มาเรสก้า แจงเหตุไม่ส่งรีซ เจมส์ ลงตัวจริงรอบชิงฯ คอนเฟอเรนซ์ เพราะอยากปกป้องนักเตะจากอาการบาดเจ็บ

ศึกคอนเฟอเรนซ์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ประจำฤดูกาล 2024-25 ปรากฏว่าเป็น เชลซี ของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ที่สามารถเอาชนะ เรอัล เบติส ได้ด้วยสกอร์ 4-1 แม้จะถูกขึ้นนำก่อนในช่วงต้นเกม แต่ "สิงห์บลูส์" มาได้ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, นิโคลัส แจ็คสัน, จาดอน ซานโช่ และ มอยเซส ไคเซโด้ ช่วยกันรัวคืนคนละประตูในครึ่งหลัง

อย่างไรก็ตามประเด็นที่หลายคนคาใจคือเหตุใด เอ็นโซ่ มาเรสก้า ไม่ส่ง รีซ เจมส์ แบ็กขวาตัวเก่งลงสนามเป็นตัวจริง เพราะตั้งแต่เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนที่ มาโล กุสโต ในช่วงครึ่งหลัง ดูเหมือนเชลซี มีเกมที่ไหลลื่นขึ้น

ซึ่ง มาเรสก้า กุนซือแชมป์คอนเฟอเรนซ์ ลีก ปีล่าสุด อธิบายว่าอยากส่ง รีซ เจมส์ ลงสนามเป็นตัวจริงในทุกเกม แต่ก็อยากปกป้องนักเตะจากอาการบาดเจ็บ และที่สำคัญคือ รีซ เจมส์ เพิ่งลงเล่นเต็ม 90 นาทีเมื่อ 3 วันก่อนกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

"ผมสัญญากับคุณเลย ผมจะส่ง รีซ เจมส์ ลงเป็นตัวจริงเสมอ แต่ในขณะเดียวกันผมก็พยายามปกป้องเขา ในฤดูกาลนี้เขาได้ลงเล่นมากกว่าสองสามฤดูกาลที่ผ่านมา รีซ เจมส์ มีความสุข เขาเป็นนักเตะชั้นยอดของเรา เหมือนกับกรณีของโคล พาลเมอร์ ที่เราต้องจัดการเวลาลงสนามของเขาอย่างเหมาะสม"

"ตอนที่ผมเปลี่ยนตัว รีซ เจมส์ ลงสนามแทนที่ มาโล กุสโต ในครึ่งหลัง เขาหันมาบอกกับผมว่า 'บอสครับ ไม่ต้องกังวลไปหรอก เชลซี จะชนะเกมนี้แน่นอน' "

ส่วน มาโล กุสโต ที่มีส่วนทำให้ทีมเสียประตู เอ็นโซ่ มาเรสก้า ไม่ได้โกรธ พร้อมกล่าวปกป้อง ดังนี้ "มาโล กุสโต เป็นหนึ่งในผู้เล่นคนโปรดของผม ปัญหาคือประตูแรกที่เราเสียไป มันมาจากการจ่ายบอลของเขา เขาจ่ายบอลพลาด"

"พวกเขายังเด็ก พวกเขาไม่เข้าใจว่าถ้าเผลอทำผิด มันไม่เป็นไร คุณต้องเดินหน้าต่อไป เมื่อเราเสียบอลและเสียประตู มาโล กุสโต เหมือนหลุดออกจากเกมไป แต่เขารู้ดี สำหรับผม มาโล กุสโต เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม"

ขณะที่ รีซ เจมส์ ยอมรับว่าน่าเศร้าที่ไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง "แน่นอนว่ามันน่าเสียใจที่รู้ว่าจะไม่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศ ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นการตัดสินใจของผู้จัดการทีม เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ผมก็ต้องยอมรับและทำตัวเองให้พร้อมเสมอเมื่อถูกเรียกใช้งาน"

การคว้าแชมป์คอนเฟอเรนซ์ ลีก เมื่อคืนนี้ ส่งผลให้ เชลซี เป็นทีมแรกที่มีถ้วยยุโรปครบทั้งสามใบอยู่ในตู้โชว์ ไล่ตั้งแต่แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ฤดูกาล 2011-12, 2020-21), แชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก (ฤดูกาล 2012-13, 2018-19) และแชมป์ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก (ฤดูกาล 2024-25)