ก้าวขึ้นเป็นนักสนุกเกอร์ไทยคนล่าสุด ที่สามารถคว้าตั๋วลุยทัวร์อาชีพระดับโลก หรือ World Snooker Tour (WST) ได้สำเร็จ สำหรับ "ติม" ชัชพงศ์ นาสา นักสอยคิววัย 27 ปี จากกาญจนบุรี
หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อหรือไม่คุ้นหูก็คงไม่แปลกนัก เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวแทบจะไม่เคยผ่านการลงแข่งขันในระดับทีมชาติหรือเยาวชนมาก่อนเลย
โดยตลอดระยะเวลาช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาเดินอยู่บนเส้นทางของสนุกเกอร์เดินสายตั้งแต่อายุ 13 โดยมีคุณพ่อเป็นนายทุนคอยออกเงินสนับสนุน
ทำไมคุณพ่อจึงเลือกพาลูกชายเดินบนเส้นทางนี้ แล้วสิ่งใดที่ทำให้เจ้าตัวสามารถพัฒนาฝีมือจนสามารถเทิร์นโปร เตรียมออกเดินทางไล่ล่าความสำเร็จในฐานะนักสนุกเกอร์อาชีพร่วมกับนักสอยคิวระดับท็อปทั่วโลก … ติดตามเรื่องราวได้ที่นี่
คุณพ่อพาเดินสายเดิมพัน
การที่คุณพ่อคนหนึ่งเลือกที่จะพาลูกชายเดินสายเล่นสนุกเกอร์วางเดิมพันตั้งแต่เด็ก คงไม่ใช่ภาพที่พบเห็นเป็นปกติเท่าไหร่นักในเมืองไทย
ทว่านี่กลับเป็นจุดเริ่มต้นในก้าวเข้าสู่วงการสนุกเกอร์ของเด็กหนุ่มที่ชื่อ "ติม" ชัชพงศ์ นาสา … โดยมีคุณพ่อชัยศิริ เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หนำซ้ำยังเป็นนายทุนออกเงินให้อีกด้วย
ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีที่แล้ว การเล่นสนุกเกอร์ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมของผู้คนตามชุมชนต่าง ๆ รวมถึงที่บ้านเกิดของติมในตำบลช่องสะเดา จังหวัดกาญจนบุรี ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามแม้จะอยู่ในอำเภอเมือง แต่บ้านของติมเรียกได้ว่าแทบไม่ต่างจากชนบท เพราะอยู่ชายขอบของอำเภอ ห่างจากใจกลางเมืองหรือแลนด์มาร์กสำคัญอย่างสกายวอล์คถึง 40 กิโลเมตร ทำให้จำนวนโต๊ะสนุกเกอร์ในละแวกนั้นไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้เล่น แทบทุกร้านคนรอต่อคิวกันแน่นขนัด
คุณพ่อของติมที่เปิดร้านลาบอีสานอยู่ได้มองเห็นโอกาสดังกล่าว จึงเลือกที่จะลงทุนซื้อโต๊ะสนุกเกอร์ขนาด 10 ฟุต จำนวน 2 ตัว มาตั้งไว้หลังร้านเพื่อเปิดให้ลูกค้าได้เล่น
ด้วยการที่เก็บค่าเล่นเพียงเกมละ 10 บาท แถมยังมีอาหารและน้ำพร้อมให้บริการถึงที่ "ร้านลาบเจ๊แต๋น" จึงกลายเป็นแหล่งชุมนุมของคนในพื้นที่ ลูกค้าหลายสิบรายสัญจรไม่ใช้บริการตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยมีกฎเหล็ก คือ ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามใช้ยาเสพติด รวมถึงห้ามเด็กที่สวมชุดนักเรียนเล่น
