Feature

จากปากโค้ชประตู-นักจิตวิทยา ทำอย่างไรให้ "นายทวาร" หายเหวอ ? | Main Stand

หากพูดถึงตำแหน่งที่เรียกได้ว่า กดดันมากที่สุดในสนามแข่งขันฟุตบอล … ผู้รักษาประตู คงเป็นตำแหน่งที่ถูกยกขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ อย่างแน่นอน
 

เพราะด้วยความที่ตำแหน่งนี้คือปราการด่านสุดท้ายที่ขวางปากประตูไว้ ทุกการตัดสินใจของนายทวารจึงมีความสำคัญมาก เพราะความผิดพลาดเพียงนิดเดียว อาจเปลี่ยนสถานการณ์ของทีมจากชัยชนะ เป็นผลเสมอ หรือแม้แต่ความพ่ายแพ้ได้ในทุกเมื่อ

และในยุคสมัยนี้การผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจจะส่งความเสียหายที่ใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถควบคุมมันได้ ในยุคที่สื่อพร้อมจะบด ขยี้ และล้อเลียน เล่นข่าวซ้ำไปซ้ำมา ถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาพลาด จนกลายเป็นภาพจำของทุกคนที่ส่งผลกระทบร้ายแรงเกินใครคิด

เรื่องราวนี้ชัดเจนสุดๆเมื่อ ลอริส คาริอุส ผิดพลาดในเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2018 ที่เขาพลาดจังๆทำให้ทีมเสียประตูและนำไปสู่ความพ่ายแพ้ .... และความผิดพลาดนั้นส่งผลกับเขามาตลอดจนทุกวันนี้ 

เขากลายเป็นจำเลยสังคม เขาถูกสื่อโซเชียลโจมตีอย่างหนัก บางรายขู่เอาชีวิตก็มี ขณะที่สื่อบางเจ้าก็กระหน่ำซ้ำเติม ว่าต้นสังกัดของเขาจะซื้อนายทวารตัวใหม่มาแทน

สิ่งเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นกับืเกปา อาร์ริซาบาลาก้า ที่เริ่มสะสมความผิดพลาดทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งตอนนี้ความผิดพลาดของเขาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และพลาดแบบไม่น่าพลาดจนไม่น่าเชื่อว่าเขาเป็นเจ้าของผู้รักษาประตูค่าตัวเเพงที่สุดในโลก ณ เวลานี้ 

ปัจจุบัน เกปา กำลังหมดความชอบธรรมในการเฝ้าเสาให้เชลซีลงเรื่อยๆ ความผิดพลาดในเกมกับ ลิเวอร์พูล น่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายเมื่อเขาส่งผลง่ายๆไปเข้าเท้า ซาดิโอ มาเน่ และทุกอย่างก็พังทลาย เชลซี ต้องพ่ายคาบ้านให้กับ ลิเวอร์พูล ไป 0-2

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้กำลังกลายเป็นการหมดความอดทนของแฟนบอล เป็นที่ล้อเลียนและขยี้ข่าวจากสื่อ ที่สำคัญมันทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจจนดูท่าทางว่าจะกู่ไม่กลับ... หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้เขาเดินสู่ขาลงของเส้นทางนายทวารก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามในทางวิชาการ และในทางโค้ชชิ่ง วิธีการเรียกความมั่นใจของนักกีฬากลับมา มีหลายวิธี และหลากขั้นตอน กรณีของ คาริอุส น่าจะเป็นกรณีศึกษา เมื่อนักกีฬาคนหนึ่งต้องเจอกับสภาวะที่ “ผิดพลาดด้วยตัวเอง” จนกลัวที่จะต้องเจอกับสถานการณ์แบบเดิมอีกในสนามแข่งขัน

 

ขั้นตอนแรก : ขจัดความเครียดเบื้องต้นออกไปจากใจ

“เมื่อนักกีฬาเกิดความผิดพลาด การตอบสนองของร่างกายจะช้าลง และความเกร็งจะเพิ่มมากขึ้น” ดร.เบญจพล เบญจพลากร อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายอาการของ คาริอุส ให้ Main Stand เข้าใจ

