Feature

ถ้าไทยต้องเล่นสไตล์เม็กซิโก : เป็นได้แค่ไหนกับ "ช้างศึก" แบบ "จังโก้ เวย์" ? | Main Stand

อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ โค้ชจอมเก๋าของโรงเรียนหมอนทองวิทยา เพิ่งออกมาพูดว่า สไตล์ที่เหมาะกับบอลไทยที่สุดคือ "สไตล์เม็กซิโก" ซึ่งเต็มไปด้วยผู้เล่นที่ตัวเล็กแต่คล่อง และมีรูปร่างไม่ต่างจากนักเตะไทย

 

คำถามคือ ฟุตบอลของเม็กซิโกคืออะไร ? พวกเขามีปรัชญาอะไร และทำไมนักเตะของพวกเขาที่รูปร่างพอ ๆ กับนักเตะไทย จึงสามารถต่อกรกับทีมระดับโลกได้ ? 

และที่สำคัญทีมชาติไทยจะไปถึงจุดนั้นได้ไหม ? หาคำตอบไปกับ Main Stand  

 

ทีมชาติไทยกับ ไทยแลนด์ เวย์  

ในขณะที่เรายังไม่รู้แน่ชัดว่า "ไทยแลนด์ เวย์" ณ ตอนนี้คืออะไรกันแน่ เพราะภาพที่เกิดขึ้นยังไม่ชัด และสิ่งที่เราเห็นมักจะอยู่ในกระดาษ บนเว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดีย มากกว่าการเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ในสนาม 

หากพูดถึง ไทยแลนด์ เวย์ ต้องย้อนกลับไปราว ๆ ปี 2018 สมัยที่ "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล นั่งตำแหน่งประธานเทคนิคของสมาคมฟุตบอลไทย ซึ่งช่วงเวลานั้นได้มีการเผยแนวคิด 11 ข้อที่เป็นพื้นฐานของไทยแลนด์ เวย์ ออกมา 

ถ้าจะเล่นเก็บครบทั้ง 11 ข้อ ณ ตรงนี้ก็ดูจะเยิ่นเย้อเกินไป แต่พอจะสรุปให้เข้าใจในไม่กี่ประโยคได้ว่า ไทยแลนด์ เวย์ คือ "ฟุตบอลเชิงรุกที่กล้าเล่น ขับเคลื่อนด้วยความเร็ว เทคนิค และทีมเวิร์ก ซึ่งมีจิตใจนักสู้ ความฟิต และความเป็นผู้ชนะเป็นหัวใจหลัก เพื่อสร้างเอกลักษณ์การเล่นแบบไทยที่ทันสมัยและแข่งขันได้ในระดับสากล" 

ทุกวันนี้ทีมชาติไทยได้เล่นตามหลักสูตร "ไทยแลนด์ เวย์" นั้นหรือไม่ ? ... นั่นคือสิ่งที่ยากจะตอบให้ชัด ขณะที่โค้ชเฮงผู้คิดค้นหลักสูตรก็ไม่ได้มีตำแหน่งในสมาคมแล้ว และบางที คุณอาจจะต้องใช้มุมมองของคุณตัดสินเองว่าทีมชาติไทยกำลังใช้เวย์ไหนอยู่  

แต่ที่แน่ ๆ แอนโธนี่ ฮัดสัน กุนซือทีมชาติไทยคนใหม่เพิ่งบอกว่าเขาจะนำตำรา ไทยแลนด์ เวย์ ที่มีชีวิตอยู่แค่ในกระดาษมาหลายปี ให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงให้ได้ 

ฮัดสัน ได้บอกว่าเขาจะพยายามเอาแนวคิดของ ไทยแลนด์ เวย์ มาใช้ เพื่อทำให้โค้ชทุกคนในไทยเห็นภาพเดียวกัน ทำงานไปในแนวทางเดียวกัน และจากนั้นก็มาปรับให้เขากับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนักเตะที่มีเพื่อหาจุดแข็งออกมาเป็นอาวุธสำคัญ 

แต่ปัญหาของ ไทยแลนด์ เวย์ ในตอนนี้ก็คือเรายังไม่สามารถวัดผล หรือเห็นภาพของสิ่งนี้ชัด ๆ ได้ แม้ ฮัดสัน บอกว่าเขาจะใช้แนวทางนี้ แต่ก็ต้องไปไม่ลืมว่า ฮัดสัน ยังไม่ทันได้เริ่มคุมทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการเลยสักเกม และกว่าที่เราจะรู้ว่าไทยแลนด์ เวย์ ในชีวิตจริงสามารถเอามาปรับใช้ในสนามได้แค่ไหน ก็คงต้องให้เวลาเขาพิสูจน์กันก่อน และคงไม่ใช่ช่วงเวลาแค่ 3-4 เกมที่เราจะเห็นภาพของ ไทยแลนด์ เวย์ ชัด ๆ แน่นอน  

ดังนั้นในระหว่างนั้น เราจะย้อนไปดูบทสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับ "เม็กซิโก เวย์" ที่ อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของ โรงเรียนหมอนทองวิทยา กล่าวในรายการ "เคลียร์ริมเส้น" ของ Thairath Sport ว่า "เหมาะกับนักเตะไทยที่สุด" เป็นอย่างไร ? ถ้านักเตะไทยลองเล่นแบบ เม็กซิโก เวย์ จะเป็นไปได้หรือไม่ ? 

 

เม็กซิโก เวย์ คืออะไร ?

