ราคาถูก / แฟนบอลต่างประเทศ นิยมเสื้อปลอมจริงหรือ ?

คุณจะทำอย่างไร ? ถ้าอยากจะครอบครองเสื้อบอลลิขสิทธิ์แท้ของทีมรัก แต่สินค้าเหล่านี้มีราคาที่สูงเกินเอื้อม แต่ด้วยเหตุผลข้างต้นทำให้หลายคนจึงตัดสินใจ เลือกซื้อเสื้อฟุตบอลผิดลิขสิทธิ์ หรือของปลอม ซึ่งในปัจจุบันตลาดเสื้อฟุตบอลของปลอมในต่างประเทศ ยังกลายเป็นที่นิยม และเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สื่อดังอย่าง The Athletic ทำการสำรวจความนิยมของเสื้อฟุตบอลผิดลิขสิทธิ์ในปัจจุบัน ซึ่งมีผู้ร่วมทำแบบสอบถามมากถึง 15 ประเทศ รวมถึงแฟนบอลจากลีกใหญ่ในยุโรป สหรัฐอเมริกา และภูมิภาคอื่น ๆ พบว่า 78% ของแฟนบอล ยอมรับว่าเคยซื้อเสื้อปลอมโดยตั้งใจ

ปัจจัยหลักที่ทำให้แฟนบอลเลือกซื้อเสื้อปลอม คือ ราคา และจากการสำรวจพบว่า 84% ของแฟนบอลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก่อนตัดสินใจซื้อ

ตัวอย่างเช่น เสื้อฟุตบอลทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิขสิทธิ์แท้เกรดแฟนบอล มีราคาบนเว็บไซต์สูงถึง 80 ปอนด์ (ประมาณ 3,500 บาท) 

ส่วนราคาหน้าเว็บไซต์ อาดิดาส ไทยแลนด์ เกรดแฟนบอลราคา 2,900 บาท และเกรดนักเตะราคาสูงถึง  ซึ่งถือว่าราคาไม่ได้เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าเลยสักนิด แต่กลับกันหากเป็นเสื้อของปลอมสามารถหาซื้อได้ในราคาต่ำสุดเพียง 8 ปอนด์เท่านั้น (ประมาณ 350 บาท)

ด้วยราคาที่สูงเช่นนี้แต่แฟนบอลมักวิจารณ์เรื่องของเสื้อฟุตบอลแท้ที่ลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเสื้อปลอมบางรุ่นมีคุณภาพใกล้เคียงกับของแท้ในราคาที่ถูกกว่าหลายเท่า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แฟนบอลเลือกใช้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

นอกเหนือจากเรื่องราคา ‘การเปิดตัวที่บ่อยเกินไป’ ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้แฟนบอลหันไปซื้อเสื้อปลอมเช่นกัน โดยในปัจจุบันสโมสรฟุตบอลแทบทุกทีมมีการเปลี่ยนชุดแข่งใหม่ทุกปี ไม่เพียงแค่เสื้อเหย้า แต่ยังรวมถึงเสื้อเยือน และชุดแข่งที่สาม (Third Kit) ทำให้แฟนบอลที่ต้องการติดตามเทรนด์ต้องเจอกับค่าเสื้อที่แพงมาก การเปลี่ยนแปลงดีไซน์บ่อย ส่งผลให้แฟนบอลบางกลุ่มเลือกเสื้อปลอมที่มีราคาถูกกว่าเพื่อลดภาระทางการเงิน

แนวทางนี้ได้รับการสนับสนุนจากแฟนบอลถึง 77% ที่ต้องการให้สโมสรใช้ชุดแข่งเดิมอย่างน้อย 2 ฤดูกาลขึ้นไป แทนที่จะเปลี่ยนแปลงทุกปี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นวิธีหนึ่งในการลดปริมาณขยะสิ่งทอที่เกิดจากการผลิตเสื้อใหม่ทุกปี

นอกจากนี้ เมื่อถามถึงแนวโน้มในอนาคต 66% ของแฟนบอล ระบุว่าจะซื้อเสื้อปลอมอีกในอนาคต รวมถึงสำหรับคนที่กำลังจะซื้อเป็นครั้งแรกเช่นกัน ในขณะที่ 13% ยังคงลังเลในเรื่องนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ

ด้านมูลค่าตลาด นักวิเคราะห์จาก Corsearch ประเมินว่าตลาดเสื้อปลอมในโลกฟุตบอลมีมูลค่าสูงถึง 180 ล้านปอนด์ โดยมีการขายเสื้อปลอมประมาณ 16.2 ล้านตัวต่อปี ซึ่งตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ละเมิดลิขสิทธิ์ในอุตสาหกรรมฟุตบอลกำลังกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่ไม่มีท่าทีจะลดลง

ทั้งนี้ The Athletic ยังได้สอบถามแนวทางที่แฟนบอลต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยคำตอบที่ได้คือการกำหนดเพดานราคาสำหรับเสื้อฟุตบอลแท้ (Price Cap)

จากการสำรวจพบว่าเกือบ 90% ของแฟนบอล สนับสนุนแนวคิดการกำหนดราคา สำหรับเสื้อฟุตบอลแท้ในพรีเมียร์ลีก โดยเมื่อถามถึงราคาที่เหมาะสมที่สุด มีผลสำรวจมากถึง 59.1% ของแฟนบอลอยากให้เสื้อแข่งมีราคา 40-50 ปอนด์ เท่านั้น และ 1.4% ที่เลือกให้เสื้อแข่งมีราคา 80-90 ปอนด์

ปัจจุบันมีเพียงไม่กี่สโมสรที่พยายามทำให้เสื้อของพวกเขามีราคาที่เข้าถึงได้ เช่น อิปสวิช ทาวน์ มีเสื้อแข่งราคา49 ปอนด์ หรือประมาณ 2,200 บาท และ เบรนฟอร์ด ที่มีนโยบายใช้ชุดแข่งเดิมเป็นเวลา 2 ฤดูกาล

จากข้อมูลเชิงลึกและตัวเลขที่มาจากการสำรวจ การซื้อเสื้อปลอมไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาที่อุตสาหกรรมฟุตบอลต้องเจอ ทั้งในเรื่องราคาที่สูงเกินไป ความถี่ในการเปลี่ยนดีไซน์ และคุณภาพสินค้าที่ไม่สมกับราคา แฟนบอลหลายคนจึงเลือกใช้เสื้อปลอมแทนของแท้ 

การกำหนดเพดานราคา และการใช้เสื้อแข่งเดิมให้นานขึ้นเป็นสองแนวทางที่แฟนบอลส่วนใหญ่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม การที่สโมสรฟุตบอลและผู้ผลิตเสื้อกีฬาใหญ่ ๆ จะตอบสนองต่อแนวโน้มนี้หรือไม่ ยังคงเป็นคำถามที่ต้องติดตามต่อไป