“ผมอธิบายอาการง่ายๆ เหมือนกับคนโดนแทง พอเจอมีด ก็จะกลัว แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ง้างมาแทงคุณด้วยซ้ำ”

“ผมขอแบ่งวิธีในการจัดการกับกรณีนี้ 3 ขั้นตอน แต่อย่าใช้คำว่าเรียกความมั่นใจนะ เพราะเขาจะหายจากอาการนี้ ไม่ใช่การเพิ่มความมั่นใจ แต่มันมาจากการแก้ปมที่มีอยู่ให้สำเร็จ” ดร.เบญจพล ว่าต่อ

ขั้นตอนแรก คือการปรับสภาพจิตใจของตัวเองเบื้องต้น อย่างแรกคือคุณต้องรับมือให้ได้กับคำติ หรือข้อความในแง่ลบจากสื่อหรือแฟนบอล เบนความสนใจไปที่อย่างอื่น

“คุณต้องคิดว่า คนเราก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น การผิดพลาดครั้งหนึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิต ซึ่งอาชีพของเขา เขาโดนยิงมาไม่รู้กี่ลูก นี่ก็แค่ลูกหนึ่งที่เขาโดนยิงเท่านั้น” อาจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแห่งสามย่านว่าต่อ

นั่นคือมุมมองของนักจิตวิทยาการกีฬา แต่ในมุมของผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู ก็จะมีวิธี “โค้ช” นักเตะในอีกรูปแบบหนึ่ง

“อย่างแรกเลย คุณต้องห้ามดุเขาเลยนะ” นิพนธ์ มาลานนท์ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติไทย และโค้ชของ “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย เริ่มเปิดอกในมุมมองของตัวเองบ้าง


Photo : Facebook : BGFC

“ผมจะให้เวลาเขาไปพักก่อน ทำอะไรก็ได้สัก 2-3 วัน ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลเลย แต่เมื่อเวลาเหมาะสม ผมค่อยเรียกเขามานั่งคุย เอาเทปที่เขาพลาดมาเปิดให้ดู ว่าเขาพลาดเพราะอะไร ทำไมจึงตัดสินใจเลือกช็อตการเล่นแบบนั้น”

“คือเราไม่ได้ต้องการไปตอกย้ำเขานะ ที่เราทำ คือการประคองช่วยเขาให้ได้มากที่สุด เพราะแน่นอน คนเล่นเป็นผู้รักษาประตู ต้องดูแลสภาพจิตใจตัวเอง เป็นตำแหน่งที่ต้องใช้สมาธิมากที่สุด”

“ซึ่งผมมองว่า นักกีฬาดูสื่อโซเชี่ยลได้นะ มันห้ามไม่ได้หรอก แต่ดูแล้ว คุณต้องปล่อยวางให้ได้” อดีตนายทวารสโมสรธนาคารกสิกรไทย กล่าวอย่างเข้าใจคนค้าแข้ง

 

ขั้นตอนที่สอง : จำลองสถานการณ์

เมื่อคุณกลัวอะไรสักอย่าง แน่ล่ะ มันจะอยู่ในจิตใต้สำนึกของคุณ และหากคุณขจัดมันออกไปไม่ได้ นั่นเท่ากับคุณยอมยกธงขาวให้กับความเจ็บปวดในอดีต และหากคุณยอมแพ้ คุณก็จะไม่มีทางเอาชนะมันได้

ทั้งอาจารย์ด้านจิตวิทยาการกีฬา และ โค้ชผู้รักษาประตูชื่อดังระดับประเทศ ต่างมองเหมือนกันว่า วิธีแก้ปัญหาในกรณีของ คาริอุส คือการให้เขาซ้อมกับรูปแบบเดิมๆ

ซึ่งอธิบายง่ายๆ ก็คือ ลองให้เขาโดนยิงยัดตัวแบบนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะสามารถเซฟมันได้อย่างสวยงาม

“นั่นคือความสำเร็จของเขา นั่นหมายถึงเขาสามารถเอาชนะปมในใจตัวเองได้แล้ว” อ.เบญจพล แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายเพิ่ม

