Feature

เฮนรี่ & วิลเลม : สองพี่น้องผู้พายเรือคายัคหนีนาซีข้ามทะเลนานกว่า 3 วัน เพื่อตามหาอิสรภาพครั้งยิ่งใหญ่ | Main Stand

นีลส์ เพเตอรี คิดถึงพ่อของตัวเองที่จากไปเมื่อ 15 ปีที่แล้วแทบทุกครั้งยามที่ได้เห็น “ชายหาด” แต่อย่างไรก็ดีด้วยความหลังในอดีตทำให้พ่อของเขาไม่ค่อยชอบที่จะเล่าเรื่องราวในอดีตสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เคยเผชิญให้ใครฟังสักเท่าไร แม้กระทั่งคนในครอบครัว

 


แต่เมื่อวันหนึ่ง เฮนรี่ คุณพ่อของ นีลส์ ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดหฤโหดให้เขาฟังเมื่อตอนอายุ 10 ขวบ มันก็ทำให้เขาในวัยเด็กถึงกับเปิดโลก แม้ว่าเรื่องที่คุณพ่อเล่าให้เขาฟังนั้นมันจะเป็นการเล่าแบบรวดเดียวจบและเป็นการเล่าครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็ตาม

นั่นคือเรื่องราวที่ เฮนรี่ พ่อของเขากับ วิลเลม อาของเขา ที่ตัดสินใจพายเรือคายัคลำเล็กข้ามน้ำข้ามทะเลนานกว่า 3 วัน จาก เนเธอร์แลนด์ สู่ อังกฤษ เพื่อตามหาอิสรภาพ หลังประเทศเนเธอร์แลนด์ถูกกองทัพนาซีเข้ารุกรานประเทศจนเกิดการอพยพครั้งใหญ่

Main Stand ขอพาทุกคนไปพบกับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยการแสวงหาความเป็นอิสรภาพและความกล้าหาญ จากการตัดสินใจอันบ้าบิ่นของสองพี่น้อง เพเตอรี ได้ที่นี่…

 

อยู่ไม่ไหว

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ราวปี 1940 กองทัพนาซีเยอรมันได้ประกาศศักดาของตนด้วยการบุกเข้าโจมตีประเทศเพื่อนบ้านและประเทศใกล้เคียงจนเกิดภาวะสงครามไปทั่วยุโรป หนึ่งในชาติยักษ์ใหญ่อย่าง เนเธอร์แลนด์ ก็ไม่รอดที่จะถูกรุกรานไปด้วย เมื่อกองทัพนาซีได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดลงไปจนเกือบทั่วแผ่นดินดัตช์ จนมีประชาชนบาดเจ็บล้มตายกันไปมาก ก่อนจะยึดประเทศได้โดยใช้เวลาไม่นาน

แม้แต่รัฐบาลก็ต้องอพยพออกไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ต่างประเทศ เช่นเดียวกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ดัตช์ก็ต้องลี้ภัยไปยังประเทศอังกฤษ เพื่อเป็นการตั้งหลักในยามที่ประเทศเกิดภาวะคับขัน

อย่างไรก็ดีถึงประชาชนชาวเนเธอร์แลนด์จะออกมาสรรหาวิธีการต่อต้านนาซีกันมาตลอด ซึ่งวิธียอดนิยมก็คือการเป็นสายลับปล่อยข่าววงในของนาซีออกไปให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ถูกจับได้และถูกส่งเข้าค่ายกักกัน จนนำไปสู่การเกิดการชุมนุมครั้งใหญ่ในกรุงอัมสเตอดัม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1941 เพื่อขับไล่นาซี แต่มันก็ไม่เกิดผลใด ๆ เลย

เช่นเดียวกับ เฮนรี่ เพเตอรี ที่ในขณะนั้นอายุ 22 ปี และกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย Delft University of Technology ก็เป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ของยุคที่ออกมาต่อต้านนาซีด้วยวิธีการต่าง ๆ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน จนเจ้าตัวตัดสินใจที่จะอพยพลี้ภัยออกนอกประเทศ จนวันหนึ่งเขาก็ได้ไปพบกับเรื่องราวการอพยพของเหล่าชาวบ้านริมทะเลที่แอบหนีออกไปด้วยเรือประมง นั่นทำให้ตัวเขาเกิดความหวังครั้งยิ่งใหญ่

แต่ใช่ว่าวิธีนี้จะได้ผล 100% เพราะมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่ทำการอพยพไม่สำเร็จ ก่อนถูกกองทัพนาซีจับตัวได้และส่งเข้าค่ายกักกัน นั่นทำให้ เฮนรี่ ผุดไอเดียเปลี่ยนจากเรือประมงไปเป็นเรือคายัคลำเล็ก ๆ แทน เนื่องจากเรือคายัคจะมีขนาดที่ไม่สะดุดตาแถมยังเนียนไปกับคลื่นทะเล จนยากที่กองเรือเยอรมันจะตรวจจับได้

