News

UEFA ใช้เทคโนโลยี Snickometer มาช่วยตัดสินจังหวะแฮนด์บอลและล้ำหน้า ในศึกยูโร 2024

เกมที่ เบลเยี่ยม แพ้ สโลวาเกีย 0-1 ในศึก ยูโร 2024 มีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นเมื่อ UEFA มีการนำเทคโนโลยีตัวใหม่มาใช้เป็นครั้งแรกในวงการฟุตบอล

 


เหตุการณ์เกิดขึ้น นาที 86 เมื่อ โรเมลู ลูกากู ซัดประตูให้ เบลเยี่ยม ตีเสมอในช่วงท้าย แต่ผู้ตัดสินขอริบประตูคืนเพราะดู VAR แล้วเห็นว่า โลอิส โอเปนด้า คนแอสซิสต์นั้นทำแฮนด์บอลก่อน จนทำให้ "ปีศาจแดงยุโรป" พุ่งชนความปราชัยในท้ายที่สุด

สิ่งที่แฟนบอลหลายคนสงสัยก็คือจังหวะดูภาพ VAR มีภาพกราฟฟิคที่ดูคล้ายกราฟวัดชีพจรขึ้นบนหน้าจอ เป็นสิ่งที่หลายคนไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งภายหลังมีการเฉลยว่าเจ้าสิ่งนี้คือเทคโนโลยี Snickometer ที่ UEFA นำมาใช้ในศึกลูกหนังชิงแชมป์ยุโรปเป็นครั้งแรก และเคสของ โอเปนด้า ก็คือเคสที่ประเดิมใช้ Snickometer ครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์นี้เลย

เจ้าตัว Snickometer ซึ่งเดิมทีใช้ในการแข่งขันคริกเก็ต ถูกนำมาใช้ควบคู่กับเทคโนโลยี "Connected ball" ที่อยู่ในลูกบอลที่ใช้ในทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ของ Adidas ซึ่งมีการฝังชิปเซ็นเซอร์เข้าไปข้างใน และสามารถตรวจจับการสัมผัสบอลได้ถึง 500 ครั้งต่อวินาที โดยจะมีการแสดงผลให้เห็นเป็นกราฟบนหน้าจอหากมีวัตถุสองอย่างสัมผัสโดนกัน

ดังนั้น Snickometer จึงมีหน้าที่ในการตรวจจับการทำแฮนด์บอล รวมถึงการตรวจจับจังหวะล้ำหน้าด้วย แล้วผลที่ออกมาก็ถือว่าแม่นยำทีเดียวเพราะในเกมดังกล่าว เมื่อดูกราฟที่อยู่บนจอจะเห็นว่ามือของ โอเปนด้า ไปโดนบอลจริงๆ ไม่ว่าเจตนาหรือไม่ และช่วยให้ผู้ตัดสินไม่ต้องเพ่งดูมุมกล้องหลายๆ มุม ก่อนตัดสินออกไปด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า UEFA ต้องการให้ทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2024 เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ให้ความสำคัญต่อการนำเทคโนโลยีมาช่วยตัดสินอย่างถูกต้อง เที่ยงตรง และให้ความยุติธรรมกับทีมที่ลงแข่งขันมากที่สุด รวมถึงมีการบอกผลการตัดสินขึ้นหน้าจอให้แฟนบอลรับรู้ด้วย เพื่อเป็นการลดข้อครหาเรื่องการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม ให้แฟนบอลเอาไปวิจารณ์ด่าทอบนโลกออนไลน์

Author

วัลลภ สวัสดี

ฟังไปเรื่อย ดูไปเรื่อย เขียนไปเรื่อย

Graphic

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