แกเร็ธ เซาธ์เกต เผยว่า ตนพร้อมเปลี่ยนเส้นทางอาชีพไม่ยึดติดกับการที่จะต้องเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลหลังลาทีมชาติ
ล่าสุด แกเร็ธ เซาธ์เกต อดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ วัย 54 ปี หลังจากพาทีมชาติอังกฤษผ่านเข้าชิงชนะเลิศในศึกฟุตบอลยูโร 2 สมัยติด แต่ผลลัพธ์กลับต้องอกหักในนัดชิงทั้ง 2 ครั้งในปี 2021 และ 2024
ทำให้ดูเหมือนว่า เซาธ์เกต กำลังจะตัดสินใจเลือกทางเดินครั้งใหม่ของเขาอย่างจริงจังที่นอกเหนือจากการคุมทีมข้างสนามเเล้ว
จากข้อมูลของ The Sun และเอกสารบนเว็บไซต์ Companies House ระบุว่า เซาธ์เกตได้ เปลี่ยนสถานะอาชีพของตัวเองจาก “ผู้จัดการทีมฟุตบอล” เป็น “กรรมการบริษัท”
ในเอกสารของ MAS Investment Holdings Limited บริษัทที่ดูแลพอร์ตอสังหาริมทรัพย์มูลค่ากว่า 6.2 ล้านปอนด์ของเขา
แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่าเขาอาจกลับมารับงานในพรีเมียร์ลีก หรือแม้กระทั่งถูกโยงกับแมนฯ ยูไนเต็ดก่อนที่สโมสรจะหันไปเลือก รูเบน อโมริม แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะเลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไป
ในโพสต์บน LinkedIn ส่วนตัว เซาธ์เกตเขียนถึงช่วงชีวิตหลังลาทีมชาติว่า
“หลังจากทำหน้าที่ในตำแหน่งหนึ่งที่คนทั้งโลกจับตามองตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ผมอยากใช้เวลานี้กลับมาทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้น และคิดอย่างจริงจังว่าเส้นทางต่อไปของผมควรจะเป็นอย่างไรต่อไป”
เขายังเสริมอีกว่าแม้จะไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่ก็ไม่จำกัดตัวเองแค่ในวงการโค้ชอีกต่อไป พร้อมแนะนำให้คนรุ่นใหม่ไว้ว่า ให้ลองที่จะ เปิดใจ - เรียนรู้ - สร้างเครือข่าย และไม่ยึดติดว่าต้องเลือกให้ถูกทาง เพราะสุดท้ายจะไม่มีคำว่า ถูก หรือ ผิด มีแค่เส้นทางที่เราเลือกเดินเท่านั้น
ปัจจุบัน เซาธ์เกต ยังทำหน้าที่เป็น วิทยากรรับเชิญที่ Harvard Business School และ ที่ปรึกษาด้านเทคนิคให้กับยูฟ่า
นอกจากนี้ เขายังลงมือเขียนหนังสือ แนวทางพัฒนาตัวเองเกี่ยวกับการเป็นผู้นำ โดยอิงจากประสบการณ์ของตัวเขาเอง
รวมถึงการทำงานการกุศลในฐานะทูตให้กับ Prince’s Trust และมูลนิธิเพื่อเด็กป่วยระยะสุดท้าย Martin House
การเปลี่ยนอาชีพในเอกสารอาจดูเหมือนเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยในทางเทคนิค...
แต่สำหรับชายผู้คนหนึ่งที่แบกรับทีมชาติอังกฤษมานานกว่า 8 ปี การที่เขาลบคำว่า “ผู้จัดการทีมฟุตบอล” ออกจากชีวิตของเขาอาจสะท้อนว่าหน้าที่นี้ของเขาได้ถูกปิดลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
และบทใหม่ในชีวิตของ “เซาธ์เกต” ก็อาจไม่ใช่เรื่องของการคุมทีม...
แต่คือการ “คุมทิศทางชีวิต” ที่สร้างแรงบันดาลใจเเละเป็นประโยชน์ต่อสังคมให้กับคนอีกนับล้านต่อไป