“สิ่งสำคัญคือ โค้ชต้องจำลองสถานการณ์ที่ยากมากพอนะ และผมคิดว่า มันต้องเป็นสถานการณ์ที่ยากกว่าที่เขาเคยเจอมาด้วย”

“เขาต้องเจอกับรูปแบบการเซฟที่ยากกว่าที่เขาเคยเจอมา ทำให้เขาเจอกับอะไรที่หนักหนาที่สุดเท่าที่เขาจะเจอได้ในสนามซ้อม เพราะเมื่อเขาเซฟได้ หรือพูดง่ายๆคือ แก้สถานการณ์นั้นได้ อะไรอย่างอื่นก็จะไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาอีกต่อไป”

วิธีแบบนี้ “โค้ชโต” นิพนธ์ มาลานนท์ เห็นด้วยเหมือนกัน

“ถ้าเป็นผม ผมก็จะทำแบบนี้เหมือนกัน จำลองสถานการณ์เหตุการณ์ให้เขาแก้ พอทำได้ ต้องปรบมือและชมเขา ‘เฮ้ย เอ็งเก่งมาก!” แต่ถ้าเขาเซฟยังไม่ได้ อย่าไปย้ำเขานะ ว่า ‘เอ็งผิดอีกแล้ว’ ห้ามเด็ดขาดเลย”

“อีกวิธีหนึ่งคือผมจะเปิดเทปตอนที่เขาโชว์ซูเปอร์เซฟให้ดู แล้วแสดงให้เขาเห็นว่า เฮ้ย ตอนเอ็งเก่งนี่ก็มีเหมือนกันนะ จริงๆแล้วเอ็งคือสุดยอดผู้รักษาประตู เอ็งเคยเซฟอุตลุดได้ เดี๋ยวเองก็ทำได้อีก”

Main Stand ถามต่อว่านี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการเยียวยานักกีฬาที่เสียความมั่นใจใช่หรือไม่

“ยัง ยังไม่ใช่” อ.เบญจพล ตอบสั้นๆ

“มันมีขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ขั้นตอนที่เราคุยกันเมื่อสักครู่ คือจุดเปลี่ยนสำคัญ แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่ปลดแอกเขาอย่างแท้จริง” 

และมันคืออะไรกันแน่?

 

ขั้นตอนที่ 3 : ปมเกิดที่ไหน แก้ที่ตรงนั้น

“ผมพูดถึงในหลายเคสนะ ถ้าเป็นผู้รักษาประตูเมืองนอก อาจจะดร็อปนักเตะที่มีปัญหาเป็นตัวสำรองสักพักเพื่อทำใจ” ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเล่าต่อ

“แต่เมื่อกลับมาลงสนามแล้ว สิ่งที่คาริอุสต้องเจอแน่นอนคือ นักเตะคู่ต่อสู้จะเปิดแผลเดิมของเขา เขารู้ว่าคาริอุส โดนลูกยิงแบบไหนมา เขาจะจี้จุดที่เขาเคยพลาด”

“แต่ถ้าโค้ชฝึกเขาอย่างถูกวิธีในสนามซ้อม และเขาซ้อมจนแก้ปมที่เขามีจนสำเร็จไปแล้ว อีกก้าวเดียวครับ คือทำให้ได้แบบเดิมในสนาม”

“คราวนี้ถ้าในเกมการแข่งขันจริง คุณเซฟได้เหมือนกับที่คุณซ้อม และแบบเดิมกับที่คุณเคยโดนในวันที่คุณเสียความมั่นใจที่สุด”

“ซึ่งในเคสของคาริอุส พูดง่ายๆก็คือ ถ้าโดนยิงยัดแบบนั้นแล้วเขาทุบออกไปได้อย่างสวยงามหรือรับตัดมือ”

“นั่นล่ะครับ ความมั่นใจของเขาจะกลับมาทันที ฉะนั้นอยู่ที่โค้ชแล้วล่ะครับ ว่าจะทุ่มเทกับการซ้อมเดี่ยวกับเขามากน้อยแค่ไหน”

