News

ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ กุนซือที่นำปรัชญา "เก่งอย่างเดียวไม่พอ" มาใช้สังคายนาทีมชาติอิตาลี

หลังสามารถเอาชนะทีมชาติอังกฤษด้วยการดวลลูกจุดโทษและคว้าแชมป์ยูโร 2020 ทีมชาติอิตาลี ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็ประสบกับความผิดหวังครั้งใหญ่ พลาดตั๋วไปลุยฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่กาตาร์ โดยพลาดท่าแพ้ มาซิโดเนียเหนือ คาบ้านไป 0-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบเพลย์ออฟ โซนยุโรป รอบรองชนะเลิศ สายซี

 


กระทั่งเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2023 สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (FIGC) ได้ประกาศแยกทางกับอดีตกุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และในเวลาต่อมาทำการแต่งตั้ง ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ที่เพิ่งพา นาโปลี เถลิงบัลลังก์เซเรีย อา ฤดูกาล 2022-23 ปรากฏว่าหลังจากนั้นทีมชาติอิตาลี ภายใต้การคุมทีมของ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ก็มีผลงานที่ดีขึ้น กรุยทางผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายของยูโร 2024 เยอรมนี ได้สำเร็จ

นอกจากแนวทางการเล่น ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ปฏิวัติสิ่งใดในแคมป์ทีมชาติอิตาลีบ้าง สามารถติดตามได้ที่ Main Stand

[แพชชั่นหิวกระหาย]
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ปี 2024 ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ก็เริ่มออกมาให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการคุมทีมชาติอิตาลีมากขึ้น โดยสิ่งที่เจ้าตัวมองว่านักเตะทีมชาติอิตาลีชุดปัจจุบันขาดหายไปคือความกระหาย เขาจึงปลูกฝังจิตวิญญาณผู้ชนะให้กับพลพรรค "อัซซูรี่"

"การได้เป็นผู้จัดการทีมชาติอิตาลีคือจุดสูงสุดในอาชีพการงานและเส้นทางลูกหนังส่วนตัวของผม ผมจะต้องทำให้ทีมชาติอิตาลี แสดงศักยภาพอันแข็งแกร่งออกมาให้ได้" ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ กล่าวกับ La Gazzetta dello Sport สื่อแดนมักกะโรนีชื่อดัง

"ผมไม่พอใจกับสิ่งใดเลยสำหรับทีมชาติอิตาลี ผมอยากจะคว้าแชมป์ยูโร มาให้ประเทศของเรา หลังจากนั้นผมก็จะต่อด้วยการชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลก คำพูดที่ผมกล่าวกับนักเตะทีมเป็นสิ่งที่ชาวอิตาลีทุกคนคาดหวัง เราจะเดินทางไปเยอรมนี เพื่อชัยชนะ ไม่ใช่แค่เพื่อเข้าร่วม ประวัติศาสตร์ลูกหนังแดนมักกะโรนีของเราต้องการมัน"

[ไม่เอา PlayStation]
อีกหนึ่งสิ่งที่กลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาภายในแคมป์ทีมชาติอิตาลี คือการที่ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ประกาศสั่งแบนเครื่องเล่นเกมสุดฮิตในหมู่นักกีฬา อย่างเครื่อง Playstation เพราะอดีตกุนซือนาโปลี มองว่าหากนำมาเข้าแคป์ด้วย จะทำให้นักเตะเสียสมาธิ ซึ่ง ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ อธิบายว่า

"นักฟุตบอลทีมชาติอิตาลี บางคนคงเห็นว่า ลูเซียโน่ ปัลเล็ตติ เห่าแต่ไม่กัด แต่ผมจะบอกว่าพวกนั้นคิดผิด ต่อจากนี้เป็นต้นไป นักเตะทีมชาติอิตาลีจะต้องทิ้งเครื่องเล่นเกม Playstation ไว้ที่บ้าน และไม่เอามันมาที่แคมป์อีกเป็นอันขาด แต่สำหรับใครที่ยังต้องการผมจะสร้างเกมเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นมาให้พวกเขาได้คิด ได้ใช้สมอง เพื่อเบนความสนใจจากสิ่งนั้นในเวลากลางคืน"

