Feature

ซูเปอร์ อีเกิลส์ : จากทีมที่พลาดตั๋วฟุตบอลโลก สู่การเข้าชิงแอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ | Main Stand

ครั้งหนึ่งไนจีเรียเคยเป็นชาติที่มีฟุตบอลที่แข็งแกร่ง ถึงขั้นที่เคยเป็นอันดับ 5 ของโลก ก่อนจะถดถอยลงเรื่อย ๆ เพราะขาดการพัฒนา แม้จะมีช่วงเวลาที่ผลงานกระเตื้องอยู่บ้าง ในยุคสมัยที่มีแข้งสตาร์ไปโลดเเล่นอยู่ในยุโรปหลายคน แต่ปัญหาทางโครงสร้างและการคอร์รัปชันที่เกาะกินวงการฟุตบอลในประเทศมาหลายชั่วอายุคน ยังคงเป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบัน

 


การพัฒนาฟุตบอลของไนจีเรีย สามารถเรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาแบบวนลูป มีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ แต่ภายในพริบตาเดียวกลับตกต่ำได้ การเข้ามาของรัฐบาลชุดใหม่ที่มาพร้อมแผนพัฒนาฟุตบอล จึงกลายเป็นแสงสว่างของฟุตบอลไนจีเรียอีกครั้ง

แม้จะเป็นทีมที่พลาดตั๋วไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่กาตาร์ เมื่อปี 2022 จนถูกมองว่าไนจีเรียชุดนี้ไม่หลงเหลือคราบความแข็งแกร่งที่นักเตะในอดีตเคยมีอีกแล้ว แต่ในระยะเวลาเพียงปีเดียว พวกเขากลับเป็นทีมที่โชว์ผลงานในแอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ ได้อย่างยอดเยี่ยม จนสามารถทะลุเข้าไปถึงนัดชิงได้ แม้ในท้ายที่สุดจะจบลงด้วยการเป็นรองแชมป์ก็ตาม

แต่จากผลงานที่พลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือ สะท้อนการทำงานเบื้องหลังได้หลายอย่าง ในระยะเวลาเพียงปีเดียว ไนจีเรียเตรียมทีมอย่างไร ให้กลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งได้ ติดตามเรื่องราวนี้ได้ที่ Main Stand

 

“จากยุคทอง สู่ยุคตกต่ำ” ของซูเปอร์ อีเกิลส์

สมาคมฟุตบอลไนจีเรีย (NFA) ก่อตั้งขึ้นในปี 1945 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นสหพันธ์ฟุตบอลไนจีเรีย (NFF) ในปี 2008 แชมป์แอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ (AFCON) 1980 กลายเป็นแชมป์แรกของไนจีเรีย นับตั้งแต่การก่อตั้งสมาคมฟุตบอล หลังจากนั้นในช่วงปี 90s ถือได้ว่าเป็นยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดของทีมซูเปอร์ อีเกิลส์ 

โดยเฉพาะในปี 1994 ไนจีเรียผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และผ่านเข้าไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังได้แชมป์ AFCON สมัยที่ 2 และก้าวขึ้นไปติดท็อป 5 ของฟีฟ่า แรงกิ้ง ซึ่งเป็นอันดับที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลทวีปแอฟริกา

ปี 1996 ไนจีเรีย U23 ในยุคของ เจย์ เจย์ โอโคชา, เอ็นวานโค คานู สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ด้วยการเป็นชาติแรกที่ไม่ใช่ชาติจากยุโรป และอเมริกาใต้ ที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ ด้วยการเอาชนะอาร์เจนตินา ที่มี เฮอร์นัน เครสโป, ดิเอโก ซิเมโอเน, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ ไปได้ 3-2 

ก่อนที่การพัฒนาจะหยุดไปดื้อ ๆ และห่างหายจากความสำเร็จไปเกือบ 20 ปี จนในปี 2008 ลีกฟุตบอลอาชีพได้ริเริ่มการแข่งขันขึ้น การเกิดขึ้นของลีกฟุตบอลอาชีพในประเทศ ปลุกกระแสความนิยมของฟุตบอลอีกครั้ง ทำให้ไนจีเรียได้ค้นพบดาวดวงใหม่เพิ่มมากขึ้น ความหวังที่ชาติจะกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งจึงก่อเกิดขึ้น