เด็กชายติมวัย 8 ขวบจึงเติบโตขึ้นมาด้วยความคุ้นชินกับภาพที่เห็นอยู่เป็นประจำ … และแน่นอนว่าเขาไม่พลาดที่จะลิ้มลองมันด้วยความสนุกสนานตั้งแต่หัวเพิ่งจะพ้นขอบโต๊ะ
"ที่บ้านเป็นโต๊ะพัดลมเหมือนตามบ้านนอกทั่วไป คนมาเล่นก็หยอดค่าเกมแล้วก็ดูแลกันเอง ผมก็ชอบยืนดูเขาเล่นกัน พอเราได้ดูก็อยากเล่นบ้าง เวลาโต๊ะว่างก็จะไปลองแทงเล่นเป็นประจำ" ติม เล่าถึงความหลัง
การเล่นสนุกเกอร์ของติมจึงอยู่ในสายตาผู้เป็นพ่อโดยตลอด ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวเองก็เริ่มจริงจังมากขึ้น โดยเริ่มฝึกฝนการเล่น เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ จากยูทูบ รวมถึงครูพักลักจำจากคนที่มาเล่น จนฝีมือเริ่มพัฒนา
เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงอายุ 13 คุณพ่อจึงตัดสินใจพาลูกชายไปแข่งเดินสายวางเดิมพันตามจังหวัดต่าง ๆ ทั้งที่สุพรรณบุรีและลพบุรี … โดยนอกจากจะได้ไปสัมผัสประสบการณ์ในอีกระดับแล้วยังมีอีกเหตุผลสำคัญที่คุณพ่อเลือกทำอย่างนั้น
"ตอนแรกไม่ได้มองว่าจะให้ลูกเล่น แต่เขาชอบ พอวันหยุดบางครั้งเขาก็ออกไปเล่นข้างนอก ซึ่งตอนนั้นละแวกบ้านมีวัยรุ่นมั่วสุมกัน เราไม่อยากให้ลูกไปมั่วสุมกับของเทา ๆ เลยซื้อฟุตบอล ซื้อกีตาร์ ซื้อจักรยานให้เล่น แต่เขาชอบเล่นสนุกเกอร์มากกว่า จึงตัดสินใจพาเขาไปเดินสายแข่ง"
"ไปครั้งนึง 2-3 วัน หมดครั้งละ 6-7 พันบาท มีเสียบ้างได้บ้าง แต่จะเสียเท่าไหร่ก็ช่าง เรายอมเสียเงินเพื่อดึงลูกให้หนีห่างออกจากสิ่งไม่ดี คิดว่าอีก 3-4 ปี พอโตขึ้นเขาก็น่าจะคิดได้เองแล้ว ตอนนั้นก็จะสามารถปล่อยได้เต็มที่"
"เคยเสียมากสุด 4-5 หมื่นบาท แต่เราก็จะคุยกับลูกว่าเราเสียเงินแล้วได้อะไรกลับมาบ้าง เราแพ้ตรงไหน ทำไมถึงสู้ไม่ได้ ทำไมคู่แข่งเขาแทงขาวไปจุดนั้น เขาคิดยังไง อย่างน้อย ๆ ต้องได้วิชากลับมา ถ้าจะไปแข่งอีกก็ต้องกลับมาแก้ไขฝึกซ้อมให้ดีขึ้น" คุณพ่อชัยศิริ เผยถึงเหตุผล
แน่นอนว่าการที่คุณพ่อพาลูกชายไปเดินสายเดิมพันย่อมไม่ใช่การกระทำที่เหมาะสมเท่าไหร่นักในสายตาของใครหลายคน … ถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยว่า แล้วอะไรที่ทำให้คุณพ่อถึงเชื่อมั่นในตัวลูกชายว่าจะไม่ถลำลึกลงไปมากกว่านี้ในอนาคต
จากเส้นทางเดินสายสู่เส้นทางอาชีพ
นับตั้งแต่อายุ 13 เส้นทางการเล่นสนุกเกอร์ของติมก็อยู่ในวงโคจรของการเดินสายล่าเงินเดิมพันมาโดยตลอด แม้โตขึ้นเจ้าตัวจะเริ่มออกเดินด้วยทุนของตัวเองโดยไม่มีคุณพ่ออยู่เบื้องหลัง แต่คุณพ่อก็ยังไว้ใจในตัวลูกชายอย่างเต็มที่
