Feature

เมื่อเขาบอกว่าคุณเป็น "ดีลยอดแย่" : การพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งของ เมสัน เมาท์ | Main Stand

เมสัน เมาท์ รู้ดีว่าเสียงวิจารณ์คือส่วนหนึ่งของอาชีพนักฟุตบอล แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรับมันไหว โดยเฉพาะเมื่อเสียงเหล่านั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวเข้ามาในสโมสรใหม่ พร้อมค่าตัวมหาศาล, ภาระความคาดหวัง และความสงสัยมากมายที่ถาโถมใส่เขา ในทันทีที่สวมเสื้อหมายเลข 7 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


Main Stand ขอพาไปสำรวจ 3 ช่วงเวลาสำคัญที่บอกเล่าการต่อสู้ ความอดทน และการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งของ เมสัน เมาท์ 

 

เขาบอกว่าคุณคือดีลยอดแย่ 

ซัมเมอร์ปี 2023 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจจ่าย 60 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว เมสัน เมาท์ จากเชลซี พร้อมค่าเหนื่อย 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ 

นับจากดีลนั้นจบลง กระแสการวิจารณ์ก็เกิดขึ้นทันที หากยังจำกันได้ ถึงขั้นมีการแซวกันด้วยประโยคแรง ๆ อย่าง "มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้" เกิดขึ้นกับ เมาท์ ในเวลานั้น เพราะหากพิจารณาดี ๆ แล้ว เมาท์ เหลือสัญญาเพียง 1 ปี กับต้นสังกัดเดิมอย่าง เชลซี หากรออีกนิด เขาจะกลายเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์ในซัมเมอร์ปี 2024

สิ่งนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า นี่คือดีลที่ "โอเวอร์เพย์" (แพงเกินจริง) หรือไม่ อีกทั้งเรื่องของความจำเป็นในการซื้อกองกลางตัวรุกอย่าง เมาท์ ทั้ง ๆ ที่ทีมมี บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นกัปตันและ No.1 ประจำทีมในตำแหน่งนี้อยู่แล้ว ขณะที่ ปีศาจแดง ในเวลานั้นก็มีปัญหาอื่นให้ซ่อมด่วนกว่า โดยเฉพาะตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ที่ ณ เวลานั้นคือจุดอ่อนของทีมอย่างเห็นได้ชัด 

นักวิเคราะห์และอดีตนักเตะหลายคนออกมาพูดตรงกันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จ่ายแพงเกินไปกับความไม่แน่นอนของ เมาท์ อย่างพร้อมเพรียง

เจมี่ คาร์ราเกอร์ บอกว่าเขาเป็น "นักเตะที่ดี แต่ไม่ใช่ดีลที่คุ้มค่า ในสถานการณ์ที่เหลือสัญญาแค่ปีเดียว" ขณะที่ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ วิเคราะห์ว่า "เมาท์ ไม่ได้มีอิมแพ็กต์ระดับที่สามารถพา แมนฯ ยูไนเต็ด ยกระดับในทันที แต่ทีมกลับยอมจ่ายราคาแบบดีลซูเปอร์สตาร์" 

ในกลุ่มแฟนบอลเอง กระแส "ดีลยอดแย่" เกิดขึ้นทันที ตั้งแต่ราคาที่สูงเกินจริง ในสภาพทีมที่ยังหาตัวตนไม่เจอ และคำถามสำคัญว่า ทำไมต้องซื้อเขาในตอนนั้น? มันคือจุดเริ่มต้นของการพิสูจน์ตัวเองที่ยากที่สุดในชีวิตของ เมสัน เมาท์

 

2 ปีแรกที่แย่จนต้องยอมรับ

ในเวลานั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ในมือของ เอริก เทน ฮาก มักจะเล่นในระบบ 4-2-3-1 ซึ่งตำแหน่งหมายเลข 10 เป็นของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส แบบเบ็ดเสร็จ เมาท์ จึงต้องขยับลงมาเล่นกองกลางคู่กลาง หรือบางครั้งถูกรับบทเป็นปีกในสถานการณ์เฉพาะกิจ และนั่นเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดีแบบที่ทุกคนแทบไม่ต้องมาเถียงกันในเรื่องนี้เลย

