ทั่วโลกเอาสกอร์ในเกมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ระหว่าง อัฟกานิสถาน ที่แพ้ ญี่ปุ่น 0-3 เมื่อวานนี้ โดยทั้งสามเซต อัฟกานิสถาน ได้แต้มจากญี่ปุ่นเพียงแค่ 7 แต้มเท่านั้น
โดยเฉพาะในเกมเซตที่ 2 ที่ทีมสาวอัฟกันฯถูกเอามาแซว เพราะไม่ได้แต้มจากญี่ปุ่นเลยแม้แต่แต้มเดียว ในขณะที่ทางฝั่งญี่ปุ่นได้แต้มจากการเสิร์ฟของ ทานากะ มิซูกิ คนเดียว 24 แต้ม
หลายคนเอาความขาดของแต้มมาทำเป็นโพสต์ไวรัลแซวกันขำขัน แต่สำหรับอัฟนิสถาน 7 แต้มที่พวกเธอได้จากญี่ปุ่นมันคือชีวิตของพวกเธอทั้งชีวิต
เพราะหลังจากกลุ่มตาลีบัน กลับมายึดครองอำนาจเมื่อปี 2021 ไม่มีผู้หญิงคนไหนมีสิทธิ์เลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง แม้แต่คนที่เป็นนักกีฬาทีมชาติถ้าไม่ลี้ภัยก็ต้องยอมอยู่แบบถูกกดขี่ อุปกรณ์กีฬาต่างๆถูกยึด
ซึ่งนั่นหมายความว่า ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ ไม่มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่หญิงที่เดินทางออกจากอัฟกานิสถานมาที่หางโจวแม้แต่คนเดียว พวกเธอล้วนมาจากออสเตรเลีย , สหราชอาณาจักร ,ปากีสถาน , อินเดีย และประเทศอื่นๆจากการให้ความช่วยเหลือของคณะกรรมการโอลิมปิกของหลายๆชาติ
ทีมวอลเลย์บอลหญิงอัฟกัน เก็บตัวซ้อมอยู่ที่ปากีสถาน พวกเธอส่วนใหญ่ลี้ภัยออกมาโดยที่ไม่มีครอบครัวมาด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเธอถึงปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ทั้งก่อนและหลังเกม
มันไม่ได้เกี่ยวกับผลการแข่งขัน มันเกี่ยวกับชีวิตของคนในครอบครัวที่ยังอยู่อัฟกานิสถาน
ภาพที่พวกเธอยิ้ม แล้วยกนิ้วให้กรรมการ รวมถึงนักตบญี่ปุ่น หลังแพ้ขาดลอย แม้จะมีคนใช้คีย์บอร์ดพิมพ์ข้อความสิ้นคิดลงไปว่า น่าอาย หรือ แก้เขิน แต่มันคือรอยยิ้มของคนที่มีสปิริต รู้แพ้รู้ชนะและเคารพกฎกติกา
"พวกเรามีความสุขและภูมิใจที่ได้อยู่ที่นี่ เรากำลังมองหาแสงสว่าง ความหวังใหม่ในชีวิต" มูซัล เคดรี้ หนึ่งในสมาชิกทีมวัย 24 ปี ให้สัมภาษณ์
เธอบอกอีกว่าพวกเธอหลายคนเห็นตรงกัน ว่าการได้เป็นตัวแทนของชาติในเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ อาจจะช่วยเปลี่ยนแปลงความคิดที่กลุ่มตาลีบันมีต่อผู้หญิงได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้ผู้หญิงที่ยังอยู่ในประเทศได้รู้ว่าชีวิตของพวกเธอมีคุณค่าและยังมีอิสรภาพรออยู่เสมอ