เกมฟุตบอล EAFC 24 ได้มีการอัพเดทรูปหน้าการ์ดของเหล่าบรรดานักเตะครั้งใหญ่เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีนักเตะอยู่หนึ่งรายที่ถูกพูดถึงกันอย่างมาก จากการที่เจ้าตัวสวมแว่นตาดำสุดโดดเด่น นั่นก็คือ โอมาร์ เอลับเดลลาอุย
แบ็กขวาทีมชาตินอร์เวย์วัย 32 ปี เคยถูกมองเป็นดาวรุ่งอนาคตไกล หลังย้ายมาร่วมทัพอะคาเดมีของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่อายุ 16 ทว่ากลับไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงได้ จนต้องถูกปล่อยยืมไปสโมสรต่าง ๆ และย้ายทีมในที่สุด
แม้จะออกจากถิ่นเรือใบสีฟ้าแต่เส้นทางการค้าแข้งของเขายังคงสดใส มีสโมสรให้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง และได้ย้ายมาร่วมทีมกาลาตาซาราย ในลีกตุรกี เมื่อปี 2020 ซึ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
กระทั่งช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองได้กลายเป็นฝันร้ายที่ทำให้เส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของเขาแทบจะจบสิ้นลง จากการเผชิญอุบัติเหตุที่เกือบทำให้เขาต้องสูญเสียการมองเห็นไปตลอดกาล
ขณะกำลังฉลองวันส่งท้ายปีเก่ากับภรรยาและลูก ๆ ที่สวนหลังบ้านเมื่อปี 2020 ดอกไม้ไฟที่เอลับเดลลาอุยเตรียมกำลังจะจุดได้เกิดระเบิดใส่หน้าเขาอย่างจัง ดินปืนและโลหะที่ผสมอยู่ในดอกไม้ไฟได้พุ่งเข้าทั่วบริเวณใบหน้าของเขา จนทำให้ดวงตาข้างขวาถูกไฟไหม้เป็นแผลอุกฉกรรจ์
“ผมแค่คิดว่ามีบางอย่างเข้าตาและต้องรีบเอามันออกไป แต่แล้วผมก็รู้สึกว่าหน้าของผมไหม้ไปหมดและทุกอย่างก็มืดมน” เอลับเดลลาอุย เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้น
แม้จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในทันที แต่อาการบาดเจ็บของเขานั้นเข้าขั้นร้ายแรงจนยากที่จะกลับมามองเห็นอีกครั้ง โดยไม่ต้องพูดถึงการกลับมาเล่นฟุตบอลที่แทบจะต้องบอกลาไปได้เลย
ตามปกติแล้วดวงตาจะมีชั้นผิวหนังคอยป้องกันสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ แต่สำหรับเอลับเดลลาอุย ไฟได้ทำลายเปลือกตาบนของเขาไป 1 ใน 3 รวมทั้งยังเผาท่อน้ำตาและเนื้อเยื่อที่จะใช้สร้างผิวหนังใหม่ออกไปด้วย
“มันเป็นหนึ่งในอาการบาดเจ็บที่เลวร้ายที่สุดที่เคยตรวจตลอดอาชีพการงาน 35 ปี มันเลวร้ายกว่าทหารอเมริกันที่ตาบอดด้วยระเบิดในอัฟกานิสถานถึง 4 เท่า” ดร.เอ็ดเวิร์ด ฮอลแลนด์ จากสถาบันจักษุซินซินนาติ ระบุ
ทีมแพทยท์ได้เลือกวิธีปลูกถ่ายกระจกตาในการรักษา ซึ่งมีโอกาสเพียง 5-10% เท่านั้นที่จะกลับมามองเห็นอีกครั้ง
ในการรักษาเจ้าตัวต้องใช้สเต็มเซลล์จากการผ่าตัดดวงตาของน้องสาวและจากผู้บริจาคมาใช้ ขณะที่ตัวเองยังโดนผ่าตัดเพื่อนำเยื่อหุ้มจากภายในปากและผิวหนังจากหูข้างหนึ่งมาใช้ในการสร้างเปลือกตาขึ้นมาใหม่ด้วยเช่นกัน
เอลับเดลลาอุยเข้ารับการผ่าตัดมากถึง 11 ครั้งภายในระยะเวลาครึ่งปี ซึ่งตลอดการรักษาแม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่เขายังมีกำลังใจล้นปรี่จากครอบครัวรวมถึงเพื่อนร่วมทีมกาลาตาซารายและนอร์เวย์ โดยสโมสรยังเป็นผู้จ่ายค่ารักษาให้ด้วย
“เขาเป็นคนไข้ที่มีแรงบันดาลใจมากที่สุดเคยเห็นมา ความอุตสาหะและวิสัยทัศน์ของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผมและทีมงานของผม เขาจะกระโดดลอดห่วงไฟทันทีเพียงแค่เราบอก” ดร.เอ็ดเวิร์ด เผย
ท้ายที่สุดฟ้าหลังฝนก็สวยงาม การผ่าตัดลุล่วงไปด้วยดี แสงสว่างค่อย ๆ กลับคืนสู่ดวงตาเขาอีกครั้ง
“ผมกำลังหลับตาซ้ายและมองเห็นมือของตัวเองอยู่ทางด้านขวา ผมสามารถเห็นการเคลื่อนไหวด้านขวาทั้งหมดซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้น มันเป็นปาฏิหาริย์เหมือนความฝันที่เป็นจริง” เอลับเดลลาอุย เผยถึงโมเมนท์ที่ตาข้างขวากลับมามองเห็นอีกครั้ง
หลังจากที่ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ 6 เดือน เอลับเดลลาอุยได้กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน โดยเขาต้องใช้ยาหยอดตาทุกครึ่งชั่วโมง พร้อมใส่คอนแทคเลนส์และสวมแว่นตาแบบพิเศษเพื่อถนอมดวงตาให้กลับมาสมบูรณ์มากที่สุด
นอกจากฟื้นฟูดวงตาแล้ว เขายังมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูร่างกายควบคู่กันเพื่อความหวังที่จะได้กลับไปเล่นฟุตบอลอีกครั้ง กระทั่งเวลาผ่านไปนานกว่า 423 วัน เอลับเดลลาอุยก็สามารถกลับมาลงเล่นให้กับกาลาตาซารายได้ตามที่ตั้งใจ
ปัจจุบันเจ้าตัวได้ย้ายกลับไปเล่นในลีกบ้านเกิดกับทีมโบโด กลิมท์ และได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องถึงทุกวันนี้ โดยมีแว่นตาคู่ใจเป็นเพื่อนช่วยให้เขาได้ทำสิ่งที่ตนเองรัก พร้อมยังได้รูปภาพสุดเก๋ที่ไม่เหมือนใครในเกม EAFC 24 อีกด้วย