-จุดเริ่มต้นของประเด็นนี้ มาจากที่ศิษย์เก่าของทั้ง 4 โรงเรียน ทำป้ายประท้วงด้วยข้อความ #ยกเลิกบังคับแปรอักษร พร้อมกับแจกใบปลิวที่เขียนข้อความนี้กระจายให้คนนอกได้รับทราบ
-ว่ายังมีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการบังคับให้ขึ้นอัฒจันทร์เพื่อแปรอักษร ในวันพิธีเปิด และ พิธีปิด
-เนื่องจากมีนักเรียนที่ไม่เต็มใจตากแดด ทนร้อน ทนหิวอยู่บนอัฒจันทร์เป็นเวลานานๆ
-เรามาดูรายละเอียดของการขึ้นอัฒจันทร์แปรอักษรกันก่อนว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไร
-จากข้อมูลศิษย์ปัจจุบันของหนึ่งในสี่โรงเรียน เผยว่า การขึ้นอัฒจันทร์แปรอักษร จะใช้กำลังของนักเรียนชั้นม.2 และ ม.4 เป็นหลัก โดยมีน้องม.1เป็นกำลังเสริม
-ม.1ห้องเลขคี่ จะขึ้นอัฒจันทร์วันเปิด ส่วนห้องเลขคี่ขึ้นวันปิด
-รุ่นน้องที่ต้องขึ้นอัฒจันทร์ จะต้องถึงโรงเรียนในเวลา 06.00น. เพื่อรวมตัวเช็คชื่นและจัดแถว
-จากนั้นจะออกจากโรงเรียนไปที่สนามศุภชลาศัย ในเวลา 07.10น.
-เพื่อขึ้นอัฒจันทร์ให้ครบในเวลาก่อนเที่ยง
-และใช้เวลาอยู่บนอัฒจันทร์ จนถึง 19.00น. กลับถึงโรงเรียนเวลา 20.00น. จึงแยกย้ายกลับบ้าน
-เท่ากับว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแปรอักษร จะต้องทุ่มแรงกายทั้งหมดประมาณ 15 ชั่วโมงต่อวัน
-การใช้เวลาอันยาวนานบนอัฒจันทร์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่นำมาสู่การต่อต้านการบังคับขึ้นอัฒจันทร์แปรอักษร
-มีศิษย์เก่าจำนวนหนึ่ง เปิดประสบการณ์ว่า ความทรมานอย่างหนึ่งคือจะลงไปปัสสาวะก็ไม่ได้ ต้องปัสสาวะใส่ขวด เพราะไม่เช่นนั้นอัฒจันทร์จะแหว่ง ภาพจะออกมาไม่สวย
-Main Stand ลงพื้นที่ลุยถามบรรดาศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน ของทั้ง 4 โรงเรียนเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่าจริงเท็จอย่างไร
-ได้คำตอบมาในทิศทางเดียวกันว่า ‘ไม่ถึงขนาดนั้น’ ลงไปเข้าห้องน้ำได้ แต่ก็ต้องลงให้ถูกจังหวะ จะลงไปพร้อมกันทีเดียวไม่ได้ คนที่ลงไปทำธุระส่วนตัว จะมีรุ่นพี่ขึ้นมาเสียบแทน
-ส่วนคนที่ต้องปลดเบาใส่ขวดน้ำ อาจเป็นเพราะนั่งแถวกลาง แล้วทนรอให้ถึงคิวของตัวเองไม่ไหว
-เมื่อถามว่าคิดเห็นอย่างไรกับการขึ้นอัฒจันทร์แปรอักษร
-จากศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันที่เราสัมภาษณ์มา 8 กลุ่ม
-ตอบแบบเดียวกันว่า ‘อยากให้เกิดจากความสมัครใจ’ ไม่ใช่จากการบังคับ
“หนูอยากให้เกิดจากความสมัครใจมากกว่าค่ะ” ( นักเรียนเทพศิรินทร์ )
“พวกผมเต็มใจ ใครไม่เต็มใจก็ไม่ต้องขึ้นแค่นั้นครับ คนที่เต็มใจเขาไม่ได้ง้อ” (ศิษย์ปัจจุบันของสวนกุหลาบ เป็นแก๊งที่ขึ้นอัฒจันทร์แปรอักษร)
“ผมไม่รู้หรอกว่าเขาดราม่าเรื่องอะไรกัน แต่สำหรับพวกผมจตุรมิตรมันเหมือนฟุตบอลโลกอะ ก็อยากมีส่วนร่วมกับงานมากที่สุด แต่ผมก็อยากให้มาจากความสมัครใจ” (ศิษย์เก่ากรุงเทพคริสเตียน)
“อยากให้จัดการให้มันเป็นคนที่สมัครใจมากกว่าครับ เพราะก็ต้องยอมรับว่าคนที่ขึ้นไปบนนั้นก็ต้องทนแดนทนฝนทนร้อนทนหิวเนอะ ถ้าบังคับกันขึ้นไปมันก็ไม่ดี” (ศิษย์ปัจจุบันสวนกุหลาบ)
“บางคนเขาอยากเชียร์แบบไม่ถูกบังคับอะครับ มันไม่เหมือนกับนักบอล ที่ลงไปเตะก็ได้เงินอัดฉีด คนที่อยู่บนอัฒจันทร์มันต้องอดทนกับหลายอย่าง แต่ไม่มีใครมาอัดฉีด” (ศิษย์ปัจจุบันอัสสัมชัญ)
-นี่คือความเห็นบางส่วนเท่านั้น ยังมีอีกหลายคนที่คิดเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องหนักหนาและภูมิใจที่ได้ทำ
-ส่วนคนที่เห็นด้วยกับ #ยกเลิกบังคับแปรอักษร ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาอยากให้ยกเลิกกิจกรรมนี้ เพียงแต่อยากให้เกิดจากความสมัครใจเท่านั้น