จากนั้นจึงกลับมาคว้าแชมป์ AFCON สมัยที่ 3 ได้ในปี 2013 ในยุคที่มีอดีตสตาร์พรีเมียร์ลีกอย่าง จอห์น โอบี มิเกล, วิคเตอร์ โมเซส และอาเหม็ด มูซา และโชว์ผลงานในบอลโลก 2014 ได้ดี จนสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้

ขุมกำลังที่พวกเขามีในตอนนั้นถูกคาดหวังอย่างมากจากชาวไนจีเรีย ว่าจะกลับมาทำผลงานได้ดีเหมือนในอดีต แต่การพัฒนาฟุตบอลของไนจีเรียกลับวนลูปอีกครั้ง ส่วนปัญหาที่แท้จริงนั้น คงหนีไม่พ้นปัญหาทางโครงสร้าง ที่ไม่ได้วางไว้เพื่อพัฒนาฟุตบอลอย่างแท้จริง

นักฟุตบอลในไนจีเรียมีพรสวรรค์ที่ไม่ด้อยไปกว่าใคร ชุดเยาวชน U17 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ถึง 5 สมัย ชุด U20 เป็นรองแชมป์โลก 2 สมัย แต่กลับหยุดพัฒนาไป จนไม่สามารถสานต่อความสำเร็จไปถึงฟุตบอลโลกของชุดใหญ่ได้ โดยผลงานที่ดีที่สุดของไนจีเรีย ที่เคยทำได้ในฟุตบอลโลก คือการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ 3 ครั้ง ในปี 1994, 1998 และ 2014

แซมสัน เซียเซีย อดีตผู้เล่นและผู้จัดการทีมของซูเปอร์ อีเกิลส์ ได้ให้เหตุผลสำคัญที่ทำให้ไนจีเรียยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทั้ง ๆ ที่ในอดีตเคยเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในแอฟริกา คือ การขาดโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอสำหรับการพัฒนาฟุตบอลแบบก้าวหน้า และขาดผู้นำที่ต้องการยกระดับฟุตบอลอย่างแท้จริง

“พวกเขาใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อพัฒนาฟุตบอล โมร็อกโกกำลังทำอยู่ เซเนกัลก็กำลังทำอยู่ แต่ไนจีเรียของเราไม่ได้ใช้ เราจำเป็นต้องตระหนัก พวกเขาบอกว่าเราเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใช่ไหม? แต่เราทำอะไรบ้าง เราแค่นอนเฉยๆ ถึงเวลาที่เราต้องลุกขึ้นและปรับปรุงสักที เพราะประเทศอื่น ๆ ของแอฟริกากำลังทิ้งเราไว้ข้างหลัง” แซมสัน เซียเซีย กล่าว

ตั้งแต่ปี 1990 จนถึง 2021 รัฐบาลไนจีเรียได้สร้างแผนพัฒนาฟุตบอลออกมาถึง 5 ฉบับ แต่กลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เนื่องจากฝ่ายบริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้เริ่มดำเนินการตามแผนอย่างจริงจัง และแผนพัฒนาเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อขายฝันต่อประชาชนเท่านั้น

ต่างจากอียิปต์ แอฟริกาใต้ โมร็อกโก ตูนีเซีย และประเทศอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีผู้นำและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารฟุตบอลที่เข้าใจฟุตบอลจริง ๆ โดยเฉพาะในกรณีของโมร็อกโก ที่โชว์ผลงานในฟุตบอลโลก 2022 ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะจบด้วยอันดับ 4 ผลงานของโมร็อกโกสะท้อนวิธีการจัดการของระบบ และการวางแผนระยะยาวที่สามารถยกระดับฟุตบอลของประเทศได้จริง ๆ 

ในขณะที่ชาติร่วมทวีปเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ไนจีเรียกลับไม่ได้แม้แต่เข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมา และนับว่าเป็นการพลาดลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในรอบ 16 ปี หลังจากพลาดครั้งล่าสุดในปี 2006

 

แผนพัฒนาระยะยาว

ประธานาธิบดีคนก่อนของไนจีเรีย มูฮัมหมัด บูฮารี ได้สร้างแผนพัฒนาฟุตบอลไนจีเรียฉบับใหม่ขึ้นมา ซึ่งเป็นการวางแผนระยะยาว 10 ปี (2022-2032) โดยมีนโยบายในการพัฒนาฟุตบอลไนจีเรียให้เติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังต้องการจัดการกับปัญหาการทุจริต ที่ขัดขวางและกัดกินการพัฒนาฟุตบอลในประเทศมาตลอดระยะเวลาหลายปี

