ย้อนกลับไปในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2021 นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดเผชิญหน้ากับความยากลำบากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ทีมอยู่ในอันดับรองบ๊วยหลังเกมเสมอกับไบรท์ตัน 1-1 และต้องดิ้นรนหนีตกชั้นจากลีกสูงสุด
ความคิดที่ว่าจะไปคว้าถ้วยเเชมป์หรือการไปเเข่งในรายการแชมเปียนส์ลีกที่กลุ่มทุนซาอุดีอาระเบีย Public Investment Fund (PIF) ที่เข้ามาซื้อกิจการสโมสรนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดในปี 2021 ที่เคยสัญญาไว้เกี่ยวกับเป้าหมายในการพัฒนาทีมให้สามารถแข่งขันในแชมเปียนส์ลีกและคว้าถ้วยรางวัลต่างๆนั้นดูเลือนรางยิ่งกว่าที่เคยเป็นในขณะนั้น
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างดูจะไร้ทางออก บนอัฒจันทร์กลับมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ เหมือนทุกอย่างลิขิตไว้ ชายที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ในตอนนั้นคือกุนซือที่ชื่อว่า เอ็ดดี้ ฮาว ผู้ซึ่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเริ่มต้นเส้นทางการเปลี่ยนแปลงให้กับสโมสร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
หากจะย้อนไปตอนที่ นิวคาสเซิ่ล คว้าแชมป์ครั้งล่าสุด คงต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1955 กับการคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังหนึ่งเดือนที่ วินสตัน เชอร์ชิลล์ ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร
เอ็ดดี้ ฮาว สร้างชื่อให้ตัวเองมาจากต้นสังกัดเก่าของเขาอย่าง บอร์นมัธ สาระสำคัญคือ เขาเป็นผู้ที่พาทีมกลับมาสู่ พรีเมียร์ลีก อีกครั้งในฐานะเเชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพ เเละเป็นการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกด้วย
ทั้งๆที่ตอนเเรกสถานการณ์ของ บอร์นมัธ ก่อนที่ กุนซือชาวอังกฤษจะก้าวเข้ามานำทัพทีมยังต้องดิ้นรนหนีตกชั้นอยู่เลย
กุนซือชาวอังกฤษเข้ามาทำทีม บอร์นมัธ เเละ นิวคาสเซิ่ลว ด้วยเเนวทางที่เด็ดเดี่ยว สู้ไม่ถอย กล้าได้กล้าเสี่ยง รวมถึง วิธีการดำเนินชีวิตนอกสนามที่เรียบง่ายและให้เกียรติ ซึ่งวิธีเหล่านี้พูดได้เต็มปากว่า เอ็ดดี้ฮาวได้รับอิทธิพลเหล่านี้มาจาก ฌอน โอ ดริสคอลล์ อดีตกุนซือบอร์นมัธ
“ฟุตบอลไม่ใช่แค่เกมที่ต้องการความดุดัน แต่ยังต้องการความคิดสร้างสรรค์ การควบคุมเกม และการปฏิบัติต่อนักเตะในฐานะมนุษย์” โอ ดริสคอลล์ ระบุ
โอ ดริสคอลล์ สอน ฮาว ให้เป็นโค้ชที่เน้นพัฒนาคน ไม่ใช่แค่ผู้เล่น จากมุมนี้ยิ่งทำให้เขาต้องคอยช่วยสนับสนุนเเละให้คำเเนะนำนักกีฬาในทีมมากกว่าเเค่บทบาทเจ้านายกับลูกน้องเเต่มันคือพี่เป็นน้อง ช่วยปรับ - ช่วยเเก้ - ช่วยเเนะนำ เพื่อให้เกิดผลดีต่อตัวเขา ต่อตัวผู้เล่น เเละที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ผลดีเเก่สโมสร
นอกจากนี้ จอห์น วู้ดเดน ยังเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ กุนซือชาวอังกฤษได้นำปรัชญา “จงทำทุกวันให้ดีที่สุด” มาเป็นหัวใจหลักในแนวทางการจัดการทีมเเละการใช้ชีวิต
เมื่อ เอ็ดดี้ ฮาว เข้ามาคุมทีม นิวคาสเซิ่ล เขาเริ่มต้นด้วยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ของทีมใหม่ด้วยการปรับตารางฝึกซ้อมให้เข้มข้นขึ้นและลดวันหยุดของนักเตะลง