"หากการฝึกซ้อมในแต่ละวันยังหนักหน่วงไม่เพียงพอ ผมจะให้พวกเขาเข้ามาหาผมได้เลยและผมจะมอบหมายกิจกรรมหรือการบ้านเพิ่ม ในขณะที่อยู่ในช่วงรับใช้ทีมชาติคุณต้องอยู่กับฟุตบอลเป็นหลัก โฟกัส รวมถึงไม่ทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ผมสามารถรับมือกับโทรศัพท์มือถือได้ แต่มันจะต้องไม่วางไว้ข้าวตัวนักเตะขณะนวดกล้ามเนื้อ หรือเข้าโปรแกรมฟื้นฟูสภาพร่างกาย"

และ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ยังได้บอกอีกว่าทีมชาติอิตาลีภายใต้การคุมทีมของเขาจะต้องไม่ทำตัวเหมือนเด็กชายวัยรุ่นตามอินเทอร์เน็ตที่สนใจการเปลี่ยนทรงผมมากกว่าการทำงานหนัก "หากความทันสมัยคือการเล่นเกม Playstation ถึงตี 4 เมื่อมีเกมการแข่งขันในวันรุ่งขึ้นรออยู่ ความทันสมัยนั้นก็ไม่ดีเอาเสียเลย เราอยู่ในโลกที่ไม่ค่อยจะยกย่องการทำงานหนัก"

"เด็กวัยรุ่นผู้ชายยุคปัจจุบันชอบถ่ายรูปโพสต์ภาพบนอินสตาแกรมพร้อมกับแต่งทรงผมมากกว่าที่จะก้มศีษระและผลักดันตนเองขึ้นมา เรื่องพวกนี้ไม่ใช่คุณค่าที่ทีมชาติอิตาลีของผมควรถ่ายทอดแก่คนอื่น ในทีมชาติคุณต้องราวกับหมาป่าที่ตั้งแถวเรียงเป็นระเบียบ ผลักเพื่อนร่วมทีมไปข้างหน้าและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"

และในการเข้าแคมป์ทีมชาติรอบล่าสุด ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ได้เปิดเผยความลับเบื้องหลังของการตั้งกฎแบนเครื่องเล่นเกม Playstation โดยถามต่อหน้านักข่าวว่า "คุณไม่สนใจ PlayStation? คุณคิดว่ามันถูกต้องแล้วหรือไม่ที่มีนักฟุตบอลสวมเสื้อแข่งของทีมชาติอิตาลีไม่นอนในคืนก่อนวันแข่งขันเพื่อเล่นวิดีโอเกม PlayStation ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่ดีสุดออกมาได้?"

"คุณสามารถประเมินระดับของนักเตะรวมถึงสภาพร่างกายของพวกเขาได้ ไม่ใช่แค่เพียงสองชั่วโมงที่เขาใช้ในสนาม แต่รวมถึง 22 ชั่วโมงต่อวันที่เหลือด้วย ผมไม่สนหรอกว่าพวกเขาจะไปทำอะไรระหว่างวันตราบใดที่พวกเขาพยายามบังคับตัวเองให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ"

"มีนักเตะบางคนอยู่กันทั้งคืนก่อนเกมยูเครน และในความเห็นของผมนั่นคือสิ่งที่แย่"

“เราจะจัดห้องเล่นเกมที่ทุกคนสามารถใช้ได้เพราะการใช้เวลาและอยู่ร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตามเวลา 00.30 น. ทุกคนก็จะต้องกลับไปยังห้องพักและนอนหลับพักผ่อน ผมไม่ชอบเวลาที่สิ่งต่างๆ กลายเป็นสิ่งเสพติด มันจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่ออาชีพของคุณ ใครที่คิดว่าอยากมาเพื่อฆ่าเวลาก็ไม่ควรมาปฏิบัติหน้าที่ให้กับประเทศชาตินะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยู่ภายใต้สัญญากับทีมชาติอิตาลี ซะหน่อย"

[เป็นคนเก่งแล้วต้องดีด้วย]
และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่าน ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ก็แสดงความเด็ดขาดในฐานะผู้จัดการทีมชาติอิตาลี อีกครั้งด้วยการประกาศตัดชื่อ ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ กองหลังของ อินเตอร์ มิลาน ออกจากเกมกระชับมิตร 2 เกมที่จะต้องพบกับ เวเนซุเอลา และ เอกวาดอร์ ช่วยปลายเดือนมีนาคมนี้