“นี่ป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลในการปกป้องกีฬา ซึ่งทำให้ไนจีเรียได้รับรางวัลมากมาย และเราจะปฏิบัติกับฟุตบอลราวกับเป็นสมบัติของชาติ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีคนพยายามทำลายสถาบันกีฬาของเรา เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เราจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก”

“รัฐบาลนี้มีความสนใจในการพัฒนาฟุตบอลให้ได้รับการยอมรับในระดับโลก ด้วยการวางรากฐานที่มั่นคง จัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างระบบที่แข็งแกร่งให้กับฟุตบอลในประเทศ” มูฮัมหมัด บูฮารี กล่าว

แผนการพัฒนาฉบับนี้เน้นไปที่การแก้ไขปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลไนจีเรีย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ฟุตบอลของประเทศไม่สามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้ รวมทั้งการวางโครงสร้างพื้นฐานของระบบให้ดี ตั้งแต่เยาวชน จนไปถึงชุดใหญ่ เพิ่มประสิทธิภาพฟุตบอลลีกในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพของผู้เล่นทัดเทียมกันมากขึ้น ต่างจากเดิมที่จะต้องหวังพึ่งแค่ผู้เล่นที่ได้ไปค้าแข้งในยุโรป

ทว่าผลงานแรกของแผนพัฒนาฉบับนี้กลับกลายเป็นไนจีเรียชวดตั๋วฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในรอบ 16 ปี และถัดมาเพียงปีเดียวไนจีเรียก็ได้ประธานาธบดีคนใหม่ แผนพัฒนาฉบับจึงอาจกลายเป็นแค่กระดาษฉบับหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์จริง ๆ 

แต่นับว่ายังเป็นโชคดีของชาวไนจีเรีย เพราะประธานาธิบดีคนใหม่ โบลา ทินูบู เจ้าพ่อการเมืองผู้ร่ำรวยรายนี้ มีความต้องการที่จะพัฒนาฟุตบอลของประเทศ และมีวิธีการทำงานที่คล้ายกับรัฐบาลชุดเก่า แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือการอัดฉีดนักกีฬา เขารู้ดีว่าเมื่ออำนาจถูกถ่ายโอนจากรัฐบาลหนึ่งไปยังอีกรัฐบาลหนึ่ง ความคาดหวังของประชาชนก็เพิ่มสูงขึ้น AFCON 2023 จึงเป็นโอกาสสำคัญที่รัฐบาลชุดใหม่จะได้ทำผลงานของตัวเอง

 

จากพลาดตั๋วบอลโลก สู่การเข้าชิง AFCON

แม้จะพลาดฟุตบอลโลก 2022 แต่พวกเขายังมีถ้วยชิงแชมป์ทวีปให้ฝากความหวังไว้ได้ แม้จะร้างแชมป์จากถ้วยนี้มาราว 10 ปีแล้วก็ตาม แต่การเข้ามาของรัฐบาลชุดใหม่ และขุมกำลังของไนจีเรียในชุดนี้ ที่มีแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปแอฟริกาอยู่ ชาวไนจีเรียจึงกลับมามีความหวังอีกครั้ง 

ไนจีเรีย ลุยศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ ภายใต้การคุมทีมของนายใหญ่ชาวโปรตุกีส โชเซ่ เปเซโร่ นำทัพโดย วิลเลี่ยม โทรสต์-เอก็อง กัปตันทีม, วิคเตอร์ โอซิมเฮน ดีกรีนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแอฟริกา  รวมทั้งสตาร์พรีเมียร์ลีก แฟรงค์ ออนเยกา, อเล็กซ์ อิโวบี หากไล่เรียงดูจากรายชื่อแล้วขุมกำลังชุดนี้ของทัพซูเปอร์ อีเกิลส์ ไม่ได้ดูด้อยไปกว่าชาติไหนเลย

โชเซ่ เปเซโร่ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุกีส กล่าวว่า “ผมรู้ดีว่าแฟนบอลชาวไนจีเรียทุกคนต้องการชัยชนะในทุกนัด และคาดหวังกับเราอย่างมาก แม้ว่ามันจะไม่ง่าย แต่เราจำเป็นต้องตอบแทนด้วยผลงานที่ดีในสนาม ทีมของเราต้องสร้างสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับ เราต้องมีเกมรับที่เหนียวแน่น และเกมรุกที่เด็ดขาด”

