการมาจับฉลากควรปรับปรุงวิธีการ เป็นต้น

ลุกลามไปถึงบางคอมเมนต์ ที่ว่า ‘การจับสลากอยู่คู่กับวงการวอลเลย์บอลเด็กมานาน ก็คงนานพอๆกับการโกงอายุ เอาเด็กอายุ14 มาเล่นรายการอายุไม่เกิน12’

Main Stand สอบถามไปยังทีมภาคสนามและทีมผู้บรรยายประจำการแข่งขัน ว่าสถานการณ์ทางนั้นเป็นอย่างไรหลังมีดรามา

ทุกคนตอบตรงกันว่าเป็นปกติ ไม่ได้มีการเทคแอคชันใดจากทางฝ่ายจัดการแข่งขัน

เพราะไม่ได้มีการประท้วงจากทางทีมและโค้ช

ขณะที่โค้ชอ๊อด เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกรอุปนายกฝ่ายพัฒนาเทคนิค สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย

ให้สัมภาษณ์กับ Main Stand ว่าไม่เคยทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน และตกใจที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

การจับสลากโดยไม่ได้นับเซต นับแต้ม นับแค่แมตช์ชนะไม่ควรเกิดขึ้น

หลังจากนี้โค้ชอ๊อดจะไปหารือกับสมาคม และไล่ต้นตอไปถึงฝ่ายจัดการแข่งขัน ว่าใครเป็นคนเขียนระเบียบดังกล่าวขึ้น จากนั้นจะต้องเรียกประชุมเพื่อถามถึงสาเหตุที่ใช้การนับคะแนนด้วยระบบนี้

แต่ส่วนตัวโค้ชอ๊อดไม่เห็นด้วย และ คิดว่าไม่ควรจะเกิดขึ้น

ดังนั้นประเด็นนี้จึงสรุปได้ว่า กฎกติกาจับสลากดังกล่าว เป็นทางวิทยุการบินฝ่ายจัดการแข่งขัน เขียนระเบียบขึ้นเอง

โดยที่สมาคมฯไม่ได้รับรู้มาก่อน

ตอนนี้โค้ชอ๊อด รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้ยืนยันกับทาง Main Stand ว่าจะต้องมีการแก้ไขต่อไป