หลายคนอาจจะตกใจว่า เขาไม่กลัวจะถูกนักเตะเล่นไล่โค้ชเหรอ ? เเต่อย่าลืม ว่าหนึ่งในปรัชญาที่ ฮาว ใช้นั่นก็คือ การเน้นพัฒนาคน ไม่ใช่ผู้เล่น เเละไม่ใช่ฐานะเจ้านายลูกน้อง เเต่เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จพร้อมๆกันทั้งทีม
จากการที่ เอ็ดดี้ ฮาว นำเเนวทางเช่นนี้เข้ามาเปลี่ยนแปลง นิวคาสเซิ่ล ทำให้นักเตะในทีมอย่าง จอนโจ เชลวีย์ ออกมาเล่าถึงบอสของเขาว่า
“ช่วงแรกที่ เอ็ดดี้ ฮาว เข้ามา การฝึกซ้อมหนักจนผมเข้านอนตั้งแต่สองทุ่ม แต่ในขณะเดียวกัน การฝึกซ้อมเหล่านั้นก็ทำให้นักเตะแข็งแกร่งขึ้น ฟิตขึ้น และกลายเป็นทีมที่พร้อมสู้ กับทุกสถานการณ์”
เขาไม่เพียงเปลี่ยนวิธีฝึกซ้อม แต่ยังเปลี่ยนทัศนคติของนักเตะทั้งหมดในทีม ทั้งเรื่องความเฉียบขาด เรื่องของการใช้งานผู้เล่นเเละความเข้าใจนักเตะในทีมเพื่อปรับบทบาทการเล่นของผู้เล่นก็ทำได้ดีไม่เเพ้กัน
นอกจากการปรับมุมคิดเเละการฝึกซ้อมใหม่ของทีม ตัวอย่างเช่น ฮาว มองเห็นศักยภาพของ โจลินตัน นักเตะที่เคยถูกมองว่าเป็นความล้มเหลว เเต่กลับเปลี่ยนแข้งชาวบราซิลรายนี้จากบทบาทกองหน้าสู่การเป็นกองกลางของทีมเเละใครจะไปเชื่อว่าการเปลี่ยนบทบาทเช่นนี้จะทำให้ โจลินตัน จะโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในเวลานี้
ภายในระยะเวลาเพียง 18 เดือนหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เอ็ดดี้ ฮาว สร้างความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการพาทีมเข้าสู่การแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี ต่อด้วยการคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ที่สนามเวมบลีย์ ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลใหญ่ครั้งแรกในรอบ 70 ปีของสโมสร
นอกจากนี้ เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือคนที่ 2 ที่เป็นคนสัญชาติอังกฤษที่คว้าถ้วยรางวัลนี้ต่อจาก เเฮร์รี่ เรดเเน็ปป์ ที่กินเวลายาวนานกว่า 17 ปี กับ การเข้าชิงชนะเลิศ ฟุตบอล คาราบาว คัพ 2 สมัย ใน 3 ฤดูกาลหลังสุด
ความสำเร็จที่ว่ายังเกิดขึ้นภายใต้งบประมาณการเสริมทัพที่มีอย่างจำกัด
เเต่มันกลับทำให้มันเกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการดึงนักเตะฝีเท้าดีที่คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ต้องจ่ายเเละราคาสมเหตุสมผลเข้าสู่ทีม
การลงทุนดังกล่าวส่งผลให้ทีมมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากและสามารถแข่งขันในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่องอย่างน่าเหลือเชื่อ
ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงเป็นความสำเร็จของทัพสาลิกาดงเเละตัวของ เอ็ดดี้ ฮาว แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความทุ่มเทและการทำงานหนัก ที่เปลี่ยนจาก “ทีมหนีตกชั้น” ในพรีเมียร์ลีกให้กลับกลายเป็นทีมที่สามารถก้าวขึ้นสู่ทีมแถวหน้าของได้ในปัจจุบัน
ทุกสิ่งที่กล่าวมานั้นทำให้ เอ็ดดี้ ฮาว ไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในวงการฟุตบอลตอนนี้ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับแฟนบอลและวงการฟุตบอลโดยรวม ในฐานะผู้สร้างอนาคตใหม่ให้กับนิว คาสเซิ่ล ยูไนเต็ด