เนื่องจากไปพูดจาเหยียดเชื้อชาติใส่ ฮวน เฮซุส กองหลังชาวบราซิล ของ นาโปลี ในเกมที่ทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม แม้ว่า ฟรานเชสโก้ อาแซร์บี้ และ ฮวน เฮซุส จะขอโทษขอโพยและปรับความเข้าใจกันแล้วก็ตาม

"อะไรที่เกิดขึ้นในสนาม ก็ต้องจบในสนาม ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ ขอโทษผมแล้ว เขาแค่พูดเกินเลยไปหน่อย เขาเป็นคนดี ยิ่งกว่านั้นแน่นอนว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราสามารถจัดการเรื่องต่างๆ ในสนามได้ เขาขอโทษ เราเดินหน้าต่อไป และเมื่อผู้ตัดสินเป่านกหวีด ทุกอย่างก็จบลงตรงนั้น ทุกอย่างปกติดี" ฮวน เฮซุส กล่าวถึงเหตุการณ์โดน ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ เหยียดเชื้อชาติผ่าน DAZN

โดยสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี หรือ FIGC แถลงถึงการตัด ฟรานเชสโก้ อาแซร์บี้ ออกจากทีมชาติว่าเป็นการหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกันระหว่างตัวนักเตะเพื่อนร่วมทีม และกุนซือลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ว่า "ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ มาถึงแคมป์ทีมชาติอิตาลีเมื่อเช้านี้ (18 มี.ค 2024 ตามเวลาประเทศอิตาลี) พร้อมอธิบายถึงเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติที่เกิดขึ้นในเวอร์ชันของเขาเองให้ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ และ เพื่อนร่วมทีม ได้เข้าใจ"

"จากคำพูดของ ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ สำหรับในแง่ของการรอคอยสิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นอิสระของความยุติธรรมทางกีฬา ปรากฏว่าเขาไม่มีเจตนาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือเหยียดเชื้อชาติในส่วนของเขา"

"อย่างไรก็ตาม มีการตกลงกันไว้ว่าควรปล่อย ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ ออกจากทีมสำหรับเกมกระชับมิตร 2 นัดถัดไปที่จะฟาดแข้งกันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้เรื่องต่าง ๆ บรรเทาสำหรับทีมชาติและตัวนักเตะเอง ซึ่ง ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ จะกลับคืนสู่สโมสรของเขาในวันนี้"

ขณะที่ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหยียดเชื้อชาติของ ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ ดังนี้ "เขาบอกผมว่าไม่มีการเหยียดเชื้อชาติ นี่เป็นสถานการณ์ที่ผมไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นเลย แต่เรามีความรับผิดชอบในกีฬาที่สำคัญมากต่อประเทศของเรา เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่ถูกเผยแพร่ออกมา มันจำเป็นสำหรับเราที่จะต้องดำเนินการ"

"จากสิ่งที่ ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ บอกผม ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติ แต่เราต้องระมัดระวังทุกการกระทำและคำพูดของเรา ยิ่งกว่านั้นอีกเมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติ สองชั่วโมงที่เราอยู่ในสนามมีความสำคัญ แต่อีก 22 ชั่วโมงที่เหลือก็สำคัญไม่แพ้กันเช่นกันเมื่อเราอยู่ในภารกิจรับใช้ทีมชาติสวมเสื้อทีมชาติ"

"มันเป็นความผิดหวังอย่างมากที่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับเหตุการณ์แบบนี้ เราต้องระมัดระวังเมื่อเรารายงานสิ่งต่าง ๆ ผมพยายามโทรหา ฮวน เฮซุส แล้ว แต่ตอนนี้เขาปิดโทรศัพท์อยู่"

ทั้งนี้เชื่อว่าการกระทำทั้งหมดทั้งปวดที่ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ตัดสินใจจะส่งผลดีต่อทีมชาติอิตาลี ในอนาคตอันใกล้แน่นอน โดยเฉพาะศึกใหญ่กลางปีที่ทกึคนตั้งตารออย่าง ยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี

Author

รณกฤต ตุลยะปรีชา

วัยรุ่นคู้บอน

Graphic

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