การสร้างทีมไนจีเรียชุดนี้ใช้ความสามัคคีเป็นจุดสำคัญในการกำหนดเป้าหมายร่วมกัน ผู้จัดการทีมเปเซโร่ วางเป้าหมายว่าเขาอยากได้แชมป์ AFCON เป็นแชมป์แรกในฐานะผู้จัดการทีมซูเปอร์ อีเกิลส์ ส่วนนักเตะเองก็ต้องการความสำเร็จในรายการนี้ เพื่อชาวไนจีเรียที่คาดหวัง และเฝ้าเชียร์ชาติที่เคยเป็นหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา นอกจากแท็คติกที่ใส่ลงไปสนามแล้ว ใจจึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างไนจีเรียชุดนี้ขึ้นมา

ไนจีเรีย ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม A ร่วมกับเจ้าภาพไอวอรีโคสต์, กินี-บิสเซา และอิเควทอเรียล กินี ก่อนจะจบด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม และผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายไปเจอกับ หมอผี แคเมอรูน และคว้าชัยไปได้ 2-0 ตีตั๋วเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่ต้องดวลกับแองโกล่า และไนจีเรียยังโชว์ผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง เอาชนะแองโกล่าไปได้ 1-0

เส้นทางในการเข้าสู่สังเวียนนัดชิงชนะเลิส ดูใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น แต่ยังมีแอฟริกาใต้เป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ขวางทางอยู่ การเจอกันของสองทีมไม่เคยง่าย และครั้งนี้ในรอบรอง AFCON 2023 ก็ไม่ต่างจากเดิม พวกเขาเสมอกันในเวลา 1-1 ต้องไปตัดสินกันที่จุดโทษ

ก่อนจะเป็นฝ่ายไนจีเรียที่แม่นโทษกว่าเอาชนะไปได้ 4-2 และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ไปเจอกันเจ้าภาพไอวอรีโคส์ ที่พวกเขาเคยเอาชนะไปได้ 1-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม นัดชิงชนะเลิศจึงเป็นการโคจรมาเจอกันอีกครั้งของ 2 ทีมจากกลุ่ม A 

แม้ในเกมที่เจอกันในรอบแบ่งกลุ่มจะเป็นทางไนจีเรียที่เก็บ 3 แต้มมาได้ แต่ก็ไม่ใช่เกมที่เอาชนะแบบเบ็ดเสร็จ พวกเขาเพียงแค่เฉียบคมกว่า การได้มาเจอกันอีกครั้งจึงไม่อาจคาดเดาผลการแข่งขันได้ 

“เรามุ่งมั่นที่จะชนะ เราทุกคนที่อยู่ที่นี่ ทำงานร่วมกันในฐานะเพื่อนร่วมทีม ฐานะพี่น้อง ฐานะชาวไนจีเรีย และไม่มีอะไรที่เราต้องการมากไปกว่าการได้รับชัยชนะ” วิคเตอร์ โอซิมเฮน กองหน้าของทีมชาติไนจีเรีย กล่าว

 

แม้จะพลาด แต่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี…

แม้สุดท้ายไนจีเรียจะไม่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ หลังจากที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับเจ้าภาพ ไอวอรีโคสต์  2-1 ไปอย่างน่าเสียดายก็ตาม แต่หากมองย้อนกลับไปในระหว่างทางกว่าจะเดินมาถึงนัดชิง AFCON ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งครั้งที่น่าจดจำของไนจีเรีย และถือเป็นสัญญาณที่ดีของการเริ่มสร้างทีมครั้งใหม่ 

เพราะขุมกำลังชุดนี้จะยังคงมีบทบาทสำคัญยาวไปจนถึงการคัดเลือกฟุตบอลโลกในครั้งหน้า รวมถึงการชิงแชมป์ทวีปที่จัดทุก ๆ 2 ปี หากพวกเขายังรักษามาตรฐานไว้ได้ และมีการวางรากฐาน โครงสร้างของทีมที่ดี ไนจีเรียมีโอกาสที่จะกลับไปประสบความสำเร็จอีกครั้ง และกลับไปอยู่ในจุดที่ควรอยู่ได้

ความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศในครั้งนี้ไม่อาจพรากจิตวิญญาณ และความสามัคคีไปจากพวกเขาได้ คาซิม เซ็ตติมา รองประธานาธิบดี กล่าวว่า “ชาวไนจีเรียได้เห็นการแสดงเวทมนต์ และจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ของนักเตะชาวไนจีเรียทุกคน แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้ถ้วยรางวัลกลับบ้าน แต่หัวใจของเรายังคงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในซูเปอร์ อีเกิลส์ของเรา”