สิ่งสำคัญก็คือเขาไม่เคยสร้างปัญหาให้แก่ผู้เป็นพ่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตหรือเรื่องเงินทอง นอกจากนี้ยังพยายามที่จะเข็นตัวเองจนเรียนจบปริญญาตรี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี อีกด้วย
"ที่พ่อไว้ใจก็น่าจะเพราะว่าผมไม่เคยทำอะไรให้เขาเดือดร้อน ไปเล่นเดินสายแม้จะเสียบ้างแต่ก็ไม่เคยติดหนี้จนเขามาตามทวง ผมจะเล่นเท่าที่ผมไหว ถ้าเสียถึงจุดที่เราคิดว่าน่าจะพอแล้วก็กลับบ้าน" ติม เผย
เจ้าตัวเล่าต่อว่า ช่วงเวลานั้นตนเองไม่ได้คิดอะไรมาก เดินสายแทงไปวัน ๆ ไม่เคยมองไกลถึงการเล่นอาชีพหรือการติดทีมชาติ โดยมีความฝันเพียงแค่อยากหาทุนสักก้อนเพื่อเปิดโต๊ะสนุกเกอร์ของตัวเองสัก 4-5 ตัว หลังเรียนจบ
กระทั่งช่วงปี 2020 จุดเปลี่ยนของเจ้าตัวก็มาถึง เมื่อ สมศักดิ์ ธาราสุนทร ประธานชมรมสนุกเกอร์ จ.กาญจนบุรี ได้ดึงการแข่งขันรายการเก็บคะแนนสะสม ดิวิชั่น 1 มาจัดที่จังหวัด พร้อมมีตั๋วไวลด์การ์ด 1 ใบให้กับนักสอยคิวท้องถิ่นได้ร่วมชิงชัย
ด้วยความที่ฝีมือโดดเด่นและฉายแววมาตั้งแต่เด็ก ทางชมรมจึงมอบโควตาให้แก่ติมได้ลงแข่งขัน พร้อมวางแผนให้เจ้าตัวได้ฝึกซ้อมอย่างจริงจังมากขึ้น ด้วยการพามาเก็บตัวที่กรุงเทพฯ กับทาง S1 Signature Snooker Club ของ "เอส" ไชยพงศ์ กรวสุรมย์ อดีตผู้จัดการสอยคิวทีมชาติไทย
S1 ถือเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนนักสนุกเกอร์ชื่อดังของเมืองไทยมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "เอฟวัน" เทพไชยา อุ่นหนู และ "โตโต้" ทวีทรัพย์ คงกิจเชิดชู รวมถึงยังสร้างทีมเยาวชน S1 Academy เพื่อพัฒนานักกีฬาตั้งแต่วัยเด็ก
ติมได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทาง S1 โดยช่วยดูแลทั้งเรื่องที่พักอาศัย อาหารการกิน รวมถึงจัดหาโค้ชมืออาชีพมาช่วยเทรน จึงทำให้เขาเริ่มฝันไกลถึงการเป็นนักสนุกเกอร์อาชีพในอนาคต
"ที่ S1 ให้กินฟรีอยู่ฟรี ฝึกซ้อมฟรี เรามีหน้าที่ฝึกซ้อมอย่างเดียว โดยพี่เอสตั้งเป้าหมายให้เราตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องไปเป็นโปรให้ได้"
"ให้ผมตั้งใจซ้อม มีระเบียบวินัยในการซ้อม จะได้ไม่เสียเวลาชีวิต ไม่ใช่แทงไปวัน ๆ ต้องพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อพัฒนาตัวเองให้ได้มากที่สุด และไม่ได้มองแค่ในเมืองไทยแต่ต้องมองไปถึงในระดับนานาชาติ ต้องเป็นเหมือนพี่เอฟ (ทพไชยา อุ่นหนู) และพี่หมู (นพพล แสงคำ)" ติม เผย
