ทุกคนน่าจะรู้จักและเคยดูภาพยนตร์เรื่อง ยิปมัน ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ของจีนในรูปแบบ ที่มีชื่อว่า “หย่งชุน“
สำหรับมวยหย่งชุน ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สาย สายแข็งหวังปาเป่าสำหรับคนตัวใหญ่ สายอ่อนที่เราได้เห็นในหนังยิปมัน สายสุดท้ายคือของหลวงจีน จากวัดเส้าหลินที่ถ่ายทอดลงมาน้อยที่สุด
อาจารย์หวังหลิงฟง จากสำนักมวยหงษ์ฟ้ามังกรพยัคฆ์ ผู้เชี่ยวชาญ ที่คอยสืบทอดวิชามวยหย่งชุนในประเทศไทย ใช้เวลาทั้งหมด 36 ปี เพื่อศึกษามวยหย่งชุน ให้ครบทั้งหมด 3 รูปแบบ เพื่อมาปรับรวมเป็นหนึ่ง และ ผสมผสานนำท่าต่อสู้รุกและรับเข้าด้วยกัน จนได้ “หย่งชุนหมัดพันมือ“ เป็นศาสตร์มวยที่คิดค้นขึ้นมา
อาจารย์ฟง ได้เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้น ก่อนจะมาเป็นครูมวยว่า “ ทุกอย่างมันไม่ง่าย ต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างหนัก ในสมัยเด็ก ตอนนั้นอายุเพียง 5 ขวบ คุณพ่อสอนการออกกำลังกายในรูปแบบมวยเส้าหลิน รู้สึกมีใจรักสนุกกับมัน จึงหาความรู้ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะศิลปะการต่อสู้แบบไหน มวยไชยา เทควันโด ชิกุนโด "
ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นครูสอนมวยหย่งชุนหรอก ผมเรียนมาก็เหนื่อยมากแล้ว แถมรายละเอียดท่ามันเยอะ กว่าจะสอนได้สักคนต้องใช้เวลานาน ตอนก็นั้นมีอาจารย์อนันต์ ทินะพงศ์ ผู้เผยแพร่มวยหย่งชนคนแรกในประเทศไทย ก็เลยยังไม่ได้คิดอะไร จนอาจารย์ที่สอนผมคนที่ 13 เรียกเข้าไปคุยว่า อยากให้ผมถ่ายทอดวิชาออกไป ไม่งั้นมันจะสูญหาย และหมดไปในที่สุด
ในช่วงหนึ่งมวยหย่งชุนได้รับความนิยมมาก จากภาพยนตร์เรื่อง ยิปมัน ออกฉายใหม่ๆ มีแฟนคลับเดินทางตามหาสำนักมวยเพื่อเรียนเป็นจำนวนมาก ที่สวนลุมพินีตรงเกาะลอยแทบไม่มีพื้นที่ให้ฝึกสอนเลย แต่ด้วยโควิดทุกอย่างก็หายไป และ ได้กลับมาสอนหลังจากหายไป 3 ปี ทุกวันนี้เหลือเพียงแค่ วันอาทิตย์ เวลา 9.30-12.00 น. เก็บค่าเรียนครั้งละ 300 บาท และ ที่ Bangkok Wing Chun แบ่งตามคอร์สเรียน ซึ่งถ้านับในปัจจุบันน่าจะเหลือเพียงสำนักเดียวที่ยังคงสอนมวยหย่งชุนอยู่
เคล็ดลับสุดยอดของมวย คือ “จุดสูงสุดของการฝึกนั้นคือการไม่มี และ ข้างในของการไม่มีนั้นก็มีสิ่งที่ฝึก ” มันหมายถึงว่า การฝึกมวยจีนเหมือนเป็นการเข้าสู่ธรรมะ นั่งวิปัสสนาแบบการเคลื่อนที่ หาจุดลงตัวของหยินหยาง เพื่อหาความสงบ
ถ้าเรียนจนถึงจุดสูงสุด สุดท้ายก็กลับมาสู่ความว่างเปล่า เพราะหลักทุกอย่างคืนธรรมชาติ ปรัชญาจีน มันก็จะ งง หน่อยแต่เป็นเรื่องจริงนะ เราฝึกแทบตาย สุดท้ายมันไม่มีอะไรเลย เห็นพระเอกจอมยุทธ์ในหนังไหม มัวแต่คิดเอาชนะในการต่อสู้ จะขาดสติ ไม่เป็นธรรมชาติ จึงต้องปล่อยวางให้เหมือนสายลม จะได้ไม่เป็นจอมมาร
คำถามที่พบบ่อยว่า มวยไทย กับ มวยจีน แตกต่างกันไหม ความจริงมวยทุกชนิดดีเหมือนกันหมดไม่แตกต่างกัน ต่างแค่วิถีแห่งทางเดิน และ ท่าทาง สุดท้ายทุกอย่างอยู่ที่ตัวบุคคล
เรียนมวยไปแล้วได้อะไร มันก็เหมือนคณิตศาสตร์ ที่ต้องนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เราอาจไม่ได้เรียนเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันโดยตรง แต่มันเป็นเหมือนการฝึกฝนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต
“การเรียนศิลปะป้องกันตัวไม่ใช่เพื่อไปเป็นนักเลง แต่เรียนเพื่อสืบทอดวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษสร้างไว้ “