ศึกแดงเดือดนัดสำคัญระหว่างคู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะ ลิเวอร์พูล กำลังจะระเบิดความมันส์ ในวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน ซึ่งศึกนี้นับว่าเป็นเกมแดงเดือดนัดสุดท้ายของ เยอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของ “ทัพหงส์แดง” หลังประกาศอำลาตำแหน่งกุนซือ ลิเวอร์พูล เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2023-24
อย่างไรก็ตาม ตลอดการคุมทัพ 9 ปี ของ “The Normal One” มีการทำศึกแดงเดือด ที่น่าจดจำอยู่หลายครั้ง เช่น การบุกไปเชือดถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด 5-0 เมื่อฤดูกาล 2021-22 และเกมที่หงส์แดงถลุง แมนฯยู ด้วยสกอร์ 7-0 ฤดูกาล 2022-23
ซึ่งแน่นอนว่ากว่าที่จะได้ผลการแข่งขันตามที่แฟนบอลลิเวอร์พูล ต้องการ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องทำการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งอย่างในสโมสร โดยเฉพาะขุมกำลังนักเตะ
Main Stand จึงจะพาทุกคนไปย้อนไปดู 11 ตัวจริงลิเวอร์พูล ชุดแดงเดือดแรก ภายใต้การคุมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ว่าปัจจุบันพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง … ติดตามไปพร้อมกันได้ในโพสต์นี้
เกมแดงเดือดแรกของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2016 ประจำฤดูกาล 2015-16 ที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ พ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 จากลูกยิงของ เวย์น รูนี่ ซึ่งนี่คือขุมกำลังของทัพหงส์แดงในวันนั้น
ผู้รักษาประตู : ซิมง มินโญเลต์
อดีตผู้รักษาประตูชาวเบลเยียม ผู้ที่ถูกสาวกเดอะค็อป ตั้งฉายา ว่า “ซิมง ลงเป็นตุง” จากผลงานที่เจ้าตัวมักจะเล่นผิดพลาดจนทำให้ทีมเสียประตูอยู่บ่อยครั้ง โดย ซิมง ย้ายมาร่วมทัพ หงส์แดง ตั้งแต่ช่วงมกราคม 2013 ก่อนที่จะย้ายออกไปในปี 2019 ซึ่งทุกวันนี้ ซิมง มินโญเลต์ ในวัย 36 ปี ยังค้าแข้งอยู่กับ คลับ บรูกก์ สโมสรในลีกบ้านเกิด และพัฒนาฝีเท้าจนก้าวขึ้นเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม อย่างไรก็ดีเขากำลังเผชิญกับอาการบาดเจ็บแฮมสตริง และกำลังพักฟื้นร่างกายให้กลับมาโดยเร็วที่สุด
แบ็คขวา : นาธาเนียล ไคลน์
แบ็คขวาชาวอังกฤษ ย้ายจาก เซาแธมป์ตัน มาร่วมถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อปี 2015 และได้รับอาการบาดเจ็บในช่วง 2017 ซึ่งการแจ้งเกิดของแบ็คขวาจอมบุกอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำให้ ไคลน์ มีบทบาทในการลงสนามน้อยลง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเขายังคงค้าแข้งอยู่ในพรีเมียร์ลีก กับ คริสตัล พาเลซ โดยฤดูกาลนี้ถูกจับเป็นแข้งม้านั่งสำรองเป็นส่วนใหญ่
แบ็คซ้าย : อัลเบอร์โต้ โมเรโน่
เจ้าของฉายา “หมูว” ย้ายจาก เซบีย่า มาซบถิ่นแอนฟิลด์ ในช่วงสิงหาคม 2014 ด้วยค่าตัวประมาณ 12 ล้านปอนด์ เขาเป็นแบ็คที่ขึ้นชื่อเรื่องของจังหวะพาบอลจากริมเส้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยสร้างภาพจำให้สาวกหงส์แดง ด้วยการซัลโวประตูแรกกับ ลิเวอร์พูล จากการโซโล่ครึ่งสนามเข้าไปยิงประตูใส่ สเปอร์ส เกมชนะ 3-0 อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ โมเรโน่ ย้ายกลับไปค้าแข้งที่สเปน กับสโมสร บียาร์เรอัล ลงเล่นใน ลาลีก้า ซีซั่น 2023-24 ไปทั้งสิ้น 20 นัด ทำ 1 ประตู
กองหลัง : มามาดู ซาร์โก้
แข้งดีกรี อดีตกัปตันทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ย้ายมาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาล 2013-14 ซึ่งในเวลาต่อมา ซาร์โก้ ต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตจากปัญหาอาการบาดเจ็บที่ตามรังควาน โดยเฉพาะกรณีถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าใช้สารกระตุ้น (ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง) ส่งผลให้เขาได้รับโอกาสในการลงสนามน้อยกว่าเท่าที่ควร ส่งผลให้ปี 2018 ซาร์โก้ ก็ย้ายออกจากสโมสรไปร่วมทัพ คริสตัล พาเลซ ก่อนที่จะเป็นมงต์เปลลิเยร์ ที่คว้าตัวเขาไปในปี 2021 ทว่า ล่าสุดปลายปี 2023 สื่อหลายสำนักประกาศว่า ซาร์โก้ ได้แยกทางกับต้นสังกัด เนื่องจากมีประเด็นทะเลาะกับ มิเชล เดอ ซาเกเรี่ยน กุนซือของ มงต์เปลลิเยร์ จนทำให้เขากลายแข้งไร้สังกัด แต่นั่นก็ทำให้เขามีเวลาในแวดวงธุรกิจในฝรั่งเศสมากขึ้น และในวันที่ 30 พฤษภาคม นี้ ซาร์โก้ จะได้รับเกียรติไปเป็นวิทยากรเพื่อพูดเกี่ยวกับชีวิตและธุรกิจของเขา ที่กรุงปารีส
กองหลัง : โคโล่ ตูเร่
แนวรับวัยเก๋าชาวไอวอรี โคสต์ ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทัพหงส์แดง ในช่วงพฤษภาคม 2013 ก่อนจะแขวนสตั๊ดกับ เซลติก ในปี 2017 และหันหน้าเข้าสู่วิถีของการเป็นผู้จัดการทีม ด้วยการรับหน้าที่เป็นกุนซือให้กับ วีแกน ลุยศึกแชมเปี้ยนชิพฤดูกาล 2022-23 แต่ด้วยผลงานที่ไม่สามารถพาทีมเก็บชัยชนะได้เลยตลอด 58 วันของการกุมบังเหียน ส่งผลให้เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา ปัจจุบัน แม้จะว่างงาน แต่ ตูเร่ ในวัย 43 ปี ก็ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า เขาอยากเป็นผู้จัดการทีมในพรีเมียรลีก หรือไม่ก็แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งก็ต้องติดตามดูกันต่อไป
กองกลาง : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
ปี 2011 กองกลางจาก ซันเดอร์แลนด์ ย้ายมา ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ แถมได้รับตำแหน่งกัปตันทีมต่อจาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งในระยะแรก เฮนเดอร์สันมักถูกข้อครหาจากสาวกลูกหนังว่าเป็น “อาแปะ” เหตุเพราะมัวแต่แปะบอลคืนแนวรับ แต่ถึงกระนั้น ด้วยพละกำลังและความทุ่มเท กัปตันทีมหงส์แดงรายนี้ ก็พิสูจน์ตัวเองจนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตำนาน ด้วยการคว้าแชมป์กับลิเวอร์พูลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก 2018-19,ยูฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2020,ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ 2019-20, พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2019-20 ฯลฯ ปัจจุบัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในวัย 33 ปีกำลังโลดแล่นอยู่ใน เอเรดิวิซี่ ลีก กับอาแจ็กซ์
กองกลาง : ลูคัส เลว่า
กองกลางเลือดแซมบ้า เข้ามาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ในช่วงเดือนมิถุนายน 2007 ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ ภายใต้การคุมทัพของ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่แม้ผลงานของนักเตะชาวบราซิลคนนี้จะไม่ได้โดดเด่นนัก แต่ด้วยความทุ่มเทในสนาม และความถ่อมตน ทำให้เขาเป็นที่รักของแฟนบอลเสมอมา โดยตลอด 10 ฤดูกาลตั้งแต่ย้ายมาสวมเสื้อหงส์แดง ลูคัส เลว่า ลงเล่นไปทั้งหมด 346 นัด ยิง 7 แอสซิสต์ 21 ครั้ง รวมทุกรายการ หลังจากนั้นจึงย้ายไป ลาซิโอ้ และเป็นกำลังหลักในการคว้า แชมป์ โคปา อิตาเลีย ในปี 2019 ทั้งยังได้เป็น ผู้เล่นแห่งปีของ ลาซิโอ้ ถึงสองครั้งติด ๆ กัน จนสื่อบางสำนักตั้งข้อสงสัยว่าคะแนนที่โหวตกันมาต้องมีแฟนบอล ลิเวอร์พูล คอยผสมโรงอยู่ด้วยเป็นแน่ อย่างไรก็ตาม มิดฟิลด์ชาวบราซิลเลี่ยน ประสบปัญหาโรคหัวใจ จึงต้องแขวนสตั๊ดในปี 2023 โดยมีเกรมิโก่ สโมสรเก่าในลีก บราซิล เป็นสถานีลูกหนังทีมสุดท้าย ปัจจุบัน ลูคัส เลว่า รับหน้าที่เป็น ฑูต ของสโมสร ลิเวอร์พูล
กองกลาง : เอ็มเร่ ชาน