อย่างไรก็ตามการลงแข่งทัวร์นาเมนท์แรกของเจ้าตัวต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากในห้วงเวลาดังกล่าวเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ทัวร์นาเมนท์ที่เจ้าตัวได้ไวลด์การ์ดที่บ้านเกิดต้องยกเลิกจัด
แต่ติมก็ยังคงมุ่นมั่นตั้งใจฝึกซ้อมต่อไปเพื่อรอโอกาสที่จะเข้ามา โดยมี "อาจารย์ตุ้ม" หรือ สุรศักดิ์ วีระพงษ์ ผู้ปลุกปั้นโตโต้จนคว้ารองแชมป์เยาวชนโลก เป็นผู้สอนวิชา
"มาอยู่ได้ 2-3 เดือนโควิดมา ทัวร์นาเมนท์จึงยกเลิก ไม่ได้แข่ง หลังจากนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ กลับบ้านก็ไม่ได้ เลยได้แต่ฝึกซ้อมอย่างเดียวอยู่เกือบ 2 ปี"
"ผมซ้อมทุกวันตั้งแต่ 10 โมงเช้า จนถึง 2 ทุ่ม พอกลับห้องกลางคืนก่อนนอนก็มาวิเคราะห์สิ่งที่เรายังผิดพลาดอยู่ เป็นอย่างนี้ทุกวัน" ติม ย้อนความหลัง
กระทั่งเมื่อคลายล็อกดาวน์ ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ เจ้าของฉายา "ติม กาญจน์" จึงได้โอกาสเดบิวต์ลงแข่งขันรายการต่าง ๆ ทั่วประเทศ พร้อมเริ่มพัฒนาฝีมือของตัวเองไปเรื่อย ๆ
จนสามารถสร้างชื่อด้วยการคว้าแชมป์ 6 แดงแฮนดิแคป ระดับโอเพ่น ได้ 2 รายการติดในปี 2022 ที่โต๊ะมาบข่า จ.ระยอง และโต๊ะเจเค สนุกเกอร์ จ.จันทบุรี
นอกจากนี้ทาง S1 ยังให้การสนับสนุนส่งเจ้าตัวไปแข่งขันต่างประเทศ เพื่อลุ้นตั๋วสู่การลงแข่งขันทัวร์ระดับโลกทั้งที่อังกฤษและโมร็อกโก ด้วยเช่นกัน แม้จะไม่สำเร็จแต่เจ้าตัวก็ได้ประสบการณ์และความมุ่งมั่นกลับมา
"การได้ไปแข่งต่างประเทศทำให้เราได้เจอคู่แข่งต่างชาติเก่ง ๆ ชนะบ้าง แพ้เบียด ๆ บ้าง มันทำให้เริ่มมองเห็นโอกาส และอยากกลับมาพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะไปสู้กับเขา"
"ผมเป็นคนไม่ค่อยยอม เวลาแพ้ก็จะกลับมาซ้อมเพื่อที่จะพัฒนาตัวเองหาทางกลับไปเอาชนะเขาให้ได้ มันทำให้มีเป้าหมายว่าต้องยกระดับตัวเองไปถึงขั้นไหนถึงจะสู้กับเขาได้ ทำให้มีกำลังใจซ้อมมากขึ้น" สอยคิวหนุ่มจากเมืองกาญ เผย
แม้จะผิดหวังแต่ติมยังคงมุ่งมั่นฝึกซ้อมไม่ย่อท้อ … กระทั่งในปี 2025 ความฝันของเขาก็กลายเป็นจริง
คว้าตั๋วลุย World Snooker Tour
การได้การ์ดทัวร์ลงแข่งขันใน World Snooker Tour (WST) ถือเป็นสิ่งที่นักสนุกเกอร์ทั่วโลกถวิลหา เพราะนี่คือใบการันตีว่าพวกเขาคือนักสนุกเกอร์อาชีพ ที่พร้อมไล่ล่าความสำเร็จและเงินรางวัลจากการลงแข่งทัวร์นาเมนท์ทั่วโลก
