สิ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า ทำกับ มาร์ติน โอเดการ์ด ในฤดูกาล 2025-26 ไม่ใช่เพียงแค่ส่งเขาลงสนาม แต่คือการปล่อยให้เขาเป็นตัวเองเต็มที่
เกมที่อาร์เซนอลบุกชนะโอลิมเปียกอส 2-0 ในแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม กลายเป็นเวทีที่สะท้อนชัดเจนว่า ทำไมกัปตันชาวนอร์เวย์จึงเป็นหัวใจสำคัญของทีม เขามีส่วนร่วมโดยตรงกับทั้งสองประตู หนึ่งจากการปั้นโอกาสให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี อีกหนึ่งจากการจ่ายทะลุให้ บูกาโย ซาก้า ก่อนจะสร้างโอกาสอีกนับไม่ถ้วน แม้เจ้าตัวเองจะพลาดจังหวะจบสกอร์เพราะการเซฟและการบล็อกจากกองหลังเจ้าถิ่น
สำหรับอาร์เตต้า นี่คือสิ่งที่เขาต้องการจากโอเดการ์ด "ความกล้าเสี่ยง" เพื่อสร้างความแตกต่างในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน กุนซือชาวสเปนกล่าวว่า เขาให้อิสระลูกทีมวัย 26 ปีอย่างเต็มที่ ให้ทดลอง ให้หาช่องว่าง และกล้าที่จะทำในสิ่งที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่กล้าทำ
น่าสนใจว่า อาร์เซนอลในซีซั่นนี้เปลี่ยนโครงสร้างเกมรุกไปไม่น้อย พวกเขาใช้วิธีการที่ตรงไปตรงมามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมี วิคตอร์ เยอเคเรส ศูนย์หน้าสวีเดน ที่พุ่งทะลุแนวรับอย่างดุดัน การปรับแผนนี้ทำให้บทบาทของโอเดการ์ดไม่ใช่แค่ตัวคุมจังหวะ แต่คือคนที่เชื่อมพลังระหว่างแดนกลางกับกองหน้า เมื่อเขาหันหน้าไปหากรอบเขตโทษ จะตามมาด้วยการเคลื่อนไหวที่อันตรายเสมอ
หากย้อนมองไม่กี่สัปดาห์ก่อน กองกลางรายนี้ยังเผชิญปัญหาอาการบาดเจ็บที่ไหล่จนต้องพักไปสามนัด การกลับมาของเขาในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล เป็นเพียงจังหวะเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนผลการแข่งขันได้ทันตา การผ่านบอลที่ทะลุแนวรับ, การลากพาบอลเข้าสู่พื้นที่อันตราย และท้ายที่สุด การเปิดเตะมุมในช่วงทดเวลาที่ทำให้กาเบรียลโหม่งคว้าสามแต้มได้
ตรงนี้ชี้ชัดว่า โอเดการ์ดไม่ใช่กัปตันที่ใช้ "เสียงตะโกน" ปลุกใจ แต่ใช้ "การตัดสินใจในสนาม" เพื่อขับเคลื่อนทีม เขาเป็นนักเตะที่ไม่ได้ต้องการเป็นคนยิงประตูเสมอไป แต่พร้อมสร้างพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมเปล่งประกาย
เมื่อได้อิสระจากอาร์เตต้า สิ่งที่โอเดการ์ดแสดงออกมาไม่ใช่เพียงการสร้างโอกาส แต่คือภาพสะท้อนของผู้นำที่กล้าเสี่ยง เพื่อทำให้ทีมไปไกลกว่าขอบเขตเดิม ๆ
บางทีนี่อาจเป็นความหมายที่แท้จริงของคำว่า "กัปตันทีม" ในฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่ใช่แค่คนที่ยกถ้วย แต่คือคนที่กล้าเล่นในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า และทำให้ทีมดีขึ้นจากการตัดสินใจของเขาในทุก ๆ นาที
ที่มา:
https://www.bbc.com/sport/football/articles/cvgqz0d3nndo