“ขอให้เราจำไว้ว่าชัยชนะและความพ่ายแพ้ ไม่ได้เป็นทั้งหมดของโลกกีฬา เรารับทราบชัยชนะของไอวอรีโคสต์ และขอแสดงความยินดีด้วย แต่ความสำเร็จของพวกเขาก็ไม่ควรนำมาลดทอนคุณค่าการเดินทางอันน่าทึ่งของเราใน AFCON ครั้งนี้”

รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้อำนาจของประธานาธิบดี โบลา ทินูบู เล็งเห็นความสำคัญของการตอบแทนเหล่านักกีฬาที่ไปรับใช้ชาติ ด้วยการมอบอะพาร์ตเมนต์และที่ดินให้กับผู้เล่นทุกคน แม้ว่าผลของการแข่งขันจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ และพวกเขาไม่สามารถนำถ้วยกลับมายังประเทศได้ก็ตาม แต่เส้นทางที่ไนจีเรียได้ฝากไว้ใน AFCON 2023 ถือเป็นเรื่องราวที่ดีและน่าจดจำ อีกทั้งการอัดฉีดนักกีฬายังสามารถสร้างแรงกระตุ้นได้อีกขั้น และสามารถผลักดันให้เหล่าผู้เล่นทำผลงานที่ดียิ่งขึ้นได้ในครั้งต่อ ๆ ไป 

วิลเลี่ยม โทรสต์-เอก็อง กัปตันทีมผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นผู้นำของทัพ ซูเปอร์ อีเกิลส์ ในครั้งนี้ คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งทัวร์นาเมนต์ จากผลงานการพาไนจีเรียทะลุเข้าสู่นัดชิง และทำไป 3 ประตู 

คุณค่าที่ไนจีเรียได้ฝากไว้ในแอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ 2023 มีมากกว่าการเป็นราชาที่ต้องการมงกุฎ ทัวร์นาเมนต์นี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถ จิตวิญญาณ ความสามัคคี และความหลงใหลที่ชาวไนจีเรียมีต่อฟุตบอล อีกทั้งยังเป็นการจุดประกายความหวังในการพัฒนาฟุตบอลไนจีเรียอีกครั้ง

ฟุตบอลโลก 2026 ที่กำลังใกล้เข้ามา หากไนจีเรียยังคงรักษามาตรฐานการเล่นไว้ได้ และด้วยการเพิ่มจำนวนทีมที่จะได้เข้าสู่รอบสุดท้าย คงไม่ใช่เรื่องยากของไนจีเรียที่จะจับจองพื้นที่ตรงนั้น อีกทั้งยังมีผู้เล่นหลายคนที่น่าจับตามองด้วยช่วงวัยกำลังเข้าสู่ช่วงพีค และผลงาน เช่น วิคเตอร์ โอซิมเฮน, วิคเตอร์ โบนิเฟซ, อเดโมล่า ลุคแมน ศูนย์หน้าที่กำลังทำผลงานได้ดีในลีกยุโรป หรือในแผงมิดฟิลด์ที่ส่วนใหญ่ค้าแข้งอยู่ในยุโรป เช่น ราฟาเอล ออนเยดิก้า, แฟรงค์ ออนเยกา น่าสนใจว่าด้วยขุมกำลังที่มีอยู่เราจะได้เห็นไนจีเรียไปปรากฏตัวในฟุตบอลโลก 2026 หรือไม่ และหากได้ไปพวกเขาจะทำผลงานได้ดีแค่ไหน

 

แหล่งอ้างอิง :

https://www.theguardian.com/football/2023/mar/02/nigeria-super-eagles-96-documentary
https://www.allnigeriasoccer.com/read_news.php?nid=47056
https://tribuneonlineng.com/the-history-of-football-in-nigeria/
https://nnl.com.ng/history/
https://leadership.ng/football-development-masterplan/ https://omojuwa.medium.com/its-not-just-football-it-s-development-adec535e632
https://www.premiumtimesng.com/sports/183607-interview-how-to-develop-football-in-nigeria-onigbinde.html?tztc=1
https://www.fifa.com/tournaments/mens/mensolympic/atlanta1996

Author

กมลธิชา จันทร์เอียด

หนูรู้สึกง่วงตลอดเวลา ยกเว้นตอนดู "ลิเวอร์พูล" ทีมรักของหนูลงแข่ง

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา