ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 โรบินโญ่ ที่ค้าแข้งอยู่กับ เอซี มิลาน ได้กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งแทบทุกสำนักเนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการข่มขืนหญิงสาวชาวแอลเบเนียคนหนึ่งร่วมกับชายอีก 5 คน ที่ไนท์คลับ ณ เมืองมิลาน ก่อนที่ในปี 2017 โรบินโญ่ จะถูกศาลอิตาลีตัดสินจำคุก 9 ปี
ทว่า โรบินโญ่ ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่หลังลูกกรงที่อิตาลีแต่อย่างใด แถมยังสามารถค้าแข้งต่อไปได้แบบหน้าตาเฉย กระทั่งเมื่อวานนี้ (20 มี.ค. 2024) ศาลบราซิลได้มีคำสั่งให้จำคุก โรบินโญ่ 9 ปี
เหตุใด โรบินโญ่ จึงไม่ถูกคุมขังที่ อิตาลี แล้วทำไมศาลบราซิลเพิ่งมีคำสั่งจำคุก 9 ปี? ติดตามได้ที่ Main Stand
[ใช้ช่องโหว่กฎหมาย]
หลังจากที่ศาลอิตาลีมีคำสั่งให้จำคุก โรบินโญ่ ในปี 2017 เขายังไม่ได้ถูกจับเข้าซังเตโดยทันที เนื่องจากระบบกฎหมายของประเทศอิตาลีนั้นมีความยืดหยุ่นพอสมควร สามารถเปิดให้อุทธรณ์ได้หลายครั้ง ซึ่งหมายความว่าคำสั่งจำคุก 9 ปีของเขาจะยังไม่มีผลจนกว่าจะมีคำตัดสินจากชั้นอุทธรณ์
ส่งผลให้ โรบินโญ่ ที่รู้ดีอยู่แล้วว่าประเทศอิตาลีไม่ได้ทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศบราซิล จึงใช้วิธีการบินกลับมาค้าแข้งที่บ้านเกิดกับ แอตเลติโก มิเนโร พร้อม ๆ กับยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอิตาลีอีกหลายต่อหลายครั้ง และไม่บินกลับไปยังยุโรปอีกเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยคำอุทธรณ์สุดท้ายที่ โรบินโญ่ ยื่นต่อศาลฎีกากรุงโรมคือในเดือนมกราคม ปี 2022 แต่ก็ยังไม่วายโดนปัดตกไป
[อิตาลี สะกิดบราซิล]
ในช่วงปี 2022 ทางการอิตาลี ที่ตระหนักได้ว่าคงไม่สามารถเอาผิดสตาร์แซมบ้าได้เนื่องจากติดกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ได้ทำการร่อนหนังสือไปยังศาลสูงสุดของบราซิล เพื่อให้ส่งตัว โรบินโญ่ ที่ปักหลักอยู่บ้านเกิด มารับโทษที่แดนมักกะโรนี
ก่อนที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ศาลสูงของบราซิล (BSCJ) ได้นำเอาคดีข่มขืนของ โรบินโญ่ ขึ้นมาพิพากษาตใหม่ตามคำขอจากทางการอิตาลี โดยสิ่งที่น่าสนใจคือความรวดเร็วของผู้พิพากษาที่ลงคะแนนเสียงภายในเวลาไม่ถึงวัน ก่อนที่จะมีคำสั่งจำคุก 9 ปีให้กับ โรบินโญ่
อย่างไรก็ดี โรบินโญ่ ยังคงปฏิเสธการกระทำผิดใด ๆ และยืนยันว่าความสัมพันธ์ทางเพศของเขากับผู้หญิงที่บาร์ในมิลานเป็นไปตามความยินยอม
ทั้งนี้มีการเปิดเผยว่า โรบินโญ่ พร้อมด้วยทนายจะทำการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลบราซิลอย่างแน่นอน
[เทียบกับเคส อัลเวส]
มีการเปิดเผยว่า โรบินโญ่ มอบพาสปอร์ตให้แก่ทางการบราซิลเก็บรักษาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเขาจะไม่หนีการพิจารณาคดีในประเทศ รวมถึงเลี่ยงการบินกลับไปรับโทษที่อิตาลี อนึ่งอาจเป็นเพราะเขาเห็นตัวอย่างในเคสของ ดานี อัลเวส ที่ถูกจับกุมที่ประเทศสเปน
โดยในกรณีของ ดานี อัลเวส จะห็นได้ว่าตั้งแต่การดำเนินการจับกุมจนถึงเวลาที่เอาตัวเขาเข้าเรือนจำนั้นรวดเร็วมาก แถมสภาพแวดล้อมระหว่างเรือนจำในยุโรปและในบราซิลก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงขนาดที่มีรายงานว่า ดานี่ อัลเวส มีอาการซึมซ้ำยังมีความคิดปลิดชีวิตตัวเอง
เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าเรือนจำบางแห่งในอเมริกาใต้นั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าในยุโรป ยิ่งถ้าหากเป็นผู้มีอิทธิพล มีชื่อเสียง หรือมีญาติสนิทมิตรสหายที่มีเส้นสา ก็สามารถอยู่ในคุกได้แบบสบาย ๆ ดีไม่ดีอาจมีห้องขังสุดหรูไว้รองรับเหมือนอย่างที่เคยปรากฏออกมาตามหน้าข่าว
สุดท้ายนี้ต้องติดตามกันต่อไปว่าคดีความของ โรบินโญ่ จะสร้างแรงกระเพื่อมเพื่อแปลี่ยนแปลงกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนของประเทศบราซิลได้มากน้อยแค่ไหน เพราะในการลงมติในชั้นศาลมีผู้พิพากษาบางส่วนเรียกร้องให้ส่งตัว โรบินโญ่ กลับไปรับโทษที่สถานที่ก่อเหตุ