ติมเองเคยพยายามลงแข่งเพื่อลุ้นตั๋วใบนี้มาแล้วถึง 3 ครั้งแต่ก็ต้องผิดหวังทั้งหมด ทั้งการควอลิฟายที่อังกฤษ ที่เมืองไทย และโมร็อกโก หนำซ้ำยังไม่เคยเข้าใกล้คำว่าเฉียด โดยไม่เคยไปไกลเกินกว่ารอบ 32 คนสุดท้ายเลย
กระทั่งในศึกสนุกเกอร์คิวสกูล 2025 เอเชีย-โอเชียเนีย ที่เมืองไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม โดยรายการนี้จะเฟ้นหานักสอยคิวเพียง 2 ราย คว้าการ์ดทัวร์ลงเล่นในศึกอาชีพโลกเป็นเวลา 2 ฤดูกาล (2025/26 และ 2026/27)
"ผมเคยคัดมาแล้ว 3 ครั้ง ไม่เคยชนะเกิน 3 แมตช์เลย ตกรอบก่อนตลอด แต่ครั้งนี้ก่อนแข่งผมมีความมั่นใจกว่าครั้งก่อน ๆ เพราะเราซ้อมมาเต็มที่" ติม เผย
ความมั่นใจที่มีทำให้ติมเปิดฉากด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม เดินหน้ากวาดชัยชนะได้อย่างสวยงามตั้งแต่รอบแรก (87 คน) ชนะ มูฮัมหมัด ซิดดิกุย จากปากีสถาน 4-1 เฟรม
ต่อด้วยรอบ 64 คน ชนะ อามาน มาร์ดานิกาฟารอคคี จากอิหร่าน 4-0 เฟรม และรอบ 32 คน ชนะ ศรีกฤษณะ สุยานารายานาน จากอินเดีย 4-1 เฟรม
การผ่านเข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้ายในครั้งนี้ ทำให้เขาเดินมาไกลกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จนเพิ่มความมั่นใจให้เจ้าตัวยิ่งขึ้น ก่อนที่รอบ 16 คน จะเอาชนะ เฝิงหยู จากจีน 4-1 เฟรม ต่อด้วยปราบ จ้าว หันหยาง จากจีน 4-2 เฟรม ในรอบ 8 คน ผ่านเข้าสู่ตัดเชือกได้สำเร็จ
รายการนี้ในรอบรองชนะเลิศ จะแบ่งเป็น 2 สาย ซึ่งผู้ชนะของทั้ง 2 คู่จะได้ตั๋วไวลด์การ์ดทันที … นั่นเท่ากับว่า ติมเหลืออีกเพียงด่านเดียวความฝันของเขาก็จะเป็นจริง โดยมีขวากหนามสำคัญคือ หลิว หลิน เห่า ดาวรุ่งจากจีน
"ผมชนะรอบ 16 คนตอนกลางวัน และตอนกลางคืนชนะรอบ 8 คนต่อเลย ตอนนั้นรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่เข้าใกล้ที่สุดแล้ว ใกล้ที่จะเป็นโปรที่สุดแล้ว ถ้าเราก้าวข้ามได้เราก็เป็นโปรแล้ว"
"กลับไปก็นอนไม่ค่อยหลับ ตื่นเต้นมาก ๆ มันกดดัน มันคิดเยอะ ถ้าแพ้จะทำยังไง เงินรางวัลก็ไม่ได้ ต้องมาคัดใหม่ ต้องเริ่มใหม่หมด ถ้าแพ้คงจะท้อไปเลย"
"พอวันแข่ง ผมก็แทงไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ดีมาก แต่คู่แข่งน่าจะกดดัน ตอนเฟรมที่ 3 ผมนำอยู่ 2-0 เขากำลังจะได้เฟรมแล้วไล่จี้มา แต่ผมพลิกเอาชนะได้ นำห่าง 3-0 เลยทำให้กำลังใจมันมา จากนั้นก็พยายามเน้นเต็มที่ ละเอียดเต็มที่ ไม่ให้พลาด จนชนะได้ 4-0 เฟรม"
"พอทำได้ก็รู้สึกโล่ง ที่เราพยายามมามันสำเร็จแล้ว ภูมิใจกับตัวเองมาก" ติม เปิดใจถึงวินาทีสำคัญ