เมาท์ ไม่ถนัดบทบาทนั้น เขาเสียพื้นที่เล่นด้านบนที่ใช้สัญชาตญาณ และต้องแบกภาระเกมรับมากเกินไป ครั้น เทน ฮาก ปรับระบบเป็น 4-3-3 เมาท์ ก็ยังเล่นเป็นเบอร์ 8 เต็มรูปแบบไม่ได้ เพราะตำแหน่งนี้ต้องใช้ความฟิตในการวิ่งขึ้นลงมากกว่าตำแหน่งอื่น ๆ ซึ่ง เมาท์ ในเวลานั้นต้องใช้คำว่า "ฟิตไม่ถึง" ด้วยร่างกายที่เจ็บออด ๆ แอด ๆ มาตั้งแต่ตอนที่เล่นให้ เชลซี แล้ว 

เรื่องนี้สะท้อนผ่านสถิติแย่ ๆ ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการลงเล่นรวมน้อยกว่า 30 เกมภายในระยะเวลา 2 ปีแรก แถมยังมีบางจังหวะที่ต้องพักรักษาตัว 3-4 เดือนให้เห็น ส่วนเรื่องการมีส่วนร่วมกับประตู ทั้งการยิงและแอสซิสต์ก็น้อยมาก รวมกันแล้วไม่ถึงเลข 2 หลักด้วยซ้ำ และเมื่อเจาะเข้าไปที่จุดแข็งของเขา คือการเคลื่อนที่ในแดนบน และวิ่งไล่ล่าฟุตบอลจากแนวรับคู่แข่ง ก็ตกไปมากหากเทียบกับตอนที่เขาเล่นให้กับ เชลซี

แค่ 2 ปีก็เหมือนจะมากพอที่แฟนบอลของ ยูไนเต็ด หลายคนตัดสินว่า เมาท์ "หมดสภาพแล้ว" เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาฟอร์มดีจริง ๆ คือช่วงก่อนศึก ยูโร 2020 (ที่แข่งขันในปี 2021) โน่นเลย

ทางเลือกของ เมาท์ แทบจะเหลือแค่ 2 อย่าง นั่นคือการอยู่รับค่าจ้างแพงระยับจนหมดสัญญา หรือพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อกลับมาพิสูจน์ตัวเองว่า คุณค่าของเขามีมากกว่าเป็นนักเตะหมดสภาพและนอนรับเงินไปวัน ๆ พร้อมกับศรัทธาจากแฟนบอลที่ลดลงเป็นเงาตามตัว ... โชคยังดีสำหรับเขา ท้ายที่สุดแล้ว เทน ฮาก ต้องพ้นจากตำแหน่งสังเวยผลงาน และ แมนฯ ยูไนเต็ด เลือก รูเบน อโมริม กุนซือผู้ใช้ระบบ 3-4-2-1 เข้ามาทำงานแทน

แม้ อโมริม ไม่ได้เป็นกุนซือที่คุมทีมผีแดงแล้วมีผลงานดีมากนัก และทุกวันนี้ก็ยังมีคำถามว่าเขาคือ "โค้ชที่ใช่" ของทีมจริง ๆ หรือไม่ ... แต่สำหรับ เมสัน เมาท์ การมาของ อโมริม เหมือนตั๋วใบสุดท้ายที่เปิดโอกาสให้เขาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ด้าน 

อย่างแรกเลย คือเมื่อมีโค้ชมาใหม่ ผู้เล่นแทบทุกคนในทีม จะต้องกลับมาเริ่มนับ 1 พร้อม ๆ กัน ดังนั้น เมาท์ ที่แทบจะเป็นนักเตะที่แปลกแยกจากทีมชุดเดิมของ เทน ฮาก จึงรู้ดีว่า เขาต้องฉกฉวยโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้ และโชคดีที่ระบบของ อโมริม ก็ต้องการนักเตะที่มีคุณสมบัติแบบที่เขาเป็นด้วย 

