อย่างที่ทราบกันดีว่าในทุกปี ทีมชาติไทยจะมีโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศชิงถ้วยพระราชทานของพระมหากษัตริย์ไทย หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ "คิงส์คัพ" ที่ตระเวนเลือกสถานที่จัดการแข่งขัน ณ จังหวัดที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพและมีความพร้อม
เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ที่จังหวัดเชียงใหม่ สนามสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ทัพ "ช้างศึก" พลาดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย พ่าย อิรัก ในการดวลลูกโทษหลังเสมอในเวลา 2-2 อย่างไรก็ตามในปีนี้ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้จังหวัดไหนเป็นเจ้าภาพเพื่อแก้มือและเตรียมความพร้อมก่อน อาเซียน คัพ ช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ส่งผลให้ตอนนี้เป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากว่าจังหวัดใดจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นเข้าภาพคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 เพราะการได้จัดการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพ จะช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจของภูมิภาคนั้น ๆ ให้ดีขึ้น รวมถึงเรื่องการท่องเที่ยว และที่สำคัญแฟนบอลอย่างเรา ๆ จะได้มีโอกาสรับชมแข้งฝีเท้าระดับนานาชาติถึงขอบสนามอีกด้วย
ซึ่งจังหวัดเชียงราย โดยสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ของ "บิ๊กฮั่น" มิตติ ติยะไพรัช แสดงความประสงค์เป็นเจ้าภาพการแข่งขันคิงส์คัพ หวังที่จะใช้ สิงห์ สเตเดียม รังเหย้าของ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ความจุราว 12,000 คน เป็นสังเวียนฟาดแข้งให้คนภาคเหนือได้รับชม
เข่นเดียวกับจังหวัดสงขลา ที่มึความพร้อมสำหรับการเป็นเจ้าภาพ ไล่ตั้งแต่การวางแผนใช้สเตเดียมที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองในประเทศอย่าง สนามกีฬาติณสูลานนท์ ซึ่งมีความจุ 45,000 ที่นั่ง (เป็นรองเพียงราชมังคลาฯ) เป็นสนามสำหรับแข่งขัน
เนื่องจากมีประวัติเคยจัดแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติมาแล้วมากมายทั้ง การแข่งขันกีฬาฟุตบอลเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 นัดชิงอันดับที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2541 รวมถึงฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 23 เมื่อปี พ.ศ. 2563 ซึ่งมีคนดูร่วมหลักหมื่นต่อเกม แม้ไม่ใช่แมตช์ที่ทีมชาติไทยลงแข่งขัน และเตรียมใช้เป็นสังเวียนฟุตบอลกีฬาซีเกมส์ 2025 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพด้วย
ขณะทางด้านสนามฝึกซ้อมจังหวัดสงขลา จัดเตรียมไว้ถึง 6 สนาม ประกอบด้วย สนามมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา, สนามมหาวิทยาลัยทักษิณ, สนามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย, สนามกีฬามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, สนามกีฬาจิระนคร หาดใหญ่ และสนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ (พรุค้างคาว)
บวกกับกระแสของชาวสงขลา ซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ (รองจากนครศรีธรรมราช) และมีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภาคใต้ (รองจากสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช) ที่เรียกร้องให้ยกการจัดการแข่งขันมาไว้ที่จังหวัดสงขลาได้แล้ว หลังไม่มีทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลนานาชาติ ที่สามารถให้ชาวบ้านได้รับชมติดขอบสนามแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมานานพอสมควร
นอกจากนี้จังหวัดสงขลายังติดกับ นครศรีธรรมราช, พัทลุง, ปัตตานี, ยะลา, สตูล และยังมีอาณาเขตติดต่อกับรัฐไทรบุรีและรัฐปะลิสของประเทศมาเลเซีย ซึ่งหากเกิดการแข่งขันคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ที่นี่แน่นอนว่าแฟนบอลไทยจังหวัดใกล้เคียงรวมถึงต่างประเทศ จะแห่กันมารับชมการแข่งขันกันอย่างเนืองเน่น
นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ประธานจัดหารายได้กองทุนกีฬาจังหวัดสงขลา ได้กล่าวถึงความพร้อมทั้งในด้าน การโรงแรม, อาหาร, วัฒนธรรม, ภูมิศาสตร์, ความพร้อมในเชิงฟุตบอลด้านต่าง ๆ สำหรับการเป็นเจ้าภาพคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ว่า
"ต้องเรียนพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนนะครับว่าสงขลามีความพร้อมทุกด้าน โดยเฉพาะด้านจิตใจ ด้านความมุ่งมั่น ทุกคนในจังหวัดสงขลาต่างรอคอยฟุตบอลพระราชทาน King’s Cup มานานหลายยุคหลายสมัย ในปีนี้ ทางผม และคณะทำงานทุกท่าน ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทีมงานกีฬาจังหวัดสงขลา มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะนำฟุตบอล King’s Cup มาจัดที่จังหวัดสงขลาให้ได้"
"โดยเรามีความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ที่อยากให้สงขลาเป็นเมืองกีฬา Sport City อย่างแท้จริง ซึ่งก่อนหน้านี้สงขลาเราเคยจัดงานกีฬาระดับนานาชาติมาแล้ว เช่น ฟุตบอล U23 จักรยานทางไกลนานาชาติ สงขลามาราธอนนานาชาติ เรียกว่าความมุ่งมั่นตั้งใจ เรามา 100% เรื่องสนาม เรื่องที่พัก เรื่องอาหาร เรื่องภูมิประเทศ เราพร้อมมาก"
"อยากจะย้ำอีกครั้งว่า คนสงขลารอคอยฟุตบอล King’s Cup มานานจริง ๆ เด็ก ๆ ชาวสงขลาไม่เคยมีโอกาสได้ดูฟุตบอลระดับชาติมานานมากแล้ว อยากให้ทางสมาคมฟุตบอลฯ ช่วยพิจารณาจังหวัดสงขลาเป็นตัวเลือก ให้ชาวสงขลา และชาวใต้ ได้มีโอกาสชมฟุตบอลระดับชาติกันอีกครั้งหลังจากไม่เคยมาจัดนานหลายปี"
ทั้งนี้สิ่งที่จังหวัดสงขลามีนั้นแทบครบทุกข้อตามข้อกำหนดพื้นฐานเกมฟุตบอลระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น สนามแข่งขัน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำของไทยลีก หรือ เอเอฟซี, ไฟทั้งสนามซ้อมและสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐาน, โรงแรม 4-5 ดาวที่เพียงพอสำหรับการรองรับนักกีฬารวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง, อาหารนานาชาติ และที่ตั้งของสนามบินต้องไม่อยู่ไกลจนเกินไป
สุดท้ายในอนาคต มั่นใจได้เลยว่าพี่น้องชาวใต้จะได้รับชมการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติแน่นอน หากทางจังหวัดยังคงมุ่งมั่น รักษามาตรฐาน และรักฟุตบอลไทยอย่างที่เป็นอยู่เสมอมา