และเมื่อเริ่มวางแผน เขาก็ชักชวนน้องชาย วิลเลม ให้มาเสี่ยงเอาชีวิตรอดไปด้วยกัน 

 

ปฏิบัติการ

เฮนรี่ และ วิลเลม รวมเงินซื้อเรือคายัคแบบพับได้ที่ผลิตในเยอรมนีจากเมืองรอตเตอร์ดัม ก่อนเดินทางไปยังบ้านพักตากอากาศในหมู่บ้านคัตไวค์ จังหวัดเซาธ์ฮอลแลนด์ ที่ซึ่งพวกเขาเคยไปพักร้อนมาก่อน และพวกเขาก็เริ่มประกอบเรือกันที่นั่น

แต่การเดินทางครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะสองพี่น้อง เพเตอรี ได้เข้าร่วมขบวนการ อิงเงอลันด์วาร์เดอร์ส (Engelandvaarders) ที่แปลว่ากะลาสีเรืออังกฤษ ที่มีสมาชิกกว่า 2,000 คน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่พยายามเดินทางจากเนเธอร์แลนด์ไปยังประเทศอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยส่วนมากจะอพยพทางทะเล

อย่างไรก็ดีหลายคนจมน้ำ ถูกจับ หรือถูกนาซียิงขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ส่วนผู้ที่เดินทางสำเร็จนั้นมักไปสมัครเป็นทหารในกองทัพสหราชอาณาจักรหรือกองทัพเนเธอร์แลนด์ แต่บางคนก็เลือกไปทำงานบนเรือพาณิชย์ นอกจากนี้ยังมีพวกที่เดินทางกลับไปยังประเทศตัวเองเพื่อเป็นสายลับ ซึ่งก็ถูกนาซีจับได้เกือบครึ่งหนึ่ง

ตัดมาที่สองพี่น้องเพเตอรี เมื่อเรือคายัคของพวกเขาประกอบสำเร็จในเดือนกันยายนปี 1941 ก่อนจะถือฤกษ์ออกเดินทางกันในช่วงกลางเดือน แต่อย่างไรก็ดีเมื่อเดินทางออกมาได้ไม่ไกลพวกเขาก็นึกขึ้นได้ว่าต่อชิ้นส่วนไม่ครบจนทำให้เรือจมกลางทะเล แต่ด้วยความที่ยังออกมาไม่ไกลมากพวกเขาจึงกลับไปตั้งหลักใหม่อีกครั้งที่หมู่บ้าน

และในครั้งที่สองนี้เองเรือคายัคของพวกเขาก็ประกอบเสร็จสมบูรณ์และออกเดินทางในช่วงค่ำคืนของวันที่ 19 กันยายน 1941 ทั้งคู่พายเรือคายัคกันอย่างทรหดบนทะเลต่อเนื่องนานกว่า 56 ชั่วโมงจาก เนเธอร์แลนด์ ไปยัง อังกฤษ โดยที่พกแค่เข็มทิศมา 2 อัน (อีกอันทำตกกลางทะเลระหว่างเดินทาง) กับเสบียงติดตัวมาเล็กน้อยเท่านั้น 

การเดินทางมาถึงวันที่ 21 กันยายน 1941 พวกเขาสังเกตเห็นทุ่นลอยน้ำเขียนว่า "Sizewell" (ไซส์เวลล์) ซึ่งเป็นชื่อของหมู่บ้านชาวประมง ริมชายฝั่งมณฑลซัฟฟอล์ก ประเทศอังกฤษ พวกเขาจึงได้รู้ว่าเดินทางมาถึงที่หมายแล้ว

นีลส์ เล่าว่าคนแรกที่พ่อกับอาเขาเห็นคือตำรวจ พวกเขาตะโกนถามว่าขอจอดเรือได้ไหม ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นฝั่งแล้วไปที่สถานีตำรวจในเมืองลีสตัน และหลังจากทางการอังกฤษสอบสวนเสร็จก็ได้ทำการปล่อยตัวพวกเขา โดยสองพี่น้อง เพเตอรี เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ได้การต้อนรับจาก วิลเฮลมินา พระราชินีแห่งเนเธอร์แลนด์ ซึ่งทรงประทับอยู่ที่กรุงลอนดอนในช่วงสงคราม และทรงเป็นประมุขของรัฐบาลพลัดถิ่น

อย่างไรก็ดีในภายหลัง เฮนรี่ และ วิลเลม ก็ทราบว่าพวกเขาเป็นสองใน 8 คนที่รอดชีวิตจากทั้งหมด 32 คนในขบวนการ อิงเงอลันด์วาร์เดอร์ส ที่พยายามพายเรือคายัคข้ามมาอังกฤษ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 

 