 

เคาะสนิม คืนความมั่นใจ 

อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น ผลงานของ อโมริม ล้มเหลวในช่วงซีซั่นแรกที่เข้ามาทำงาน แต่ระบบของเขา ต้องการนักเตะอย่าง เมาท์ พอดิบพอดี 

ตัวของ เมาท์ เองไม่ใช่นักเตะเพลย์เมคเกอร์ที่ควบคุมเกมรุกของทีมไว้ที่ตัวคนเดียว และไม่ใช่นักเตะประเภทสร้างช็อตมหัศจรรย์ด้วยลูกเล่นสวย ๆ เหมือนกับเพลย์เมคเกอร์พิมพ์นิยม แต่ เมาท์ เป็นผู้เล่นแบบที่ "เอาตัวเองเข้าไปสู่ระบบของทีม" และเล่นตามที่โค้ชสั่งได้ดี ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีความฉลาดหลักแหลมทางแท็คติก เข้าใจรูปแบบการเข้าทำและหาพื้นที่ว่าง หรือโดยสรุปก็คือ เมาท์ เป็นนักเตะที่สามารถดึงศักยภาพที่ดีที่สุดจากเพื่อนร่วมทีมรอบ ๆ ตัวของเขาได้ 

นั่นคือจุดเด่นที่ทำให้เขาถูกมองว่าเป็น "ลูกรัก" ของกุนซือหลายคนที่เคยร่วมงานด้วย ทั้ง แฟรงค์ แลมพาร์ด, โธมัส ทูเคิล, แกเร็ธ เซาธ์เกต และแน่นอนว่า เขาก็เป็นคนโปรดของ อโมริม ด้วย 

ช่วงท้ายของซีซั่น 2024-25 เมาท์ ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องด้วยการลงสนาม 14 นัดในช่วงเวลาดังกล่าว แน่นอนว่าเขายังไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก แต่นี่เหมือนเป็นการเคาะสนิมครั้งใหญ่ของเขา ที่เกรอะกรังมาจากการขาดเกมอย่างมากในช่วง 2-3 ปีหลัง และการเคาะสนิมครั้งนั้น ส่งผลถึงช่วงออกสตาร์ทซีซั่น 2025-26 ที่เขาเริ่มฉายแววความเด่น และกลายเป็นคนสำคัญในระบบ 3-4-2-1 มากขึ้นเรื่อย ๆ 

"การได้เล่นต่อเนื่องในท้ายซีซั่นที่แล้ว ทำให้ผมมั่นใจขึ้นเยอะมาก มันสำคัญมาก เพราะผมแทบไม่เคยได้เล่นต่อเนื่องมาก่อน โอกาสนั้นเปลี่ยนแปลงผม และทำให้ผู้คนรู้สึกว่า 'เอาล่ะ ฉันก็ทำได้' บางทีเรื่องหัวใจมันก็เกี่ยวข้อง และส่งผลไปถึงเรื่องอื่น ๆ เพราะผมคิดว่าร่างกายของผมก็ค่อย ๆ กลับมาดีเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง" 

"ผมรู้สึกดีกว่าเดิมมาก สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในปีก่อนช่วยผมได้มาก ผมจะทำสิ่งนั้นต่อไปในปีนี้ และจะเพิ่มสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อก้าวไปอีกระดับด้วย" เมาท์ กล่าวหลังลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2025-26 นัดเปิดสนามที่แพ้ อาร์เซน่อล 0-1 

ความมั่นใจของ เมาท์ เกิดขึ้นแล้ว มีรายงานว่าเขาได้คุยกับ โธมัส ทูเคิล อดีตเจ้านายของเขาที่ เชลซี ซึ่งปัจจุบันคุมทีมชาติอังกฤษอยู่ โดย ทูเคิล มองว่า เมาท์ ยังมีโอกาสในการลุ้นไปฟุตบอลโลก 2026 เพียงแต่เขาต้องทำแบบที่ตัวเองบอกให้ได้นั่นคือการเรียกฟอร์มเก่งกลับมา และยืนระยะลงสนามให้ได้อย่างต่อเนื่อง ... ซึ่งดูเหมือนว่ามันกำลังเกิดขึ้นกับเขาแล้วในตอนนี้ 

 

ระบบและคาแร็คเตอร์

เมาท์ เชื่อว่า เขาได้รับประโยชน์จากประสบการณ์การเล่นให้กับ เชลซี และทีมชาติอังกฤษ ในระบบที่คล้ายคลึงกับระบบของ รูเบน อโมริม ที่ ยูไนเต็ด 

"แน่นอนว่าผมเคยมีประสบการณ์การเล่นในรูปแบบของ อโมริม และฟุตบอลแบบนี้มาก่อน ดังนั้น การนำความรู้และประสบการณ์ของผมมาสู่ทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ อโมริม เข้ามา ผมคิดว่ามันเป็นประโยชน์มากสำหรับผม รูปแบบและการเคลื่อนไหวต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี" 

"ผมรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าเขาต้องการอะไร และในเกมการแข่งขัน ผมก็แค่พยายามทำสิ่งนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแน่นอนว่าผมช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมด้วย ถ้าเป็นนักเตะดาวรุ่งที่เข้ามาฝึกซ้อม และบางทีพวกเขาอาจไม่เข้าใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่าง ด้วยประสบการณ์ของผม ผมสามารถช่วยพวกเขาได้" เมาท์ ยืนยันว่า "ดับเบิล 10" คือระบบที่เหมาะกับเขาเป็นอย่างยิ่ง

มีอดีตนักเตะของ ยูไนเต็ด หลายคน ออกมาพูดเชิงบวกถึง เมาท์ ในเวอร์ชั่น 2025-26 เริ่มที่ เวย์น รูนี่ย์ ที่บอกว่า เขาทราบข่าวมาว่า เมาท์ ลดวันพักร้อนเพื่อกลับมาซ้อมกับทีมเร็วขึ้น ขณะที่ช่วงปรีซีซั่น เขาไม่เคยขาดซ้อมเลยแม้แต่วันเดียว 

ขณะที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็ออกมาชมว่า “ผมชอบสิ่งที่เห็นจาก เมสัน เมาท์ มาก ๆ ทั้งตอนอยู่ในและนอกกรอบเขตโทษ ในกรอบเขตโทษมันชัดอยู่แล้วว่าเขามักจะหาโอกาสยิงได้ดี แต่นอกเขตโทษนี่แหละที่มันสำคัญจริง ๆ"

"ความสามารถและความฉลาดในการเคลื่อนที่และวิ่งเมื่อทีมมีบอล และตอนที่ทีมไม่ได้ครองบอล ผมคิดว่ามันแตกต่างจากทุกอย่างที่ทีมชุดนี้มี นั่นคือเหตุผลที่เราจะได้เห็นเขาลงเล่นมากขึ้น นั่นก็เพราะเขานำสิ่งที่แตกต่างมาสู่ทีมยังไงล่ะ" 

ในซีซั่น 2025-26 นี้ เมาท์ ได้ลงสนามไป 12 นัด และยิงไป 3 ประตู จากเกมทั้งหมด 15 เกม ที่สำคัญ สภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาก ไม่มีชื่อในทีมเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น (เกมเยือน แมนฯ ซิตี้) แม้ผลงานของทั้งทีมจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าดีมาก แต่ก็ต้องบอกว่าดีขึ้นกว่าในซีซั่นที่แล้วในระดับหนึ่ง และถ้าวัดกันที่การเล่นของเขาอย่างเดียว นี่คือ เมาท์ ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เขาย้ายทีมมาเลย 

การเล่นตำแหน่งถนัด ช่วยให้เขาโชว์จุดแข็งของตัวเองขึ้นมา ทั้งการเชื่อมบอล, การสร้างเกมรุก, การสอดขึ้นมาเป็นตัวจบสกอร์ และการเล่นเพรสซิ่งในแดนบนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ... ดูเหมือนว่าเขาจะเล่นได้เข้ากับตัวรุกของทีมคนอื่น ๆ ในเวลานี้อย่าง บรูโน่, มาเธอุส คุนญ่า และ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ มากกว่ากองหน้าธรรมชาติอย่าง เบนยามิน เชชโก้ และ โจชัว เซิร์กซี ด้วยซ้ำ 

ขณะที่ฝั่ง อโมริม ก็ออกมชมเขาบ่อย ๆ ว่า เป็นนักเตะที่ทัศนคติดี เล่นตามแท็คติกได้ แถมยังเป็นคนที่ฝึกซ้อมอย่างหนักและมีความเป็นทีมสูงมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ อโมริม คนแรกที่พูดถึงเขาในแง่นั้น เจ้านายเก่าของเขาแทบทุกคน ทั้ง แลมพาร์ด, ทูเคิล และ เซาธ์เกต ก็เคยพูดคล้าย ๆ กันกับที่ อโมริม พูดถึง เมาท์ 

"เขาเป็นผู้นำในทีม แต่เป็นผู้นำอีกแบบที่แตกต่างจาก ลิซานโดร มาร์ติเนซ เพราะ เมาท์ เป็นผู้นำด้วยการกระทำของเขาเอง ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ๆ เขายังคงเป็นคนเดิมเสมอ ทั้งเรื่องการฝึกซ้อม เรื่องการพูดคุย หรือการดูแลคนรอบตัวใน แคร์ริงตัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมต้องบอกว่าเขาเป็นนักเตะที่ดีมากจริง ๆ"

ตอนนี้สำหรับ เมาท์ เขาอาจจะกลายเป็น "ลูกรัก" ของ อโมริม คนต่อไป ด้วยการตอบสนองต่าง ๆ ตามที่โค้ชหนุ่มชาวโปรตุกีสบอก สิ่งสำคัญในตอนนี้ คือการพยายามใช้งานเขาอย่างระมัดระวัง ต้องดูแลเขาให้ดี และให้เขาพักบ้างในเกมที่เหมาะสม เพื่อให้เขาค่อย ๆ พัฒนาร่างกายขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลับสู่โหมด "ร่างทอง" ที่ทั้ง เมาท์, อโมริม และแฟน ๆ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งตารอ ... ไม่แน่ จาก "ดีลยอดแย่" เขากำลังกลายเป็น "นักเตะที่ทีมขาดไม่ได้" อย่างช้า ๆ อยู่ในตอนนี้ก็เป็นได้

ปัจจุบันวงการฟุตบอลอาจโหดร้าย ค่าตัวอาจถูกใช้ตัดสินนักเตะ เสียงวิจารณ์อาจหนักเกินกว่าที่ใครจะรับไหว แต่ เมสัน เมาท์ เลือกจะตอบโต้ด้วยการทำงานหนักและรอวันที่เหมาะสมเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

บางครั้งการเป็นนักฟุตบอลไม่ได้ถูกตัดสินจากช่วงเวลาที่ดีที่สุด แต่เป็นการลุกขึ้นมายืนให้ได้ในวันที่ทุกคนคิดว่าคุณหมดอนาคตแล้วต่างหาก 

และวันนี้ เมาท์ กำลังตอบคำถามข้อเดิมด้วยผลงานของตัวเองว่า "จะตัดสินว่าเป็น 'ดีลยอดแย่?' รอดูตอนผมกลับมาแล้วกัน"

 

แหล่งอ้างอิง : 

https://en.wikipedia.org/wiki/Mason_Mount
https://www.manutd.com/en/news/detail/mason-mount-feels-better-than-ever-heading-into-2025-26-season
https://www.nytimes.com/athletic/6559854/2025/08/18/mason-mount-manchester-united-managers-value/
https://www.goal.com/en/lists/mason-mount-reborn-man-utd-does-bench-beckon-star-signing-matheus-cunha/blt8db9ef00148d5a2a
https://www.reddit.com/r/reddevils/comments/1mcbeqg/rob_dawson_man_uniteds_mason_mount_eyes_england/?tl=th&rdt=36941
https://www.transfermarkt.com/mason-mount/leistungsdaten/spieler/346483

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