ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2022 ราฟินญ่า ปีกชาวบราซิล ได้ย้ายจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด มาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน ด้วยค่าตัวราว 50 ล้านยูโร สัญญายาว 5 ปี ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี เอร์นานเดซ
ทว่านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ราฟินญ่า ก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ตามที่หลายคนคาดหวังไว้ จนถึงขนาดที่มีแฟนบอล "เจ้าบุญทุ่ม" บางกลุ่มเรียกร้องให้สโมสรขายเขาออกจากทีมเพื่อหาเงินทุนซื้อริมเส้นรายใหม่ โดยฝากผลงานลงสนาม 50 เกม ทำได้ 10 ประตู 12 แอสซิสต์ในฤดูกาล 2022-23 และ 37 เกม ทำได้ 10 ประตู 13 แอสซิสต์ ในฤดูกาล 2023-24
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ซีซั่น 2024-25 เปิดฉาก ราฟินญ่า ภายใต้ ฮันซี่ ฟลิค ผู้จัดการทีมคนใหม่ ก็ทุ่มเทผิดหูผิดผิดตา รวมถึงมีฟอร์มในสนามที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จัดแฮตทริคใส่ เรอัล บายาโดลิด ในเกมที่พวกเขาชนะไปถึง 7-0 ... กว่าจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ราฟินญ่า ต้องผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้าง ติดตามได้ที่ Main Stand
ราฟินญ่า ที่เหมือนเกิดใหม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เปิดใจผ่านรายการ Tú diràs ทาง RAC1 ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวอันยากลำบาก กว่าที่เขาจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับ บาร์เซโลน่า โดยปีกชาวแซมบ้าเริ่มต้นว่า "ตอนแรกมันยากมากสำหรับผมที่จะปรับตัว"
"หกเดือนแรกเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสุด ๆ สำหรับตัวผมและครอบครัว หลังจากฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ผมพัฒนาขึ้นรวมถึงสามารถจบฤดูกาลได้ดี แต่ช่วงเริ่มต้นกับ บาร์เซโลน่า นั้นยากลำบากมากที่ผมจะปรับตัวได้ แล้วปรากฏว่าผมมีความคิดย้ายออกจาก บาร์ซ่า ขึ้นมาในหัว ... แต่ท้ายที่สุดทุกอย่างไม่เกิดขึ้นและข่าวต่าง ๆ ก็ซาลงอย่างรวดเร็ว"
ราฟินญ่า ยังยอมรับด้วยว่าไม่ใช่แค่คิดจะย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า แต่มันหนักหนาถึงขนาดที่เคยคิดเลิกเล่นกีฬาฟุตบอลไปเลย "ผมมีเหตุผลมากมายที่จะยอมแพ้ เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ และดำเนินชีวิตต่อไปแบบปกติ อาชีพนักฟุตบอลมันเป็นอาชีพที่ทำลายคุณ"
"ผมร้องไห้บ่อยมาก ๆ แม้กระทั่งตอนได้ย้ายมาอยู่ บาร์เซโลน่า แล้ว ซึ่งมันทำให้ผมสนเรื่องจิตวิทยาและจัดการกับมัน เพราะมันจิตใจมันสำคัญจริง ๆ ถ้าคุณไม่ดูแลตัวเอง ฟุตบอลก็ทำลายคุณได้ มันง่ายมากที่จะตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า"
โดยหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ ราฟินญ่า จิตใจห่อเหี่ยวนั้นมาจากการที่สื่อต่าง ๆ เล่นข่าวว่า ราฟินญ่า กำลังจะโดน บาร์เซโลน่า ขายทิ้งแทบทุกตลาดตั้งแต่ย้ายมา
"ผมยอมรับว่าว่ามันกวนใจเมื่อได้เห็นเห็นข่าวลือเรื่องการย้ายทีมของตัวเอง มันกลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับผม อันที่จริงผมได้รับข้อเสนอจากทีมต่าง ๆ มากมาย แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้อยู่กับสโมสรบาร์เซโลน่า ต่อไป"
กระทั่งการมาถึงของ ฮันซี่ ฟลิค ราฟินญ่า ก็ดูเหมือนมีไฟขึ้น เป็นอันเนื่องมาจากอดีตผู้จัดการทีมบาเยิร์น มิวนิค ไว้วางใจให้รับหน้าที่กัปตันทีมในเกมที่เขาทำแฮตทริคได้ ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อสภาพจิตใจของ ราฟินญ่า
"หลังจากอ่านข่าวลือพวกนั้นที่สื่อเล่นงานผม ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม มันทำให้ผมตื่นเต้น ซาบซึ้งใจ และรู้สึกเป็นคนสำคัญที่นี่"
"ภายใต้การคุมทีมของ ฮันซี่ ฟลิค เราเน้นเรื่องความแข็งแรงทางกายภาพมากขึ้น ซึ่งแตกต่างกับ ชาบี เอร์นานเดช ที่เน้นการฝึกซ้อมกับลูกฟุตบอล ผู้จัดการทีมของเรา มีอีกวิธีหนึ่งและเชื่อว่าการใช้ร่างกายจะช่วยเราได้มากกว่านี้"
สุดท้าย ราฟินญ่า ที่ดีขึ้นทั้งสภาพจิตใจและฟอร์มการเล่น ได้ตั้งเป้าหมายใหม่ เดินหน้ากวาดถ้วยรางวัลให้ต้นสังกัดเพิ่ม โดยเฉพาะถ้วยหูใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก "เป้าหมายขั้นต่ำคือการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ต้องเป็นอันนี้เท่านั้นกับบาร์ซ่า … อย่างไรก็ดีผมรู้สึกว่าเราต้องพยายามคว้าแชมป์ให้ได้ทุกรายการ"
ทั้งนี้เรื่องราวของ ราฟินญ่า สะท้อนให้เห็นว่าปัจจัยรอบข้างมีผลกระทบอย่างมากต่อสภาพจิตใจนักฟุตบอลอาชีพในปัจจุบัน โดยเฉพาะสื่อต่าง ๆ ที่มักเล่นข่าวเสีย ๆ หาย ๆ แบบไม่มีมูล ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ราฟินญ่า จะไม่กลับไปมีสภาพจิตใจบอบช้ำเหมือนอย่างที่ผ่านมา และใช้ผลงานในสนามตอกกลับคนที่เคยสบประมาทเขา