ก่อนหน้านี้ชื่อของ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร หายไปจากทีมชาติไทยมายาวนาน นับตั้งเเต่ที่ คาร์ลอส เซซาร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นเฮดโค้ชฟุตซอลทีมชาติไทยในปี 2022
สาเหตุสำคัญเนื่องมาจากระบบการเล่นของเซซาร์ ที่เน้นการปั้นนักเตะที่มีความสดและกำลังสำคัญเป็นหลัก บวกกับเคมีที่มีความแตกต่างกัน ดังจะเห็นว่า จิรวัฒน์เอง ได้ย้ายออกจากบลูเวฟ ชลบุรี หลังจากที่เซซาร์เข้ามาทำทีมได้เพียง 1 ฤดูกาล ก่อนที่เขาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นโค้ชฟุตซอลทีมชาติไทย
ชื่อของจิรวัฒน์ ไม่ปรากฏในรายชื่อในยุค เซซาร์ อีกเลย ไม่ว่าจะศึกชิงแชมป์อาเซียนที่ไทยคว้าแชมป์, ชิงแชมป์เอเชีย หรือแม้แต่รายการอุ่นเครื่องต่างๆ
จนกระทั่งเซซาร์ ได้ยกเลิกสัญญากับทีมชาติไทย ก่อนที่มิเกล โรดริโก้ จะคัมแบ็กกลับมาคุมทีมชาติไทยอีกครั้งในเดือนมีนาคม ซึ่งเขาได้ประกาศตั้ง จิรวัฒน์ สอนวิเชียร เป็นกัปตันทีม ลุยศึกชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ และเป็นการเดิมพันตั๋วไปฟุตซอลโลก เป็นสมัยที่ 7 ติดต่อกัน
มิเกล โรดริโก้ กุนซือใหญ่ เผยถึงการเลือกกัปตันทีมคนใหม่ ว่า “ในการตัดสินใจเลือกกัปตันทีมคนใหม่ก็ได้ดูจากความอาวุโสการเคารพและความเป็นผู้นำผ่านในทีม รวมไปถึงผลงานและประสบการณ์ในการเล่นฟุตซอลของเนิร์ส(จิรวัฒน์)ที่มีค่อยข้างสูง ในใจก็มีนักเตะอาวุโสหลายคนที่อยากให้เป็นกัปตัน ทั้งอาร์ม(ศุภวุฒิ), ก๊อก(อภิวัฒน์), ท็อป(คทาวุธ) และเนิร์ส(จิรวัฒน์) แต่ก็ได้ตัดสินใจเลือกเนิร์สในการรับหน้าที่สวมปลอกแขนในครั้งนี้”
“ซึ่งกัปตันคนเก่าอย่างบาส(สราวุท) ก็ถือว่าเป็นผู้นำได้เช่นกัน ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกก็ได้คุยกับบาส(สราวุท) เจ้าตัวเองก็เห็นสมควรด้วยในการเปลี่ยนครั้งนี้ เพราะเขาเองก็หนักใจที่ส่วนตัวยังอายุน้อยแต่ต้องมารับบทบาทนี้ ทำให้เห็นด้วยที่จะเปลี่ยนกัปตันที่จะให้พี่ๆที่มีความอาวุโสมารับหน้าที่ ซึ่งในตัวของบาส(สราวุท)เองก็มีความเหมาะสมที่จะเป็นกัปตันที่ดีเหมือนกัน ด้วยที่เจ้าตัวอายุยังน้อยก็มีโอกาสที่จะกลับมาสวมปลอกแขนอีกครั้งเช่นกัน”
“เรื่องของบทบาทที่ได้คุยกับเนิร์ส(จิรวัฒน์)ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เพราะด้วยตัวของเขาเองมีความเป็นผู้นำทั้งในสนามและนอกสนาม รวมไปถึงเรื่องของแทคติกที่เห็นได้ว่ามีการคุยกับน้องๆคอยสอนกันในส่วนที่เราซ้อมกันมา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้มีโค้ชคนที่สองที่จะคอยบอกทุกคนในทีมให้เข้าใจวิธีการเล่นที่มากขึ้น”
ด้าน จิรวัฒน์ สอนวิเชียร กัปตันฟุตซอลทีมชาติไทยคนใหม่ กล่าวว่า “การได้รับบทบาทนี้ก็ถือว่าต้องคอยดูแลทุกๆอย่างรองมาจากโค้ช ใครมีปัญหาไม่เข้าใจในส่วนใด เราก็มีหน้าที่เป็นคนกลางที่จะคอยบอกคอยสอนกัน เราก็เคยเป็นกัปตันในสโมสรมาบทบาทที่เคยทำมาก็คงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก สุดท้ายหน้าที่ของเราที่ได้รับมอบหมายก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด เป้าหมายในครั้งนี้อย่างแรกก็ต้องไปเล่นฟุตซอลโลกให้ได้ และก็อยากที่จะเข้าชิงให้ได้เพราะเป็นการเล่นในบ้านด้วย รวมถึงเป้าหมายลึกๆก็อยากจะคว้าแชมป์เพราะเคยได้แชมป์เอเชียในระดับสโมสรแล้ว ในทีมชาติก็อยากจะได้สักครั้งในการเล่นให้กับทีมชาติไทยด้วย”
การกลับมาในครั้งนี้ของจิรวัฒน์ นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ในการสร้างศูนย์รวมใจของนักฟุตซอลทีมชาติไทย ในยุคท่ผ่านความสำเร็จกับยุคใหม่ ที่จะผสมผสานประสบการณ์เข้าด้วยกัน และมาร่วมลุ้นกันว่า ฟุตซอลทีมชาติไทยจะถูกปลุกกระแสในบ้านเราได้ต่อเนื่อง ด้วยการไปเล่นฟุตซอลโลกเป็นสมัยที่ 7 ติดต่อกันได้หรือไม่