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ติมเป็นนักสอยคิวไทยรายที่ 5 ที่ได้ตั๋วลุยสนุกเกอร์เวิลด์ทัวร์ เช่นเดียวกับ "หมู ปากน้ำ" นพพล แสงคำ มือ 33 ของโลก, "เอฟวัน" เทพไชยา อุ่นหนู มือ 46 ของโลก, "ซันนี่ อาร์แบค" อรรคนิธิ์ ส่งเสริมสวัสดิ์ มือ 91 ของโลก และ "มิ้งค์ สระบุรี" ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย มือ 1 หญิงของโลก
โควตาครั้งนี้จะทำให้ติมได้ลงเล่นอาชีพเป็นเวลา 2 ฤดูกาล หลังจากนั้นเจ้าตัวจะต้องพยายามทำแต้มเก็บคะแนนสะสมให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ติดท็อป 64 ของโลก เพราะหากอันดับต่ำกว่านั้นก็จะหลุดโควตาต้องมาคัดเลือกใหม่ ทำให้นับจากนี้เจ้าตัวต้องเดินทางไปใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษ เพื่อลงแข่งเก็บคะแนนอย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนเตรียมปักหลักในเมืองเชฟฟิลด์ เพื่อฝึกซ้อมที่ Victoria’s Academy
นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนเรื่องเงินทุนจาก S1 เป็นเวลา 2 ปี ปีละ 5 แสนบาท พร้อมยังได้พันธมิตรเพื่อนพ้องในวงการ อาทิ โรงงานเส้นหมี่ชอเฮง, อ้วน ลอยฟ้า & แต ไร่ขิง และทีมงาน ร่วมระดมทุนมอบให้อีก 1 ล้านบาท ด้วยเช่นกัน
"การไปเล่นอาชีพมันมีค่าใช้จ่ายเยอะ ทั้งค่าที่พัก ที่ซ้อม ค่าเดินทาง ค่าทำวีซ่า ค่าใช้จ่ายรายวันอีกวันละเท่าไหร่ ปีนึงก็น่าจะล้านกว่าบาท ต้องขอขอบคุณพี่เอสและพี่ ๆ ทุกคนที่เมตตาผมและช่วยเหลือสนับสนุนผมในครั้งนี้"
"จากนี้ไปผมจะทำให้ดีที่สุด จะพยายามฝึกซ้อมและพัฒนาสกิลในทุกด้าน เพื่อยกระดับตัวเองให้เข้าไปใกล้เคียงอันดับ 64 มากที่สุด พยายามมีสมาธิในเกมและเรียกศักยภาพตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด"
"ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะลงแข่งทุกรายการ เพื่อเก็บคะแนนสะสมให้ติดท็อป 64 ของโลกให้ได้เพื่อไม่ให้หลุดจากทัวร์" ติม เผย
สำหรับ "ติม" จะประเดิมลงแข่งเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกในรายการ อู๋ฮั่น โอเพ่น รอบควอลิฟาย ที่เมืองเลสเตอร์ โดยเจอของแข็งอย่าง มาร์ค เจ วิลเลี่ยมส์ อดีตมือ 1 ของโลก วันที่ 22 มิ.ย.นี้
นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นบนเส้นทางระดับโลกของ "ติม" ชัชพงศ์ นาสา หลังจากนี้หนทางยังอีกยาวไกล … แต่ที่แน่ ๆ ไม่ว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานแค่ไหน เจ้าตัวก็พร้อมที่จะสู้ยิบตาเหมือนที่ได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว