ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ได้เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ อังกฤษ รายใหม่ โดยเซ็นกันยาวถึง 6 ฤดูกาล
รายละเอียดเป็นอย่างไร ? ทีมงาน Main Stand สรุปมาให้คุณอ่านแล้ว
📌 JAS คือใคร ?
เจ้าของลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกรายใหม่ คือ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เอ่ยชื่อนี้หลายคนอาจไม่คุ้น แต่หากบอกว่าคือ MONOMAX เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นบ้างแล้ว จากการเป็นผู้ให้บริการความบันเทิงทางอินเทอร์เน็ตและทีวี ที่ปัจจุบันโด่งดังจากการฉายภาพยนตร์และซีรี่ส์จากต่างประเทศ
📌 ลิขสิทธิ์ครอบคลุมอะไรบ้าง ? True ยังได้ถ่ายทอดไหม ?
ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกที่ JAS ได้ในครั้งนี้ เป็นลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ อังกฤษ บน อินเทอร์เน็ตทีวี (Internet TV) และ ดิจิทัลทีวี (Digital TV) รวมถึง ชุดวิดีโอสั้น (Clips package) โดยได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity right) จาก The Football Association Premier League Limited หรือ FAPL ในประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา
นั่นหมายความว่า ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในไทย เกิดการเปลี่ยนมืออีกครั้ง จาก True ที่แฟนบอลคุ้นเคยกับการดูผ่าน TrueVisions สู่ JAS คล้ายกับสมัยที่ CTH เคยถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในไทย ระหว่างฤดูกาล 2013-14 ถึง 2015-16
📌 ได้กี่ปี ? ค่าลิขสิทธิ์แพงขนาดไหน ?
ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกที่ JAS ได้ในคราวนี้ ในตอนแรกมี 2 ออปชั่น ระหว่างออปชั่นแรก 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูกาล 2025-26 ถึง 2027-28 หรือออปชั่นที่สอง 6 ฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูกาล 2025-26 ถึง 2030-31 โดยหากเป็นออปชั่น 6 ฤดูกาล ทาง FAPL จะต้องพิจารณาให้สิทธิ์ และแจ้งให้ JAS รับทราบเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2024
แน่นอนว่า ราคาค่าลิขสิทธิ์ที่ต้องจ่ายนั้นมหาศาล โดยหาก JAS ได้สิทธิ์ 3 ฤดูกาล จะต้องจ่าย 233,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 7,975,426,900 บาท แต่หาก JAS ได้สิทธิ์ 6 ฤดูกาล จะต้องจ่าย 549,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 18,791,885,700 บาท ซึ่งมูลค่ารวม หาก JAS ได้สิทธิ์ 6 ฤดูกาล จะอยู่ที่ 559,980,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 19,167,723,414 บาท โดยยังไม่รวมภาษีหัก ณ ที่จ่าย และส่วนเพิ่ม
ซึ่งที่สุดแล้ว ทาง FAPL ยืนยันว่า JAS จะได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ อังกฤษ 6 ฤดูกาล ทำให้มูลค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดที่ JAS ต้องจ่าย คิดเป็น 559,980,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 19,167,723,414 บาท
📌 ดูได้ทางไหน ? จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ ?
สำหรับช่องทางการรับชมพรีเมียร์ลีก หลังลิขสิทธิ์ในไทยเปลี่ยนมือสู่ JAS นั้น แน่นอนว่า MONOMAX ที่ JAS เป็นเจ้าของ จะเป็นช่องทางหลักในการรับชม โดยสามารถชมได้ผ่านทางเว็บไซต์ รวมถึงแอปพลิเคชั่นทั้งในสมาร์ตโฟน แทบเล็ต และโทรทัศน์รุ่นใหม่ ๆ แบบ Smart TV ที่สามารถติดตั้งแอปได้ รวมถึงใช้ TV Stick ต่อกับโทรทัศน์ สามารถชมพรีเมียร์ลีกได้ทุกที่ โดยผูกกับแอคเคาน์ของตัวเอง นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า จะมีการถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีทางช่อง MONO 29 ที่ JAS เป็นเจ้าของอีกด้วย
สำหรับเรื่องของราคา ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) ของ JAS เปิดเผยว่า ไม่เกิน 400 บาทต่อเดือน สามารถดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ รวมถึงภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศได้ไม่จำกัด รอการยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ส่วนจะมีการขยายสู่พันธมิตร อย่าง 3BB GIGATV ที่ JAS เคยเป็นเจ้าของ ก่อนขายกิจการให้ AIS พร้อมกับการขาย 3BB ไปเมื่อปี 2023 ซึ่งว่ากันว่า ทำให้ JAS มีเงินมาซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกได้ รวมถึงรายอื่น ๆ เช่น AIS Play หรือ TrueVisions ไม่นั้น โปรดติดตามกันต่อไป
โดย ดร.โสรัชย์ หรือ ดร.น้อย ยืนยันว่า พร้อมเป็นพันธมิตรกับทุกค่าย รวมถึง True ที่ JAS เพิ่งชนะประมูลลิขสิทธิ์มา แต่เงื่อนไขตามที่พรีเมียร์ลีกแจ้งมา คือต้องซื้อต่อผ่าน JAS เท่านั้น