บริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง ไดอิจิ เซเม จำกัด ได้จัดทำแบบสอบถามสำหรับกลุ่มนักเรียนระดับประถม มัธยมตอนต้นและตอนปลาย ในหัวข้อ "หากโตเป็นผู้ใหญ่แล้วอยากจะทำอาชีพอะไร" โดยแบบสอบถามนี้ได้ทำการสำรวจเด็กประถม มัธยมตอนต้นและตอนปลาย จำนวน 3,000 คน ว่าพวกเขาอยากจะทำอาชีพอะไรเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ซึ่งคำตอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับเด็กประถมชายก็คือ พนักงานออฟฟิศ ที่ 9.6% อันดับที่สองคือยูทูปเบอร์ที่ 9.3% ส่วนอับดับที่สามคือนักฟุตบอล 8.1% นอกจากนี้ยังมีนักเบสบอลอยู่ในลิสต์นี้ด้วยในอันดับที่ 5 ที่ 6.5%
ทางด้านเด็กประถมหญิงอยากจะเป็น เชฟทำขนม มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งที่ 13.2% รองลงมาคือนางพยาบาล และครูอนุบาลที่ได้อันดับสองร่วมกันที่ 7.2% ส่วนพนักงานบริษัทอยู่ในอันดับที่สี่ 6.7% และไม่มีอาชีพนักฟุตบอลติดอยู่ใน 10 อันดับแรก
โดยมองว่าอาชีพนักฟุตบอลสำหรับผู้หญิงในญี่ปุ่น ยังคงไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้หญิงได้อย่างคุ้มค่าพอ ถึงแม้ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นหญิงจะเคยสร้างความสำเร็จอย่างแชมป์ฟุตบอลโลกก็ตาม
ส่วนคำตอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเด็กมัธยมทั้งตอนต้นและปลาย จะเป็นพนักงานบริษัททั้งหมด โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า เป็นอาชีพที่มีอัตราการจ้างที่สูง และหาสังกัดเข้าทำได้ง่าย
ผลสำรวจดังกล่าว ยังคงสร้างความกังวลใจให้กับผู้คนในสังคมญี่ปุ่น โดยสิ่งที่เรียกว่า "Work-Life Balance" นั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในองค์กรธุรกิจญี่ปุ่น เพราะจากการสำรวจพนักงานกว่า 10,000 คน พบว่า 20% ของพนักงานทั้งหมด ทำงานล่วงเวลา 80 ชม. ต่อเดือน และกว่าครึ่งก็ไม่เคยใช้สิทธิ์วันหยุดพักผ่อนเลย
ซึ่งหลังจากนั้น ก็ทำให้เกิดการฆ่าตัวตาย และภาวะหัวใจล้มเหลวของคนทำงานในญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้เกิดคำว่า "Karoshi" ที่หมายถึงการทำงานหนักจนตายของพนักงานขึ้นมา
รวมถึงความคิดของเจ้านายที่มองว่า คนทำงานที่ดี คือคนที่มาเช้า กลับช้า หรือไม่ก็กลับดึกไปเลย และโดยความจงรักภักดีต่อองค์กรของพนักงาน เลยกลายเป็นวัฒนธรรมการทำงานอย่างหนักของพนักงานญี่ปุ่นที่มีให้เห็นจนมาถึงปัจจุบัน
ที่มา :
https://news.yahoo.co.jp/articles/0d47f79e4de8dca558e67b5bc39c3458e337e04f
https://brandinside.asia/karoshi-in-japan/