เอ็มเร่ ชาน คือกองกลางที่แฟนหงส์แดงค่อนข้างชื่นชอบ เนื่องจากเจ้าตัวมีสไตล์ที่ดุดัน และมีการสอดขึ้นมาทำประตูได้บ่อยครั้ง ซึ่งนักเตะทีมชาติเยอรมัน รับใช้สโมสรลิเวอร์พูลตั้งแต่ปี 2014 ในยุคของ เบรนเดน รอดเจอร์ส จวบจนถึงปี 2018 ในยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ หลังจากนั้น ชาน ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาและเลือกย้ายไป ยูเวนตุส ฝากผลงานลงสนามให้หงส์แดงไปถึง 167 นัด อย่างไรก็ตาม ฤดูกาล 2023-24 ชาน กลับไปค้าแข้งในลีกบ้านเกิด ให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
ปีกขวา : เจมส์ มิลเนอร์
แข้งสารพัดประโยชน์ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้ที่สามารถเล่นได้เกือบทุกตำแหน่งตั้งแต่ แบ็คซ้าย,แบ็คขวา,กองกลาง รวมถึงปีกที่เขาถูกจับไปเล่นในเกมแดงเดือด จุดเด่นของเขาคือพละกำลังในการไล่บอล จังหวะเปิดบอลที่แม่นยำ รวมถึงจุดเด่นในเรื่องการซัดจุดโทษที่ไม่เป็นรองใคร ซึ่ง เจมส์ มิลเนอร์ ถือว่าเป็นแข้งไม่กี่คนที่ คล็อปป์ เชื่อมั่นให้เป็นรองกัปตันทีม โดยเขาย้ายมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2015 และลงช่วยหงส์แดงไปทั้งสิ้นกว่า 332 นัด รวมทุกรายการ มีส่วนในการคว้าเกือบทุกแชมป์ที่หงส์แดงได้ภายใต้ยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะมีก็แต่ แชมป์คาราบาว คัพ 2023-24 ที่ มิลเนอร์ ย้ายออกจากทีมไปก่อน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า เจมส์ มิลเนอร์ ในวัย 38 กำลังค้าแข้งอยู่กับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน โดยฤดูกาลนี้ ลงเล่นไปทั้งหมด 15 นัด และมีโอกาสที่จะขึ้นเป็นแข้งที่ลงเล่นในพรีเมียร์ ลีก มากสุด โดยมีสถิติลงเล่น 634 นัด ตามหลังผู้ถือครองสถิติอย่าง แกเร็ธ แบร์รี่ ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ ลีก ไปทั้งสิ้น 653 นัด
กองหน้า : โรเบอร์โต้ เฟอร์มืโน่
ไม่ต้องกล่าวถึงสรรพคุณของกองหน้ารายนี้มากมาย เพราะ โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน่ คือกองหน้าที่เป็นจุดศูนย์รวมของแนวรุกในทีมอย่างแท้จริง ด้วยระบบการเล่นแบบ “False 9” ทำให้ ลิเวอร์พูล ในยุคที่มีเขาอยู่ บินขึ้นสูง โดยแข้งบราซิลเลี่ยนรายนี้ ย้ายจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาร่วมทัพหงส์แดง ด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ ตั้งแต่ฤดูกาล 2015-16 ฝากผลงานการทะลวงตะข่ายทั้งสิ้น 111 ประตู กับอีก 79 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประตูชัยในเกมนัดชิงสโมสรโลก ที่ “บ็อบบี้” ซัลโวพาหงส์แดง เอาชนะ ฟลาเมงโก้ 1-0 อย่างไรก็ตามหลังจากย้ายทีมออกไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2022-23 เฟอร์มิโน่ ก็หันไปค้าแข้งในดินแดนตะวันออกกลาง กับทีม อัล อาห์ลี ฤดูกาลนี้ลงเล่นไปทั้งสิ้น 24 นัด ยิง 6 แอสซิสต์ 4 ครั้ง
ปีกซ้าย : อดัม ลัลลาน่า
นี่คือหนึ่งในนักเตะระดับคุณภาพที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ชื่นชอบ โดยเขาออกจาก เซาแธมป์ตัน มาร่วมถิ่นแอนฟิลด์ ในปี 2014 ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ ซึ่งตลอด 2-3 ฤดูกาลแรกที่นายใหญ่ชาวเยอรมันคุมทัพหงส์แดง ก็มี ลัลลาน่า นี่แหละเป็นหนึ่งในแนวรุกคนสำคัญของทีม และถึงแม้ช่วงปีท้าย ๆ ของการค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล จะไม่ค่อยถูกส่งลงสนามมากนัก แต่เหล่าเดอะค็อปก็ต่างยอมรับว่า “เทพม้วน” เป็นตำนานของสโมสรด้วยใจที่ยอมรับ ซึ่งสาวกหงส์แดงก็น่าจะทราบเป็นอย่างดีว่าปัจจุบัน ลัลลาน่า กำลังค้าแข้งอยู่กับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ทีมเดียวกับ เจมส์ มิลเนอร์ โดยย้ายจากลิเวอร์พูล ไปร่วมทัพ “นกนางนวล” ในเดือน กรกฎาคม 2020 ฤดูกาลนี้ลงเล่นไปทั้งสิ้น 21 นัด อย่างไรก็ดี กองกลางวัย 35 ปี กำลังศึกษาแนวทางเป็นผู้ฝึกสอน กับแคมป์ทีมชาติอังกฤษ U-21 ซึ่งทั้งหมดเป็นหนึ่งในกระบวนการอบรมใบอนุญาตโค้ช