หลังอิสรภาพ

จากตอนนั้นจนสงครามสิ้นสุด เฮนรี่ เข้ามาเป็นนาวิกโยธินประจำเรือ เอชเอ็มเอส ยาค็อบ ฟาน เฮมส์แคร์ก (HMS Jacob van Heemskerck) ที่มีหน้าที่คอยอารักขาเรือพาณิชย์ในมหาสมุทรแอตแลนติก แปซิฟิก และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งต่อมาเขาก็ได้รับการประดับเหรียญกล้าหาญถึง 2 ครั้งด้วยกัน

แต่ วิลเลม ที่เข้าร่วมกองทัพเรือของเนเธอร์แลนด์ สังกัดเรือ MGB 78 ถูกนาซียิงจมลงเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมในปีเดียวกัน ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกพัดไปขึ้นบนชายฝั่งเนเธอร์แลนด์ และถูกนาซีจับตัวได้แล้วส่งไปจำคุกที่กรุงเบอร์ลิน ก่อนส่งต่อไปยังค่ายกักกัน ซึ่งเขาก็อยู่ที่นั่นจนจบสงครามโลกครั้งที่ 2

ส่วน เฮนรี่ ก็ย้ายกลับไปบ้านเกิดที่เนเธอร์แลนด์ ในปี 1946 และทำงานให้บริษัทยูนิลิเวอร์ จนกระทั่งช่วงทศวรรษที่ 1970s เฮนรี่ก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายงานบริษัทแล้วลาออกมาเป็นนักประดิษฐ์ก่อนที่เขาจะคิดค้นก๊อกน้ำที่สามารถเลือกเปิดน้ำร้อนและน้ำอุณหภูมิปกติได้ในก๊อกเดียวกันที่มีชื่อว่า คูกเกอร์ (Quooker) และเปิดตัวไปเมื่อปี 1992 ก่อนจะกลายมาเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนยอดนิยมประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ในเวลาต่อมา

ต่อมาในช่วงปี 2000 เฮนรี่ และ นีลส์ ลูกชายของเขาได้วางแผนที่จะสร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์พายเรือคายัคสุดหฤโหดครั้งนั้น รวมถึงเป็นการไว้อาลัยให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตระหว่างอพยพจากเนเธอร์แลนด์มายังอังกฤษทางทะเล อย่างไรก็ดีเฮนรี่ได้เสียชีวิตลงในปี 2007 ทำให้เขาหมดสิทธิ์ที่จะได้เห็นอนุสาวรีย์ของตัวเอง

แต่แล้วในวันที่ 22 มิถุนายน 2009 เบทตี้ ภรรยาและลูก ๆ ของเฮนรี่ ได้ทำการเปิดตัวอนุสาวรีย์ขึ้นมาอย่างเป็นทางการบนชายฝั่งหมู่บ้านไซส์เวลล์ มณฑลซัฟฟอล์ก ประเทศอังกฤษ สถานที่ที่ เฮนรี่ และ วิลเลม พายเรือคายัคมาขึ้นฝั่งเมื่อ 68 ปีที่แล้ว เป็นประติมากรรมไม้พายสำริด 3 เล่ม โดยสองเล่มแรกแทนพี่น้อง เพเตอรี ส่วนเล่มที่ 3 ที่หักเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตระหว่างการอพยพ

โดย นีลส์ เล่าว่าไม้พายของอนุสาวรีย์นี้หล่อขึ้นจากไม้พายจริงที่พ่อและอาเขาใช้ และนอกจากไม้พายแล้วเรือคายัคของพวกเขาทั้งลำได้ถูกนำไปจัดแสดงที่บริษัทประจำตระกูล เพเตอรี ที่ก่อตั้งในภายหลัง

"เป้าหมายคือรักษาความทรงจำของผู้ที่พยายามออกเดินทางในครั้งนั้น ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม" นีลส์ เพเตอรี กล่าวถึงอนุสาวรีย์แห่งนี้

"ทุกครั้งที่เราไปที่ชายหาด ผมจะคิดถึงประสบการณ์ของพ่อ มันค่อนข้างน่ากลัวถ้าลองนึกภาพดูเขาเล่าให้ผมฟังว่าตั้งแต่ประเทศถูกนาซีเข้ายึดครองเขาไม่เคยรู้สึกเป็นอิสระเท่าวันที่อยู่ในคุกที่อังกฤษคืนแรก" นีลส์ กล่าวกับ BBC ถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น

 

ที่มา :

https://www.bbc.com/news/uk-england-suffolk-57205877
https://www.suffolklive.com/news/history/dutch-brothers-who-kayaked-netherlands-6099912
https://dirkdeklein.net/2017/04/20/han-en-willem-peteri-wwii-canoe-journey-to-england/
https://nl.wikipedia.org/wiki/Henri_Peteri
https://en.wikipedia.org/wiki/Engelandvaarder

Author

ทรงศักดิ์ ศรีสุข

"พาผมไปส่งบขส.หน่อยครับ"