“ผมพูดอีกครั้ง สิ่งที่คนผิดพลาดอยากได้มากที่สุด ไม่ใช่กำลังใจ หรือความมั่นใจ เขาอยากได้ความสำเร็จ ความสำเร็จที่ว่าก็คือ ได้เห็นศักยภาพของตัวเองว่าเขาทำได้ เมื่อเขาทำได้แล้ว นั่นก็ทำให้ความมั่นใจกลับมาด้วย”

ถามว่าในเคสนี้ การนำนักกีฬาไปคุยกับนักจิตวิทยาจำเป็นหรือไม่? “มันก็จะย้อนกลับไปที่ขั้นตอนแรกที่ผมบอก นั่นคือการทลายความเครียดออกไปจากใจเสียก่อน แต่นั่นเป็นเพียงขั้นตอนแรก ปัจจัยรอบข้างไม่ส่งผลอะไรกับเขา นอกจากเขาจะต้องทำลายอุปสรรคต่างๆด้วยตัวของเขาเอง”

อาจารย์เบญจพล ให้เคล็ดลับของนักจิตวิทยาเพิ่มเติม ในการจัดการกับนักเตะที่ทำพลาด

“ถ้าเป็นนักกีฬาระดับโลก เราสามารถบอกเขาได้ว่า เพราะสิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมทำให้เขาพลาด เช่นในยูโร 2004 เดวิด เบ็คแฮม เคยยิงจุดโทษพลาด (รอบ 8 ทีมสุดท้ายกับโปรตุเกส) ตอนนั้น พื้นสนามที่ไม่ดี ทำให้เขายิงไม่เข้า สิ่งที่เราควรบอกเขาคือ ถ้าเกมหน้า พื้นสนามมันปกติ คุณก็จะยิงได้เอง”

“แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะใช้มุกนี้กับนักเตะระดับเยาวชนนะ ไม่ได้เลย เพราะเวลาเขาเล่นไม่ดี เขาจะไม่แก้ไขปรับปรุงตัวเอง แต่จะทำให้เขาไปโทษสิ่งรอบข้าง” อ.เบญจพล ชวนมองถึงข้อเสียอีกมุมหนึ่ง

 

ขั้นตอนสุดท้าย : เรียนรู้ เตรียมตัว และป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด

“ตอง กวินทร์ (ธรรมสัจจานันท์) เคยถามผมนะว่า ตอนที่พี่โตเล่นอยู่ พี่โตทำอย่างไรให้ลงไปในสนามแล้วเล่นดี” โค้ชโต นิพนธ์ ย้อนความทรงจำกับนายทวารรุ่นน้องคู่ใจ

“ผมบอกเขาว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือเข้าวัดปฏิบัติธรรม ทำให้จิตใจเกิดสมาธิ”

“จากวันนั้น ตอง กวินทร์ จะนั่งสมาธิทุกนัดก่อนเกมจะเริ่ม ไม่ฟังเพลง สมาธิของเขาต้องจดจ่ออยู่ที่เกมการแข่งขันเท่านั้น นั่นจะทำให้จิตตั้งมั่น และไม่ไปพะวงเรื่องอื่น”

Main Stand ถามหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทัพช้างศึกต่อ โดยยกตัวอย่างถึงเคสของดาบิด เด เคอา (สเปน) และ เฟร์นานโด มุสเลร่า (อุรุกวัย) ที่โดนลูกยิงยัดใส่ตัวของฝ่ายรุกคู่ต่อสู้เล่นงานจนเสียประตูเหมือนกัน

ถ้าเจอแบบนี้ ต้องทำอย่างไร?

“ผมอธิบายก่อนนะ ลูกบอลสมัยใหม่มีส่วนมาก บอลสมัยนี้ทำให้เกมมันสนุกขึ้นก็จริง แต่มันทำให้ผู้รักษาประตูเสียเปรียบ เซฟอยากขึ้น ลูกบอลแต่ละลูก ต่างกัน ฉะนั้นเราต้องทำการบ้านกับลูกฟุตบอลด้วย เอาลูกบอลที่จะใช้ในการแข่งขันมาให้ผู้รักษาประตูของเราซ้อม”

“ส่วนถ้าเจอลูกแบบนั้น ผมยกตัวอย่างโกล์ระดับโลกก่อนนะ ถ้ายิงยัดมา ถ้าไม่ชัวร์ต้องปัดเลย อย่ารับติดมือ อันตรายมาก”

“คือเราต้องดูศักยภาพของกองหน้าด้วย ต้องอ่านเขาว่าเขาจะยิงมาแบบไหน เดี๋ยวนี้โค้ชของแต่ละทีมก็ทำการบ้านมาอย่างหนัก เขาอ่านผู้รักษาประตูของเรามาเหมือนกันว่า มีจุดอ่อนตรงไหน เรารู้เขา เขารู้เรา”

“แต่ถ้าเจอยิงแรงยัดใส่ คุณต้องชกหรือปัดก่อนให้พ้นพื้นที่อันตราย และที่สำคัญ บอกกองหลังด้วยนะ ต้องมาช่วยคุมพื้นที่ด้วย มาช่วยประคองประตู อยู่ใกล้ๆเลย ถ้าปัดมาไม่พ้นอันตรายต้องมาช่วยเตะทิ้ง หรือไปยืนบังไม่ให้ฝั่งตรงข้ามเข้ามาซ้ำ”

“ส่วนถ้าโดนยิงแฉลบก็อีกเรื่อง เราก็ต้องทำการบ้านด้วยสิ เราจะเอาตุ๊กตามาตั้ง ให้โกล์เราเจอสถานการณ์จริง ว่าถ้าโดนลูกยิงแฉลบ จะพุ่งมาเซฟทันไหม”

ช่วงท้าย อ.นิพนธ์ ให้เคล็ดลับถึงผู้รักษาประตูสมัยใหม่ ว่าต้องฝึกหัดใช้เท้าในการเล่น ตามกระแสนิยมสมัยใหม่อย่างที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนฯซิตี้ ชื่นชอบ และเซ็น เอแดร์สัน นายทวารบราซิเลี่ยนเข้ามาแทน โจ ฮาร์ท เพราะเล่นบอลด้วยเท้าดี

“ต้องซ้อมการเล่นด้วยเท้าด้วยนะ สำคัญมาก ผมจะมีแบบฝึกการวางบอลยาวให้เขา ทั้งเท้าซ้ายเท้าขวา ต้องเตะให้ตรงช่อง มีบอลสั้นบอลยาว ถ้าวางตรงนั้นแม่นแล้ว ลองให้ตัวรุกเข้าไปเพรสซิ่งซิ ให้เขาได้เรียนรู้ว่าถ้ามีผู้เล่นฝั่งตรงข้ามมากดดัน ต้องทำอย่างไร”

“แต่ที่ผมห้ามเลย อย่าทำเหนือล็อกหลบศูนย์หน้า อันตรายมากนะ โดยเฉพาะถ้าศูนย์หน้าที่เคยดูคุณเล่นมาก่อน แล้วรู้ว่าคุณเป็นจอมล็อกหลบ ผมเคยสอนผู้รักษาประตูคนหนึ่ง ลองให้เขาล็อกหลบผม ผมสะกิดเปลี่ยนทางนิดเดียวเข้าเลย ฉะนั้น พอบอลมา สิ่งที่ควรคิดเป็นอย่างแรก เอาให้ปลอดภัยไว้ก่อน”

Main Stand พยักหน้าเข้าใจ และเห็นด้วยกับ “โค้ชโต”

เพราะหน้าที่ของผู้รักษาประตู คือการต้องเอาบอลออกให้ไกลจากประตูฝั่งตัวเองมากที่สุด

ขอแค่ทีมไม่เสียประตู นั่นก็คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของผู้เล่นตำแหน่งนี้แล้ว

ตำแหน่งที่ปิดทองหลังพระ ทำดีเสมอตัว แต่ถ้าทำผิดพลาดขึ้นมา … อย่าท้อใจ เพราะมีนัดหน้าให้คุณแก้ตัวอยู่เสมอ

Author

ณรินทร์ภัทร บุณยวีรพันธ์

Content Creator สายปีศาจแดง และฟุตบอลต่างประเทศ ชอบเสพมวยปล้ำ WWE และดูเทนนิสบ้างตามโอกาส