เมื่อเราค้นหาเรื่องราวของ เม็กซิโก เวย์ เรากลับพบว่าสิ่งที่พยายามหามันไม่มีในพจนานุกรมของทีมชาติ เม็กซิโก แต่อย่างใด

เหตุผลเพราะมีการระบุว่าแท้จริงแล้วฟุตบอลเม็กซิโกไม่ได้มี “ปรัชญาเดียว” ที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาโดยทั่วไปคือการผสมผสานระหว่าง ความยืดหยุ่นทางแท็กติก, การให้คุณค่ากับเทคนิคส่วนบุคคล และการต่อสู้ระหว่างอัตลักษณ์ดั้งเดิมกับความทันสมัย ... ซึ่ง 3 ข้อนี้ ดูจะมีปลายทางคล้าย ๆ กับ ไทยแลนด์ เวย์ เพื่อต้องเทียบกันแบบคำต่อคำ

ในปัจจุบันภายใต้การคุมทีมของ ฮาเวียร์ อากีร์เร่ กุนซือจอมเก๋าที่รับตำแหน่งคุมทีม เม็กซิโก มาแล้วถึง 3 หน (2001-2002, 2009-10 และ 2024-ปัจจุบัน) ทีมชาติเม็กซิโกให้ความสำคัญกับการเล่นแบบ Positional Play เน้นการต่อบอลบนพื้น ดึงให้คู่แข่งเข้ามาบีบ แล้วเปลี่ยนฝั่งอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงพื้นที่และจำนวน

นอกจากนี้ เรื่องความดุดันไม่กลัวใคร มีความฟิตพร้อมไล่บี้ทีมใหญ่ตลอด 90 นาที และการเล่นหนักแบบถึงลูกถึงคน ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ เม็กซิโก ทุกชุด เป็นส่วนประกอบที่ทำให้ฟุตบอลของ เม็กซิโก มีทั้งความเร็ว และความดุดัน ในคราวเดียวกัน ซึ่ง อากีร์เร่ ก็ได้บอกว่า ปรัชญาฟุตบอล เม็กซิโก ในยุคของเขา คือเรื่องของความยืดหยุ่น และมอบแท็กติกที่เหมาะสมกับคุณภาพนักเตะที่มีมากที่สุด 

ส่วนเรื่องของความยืดหยุ่นและความทันสมัยนั้น ระบบฟุตบอลเม็กซิโกมักจะถูกมองว่าเป็นเหมือน “แฟรงเกนสไตน์เชิงกลยุทธ์” ที่หยิบยืมแนวคิดจากลีกต่างประเทศทั้งสเปน อังกฤษ อิตาลี รวมถึงจากกีฬาของอเมริกา เช่น ระบบเพลย์ออฟ แต่ยังขาดกรอบปรัชญาที่ชัดเจนของตัวเอง 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ เม็กซิโก ไม่เคยลืม และทำให้พวกเขาเป็นชาติระดับท็อป 20 หรือ 30 ของโลกมาโดยตลอดก็คือ ให้ความสำคัญกับระบบฟุตบอลเยาวชน ที่ทุกทีมในประเทศต้องมีทีมอคาเดมีของตัวเอง และแต่ละสโมสรจะใช้ระบบโครงสร้างเยาวชนแบบเดียวกันจากการสนับสนุนของ สหพันธ์ฟุตบอลเม็กซิโก (FMF) ตั้งแต่รุ่น U13, U15, U17 จนถึง U21 ที่มีลีกแข่งขันของตัวเองโดยเฉพาะ สโมสรใหญ่ ๆ อย่าง ปาชูก้า, เลออน, ซานโตส ลากูน่า, อัตลาส ให้ความสำคัญกับการปั้นเด็กของตัวเอง

นอกจากนี้ยังมีทีมใหญ่ในประเทศอย่าง ชีวาส กัวดาลาฮารา ที่มีนโยบายใช้แต่นักเตะเชื้อสายเม็กซิกันเท่านั้น ระบบเหล่านี้จึงทำให้ เม็กซิโก มีนักเตะท้องถิ่นให้เลือกใช้เยอะมาก และมีทีมเยาวชนที่แข็งแกร่งในแทบทุกรุ่นอายุ ซึ่งถ้าวัดในโซนคอนคาเคฟ พวกเขาถือเป็นเจ้าพ่อบอลเด็ก No.1 แห่งภูมิภาค 

ยกตัวอย่างเช่นทีม U17 คว้าแชมป์ทวีปไปถึง 5 จาก 9 สมัย นอกจากนี้ทีมชุด U23 ของพวกเขายังเคยคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ปี 2012 ที่ กรุงลอนดอน อีกด้วย

 

ไทยแลนด์ จะเป็นแบบ เม็กซิโก ได้ยังไง ? 

แม้แนวทางจะคล้าย ๆ ไทยแลนด์ เวย์ แต่สิ่งที่ เม็กซิโก เวย์ แตกต่างคือ ไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาได้ลงมือกับการพัฒนาระบบฟุตบอลในประเทศตั้งแต่รากหญ้าจนถึงระบบเยาวชนมาหลายปีแล้ว นั่นทำให้ทีมชาติชุดใหญ่ของพวกเขามีนักเตะหน้าใหม่ ๆ พร้อมจะขึ้นมาติดทีมตลอดเวลา 

แตกต่างกับ ไทยแลนด์ เวย์ ของเราที่ยังเห็นภาพไม่ชัด และยังไม่ได้เห็นระบบการสร้างเยาวชนให้เบ่งบานที่ยั่งยืนจริง ๆ มากนัก นั่นคือสิ่งที่แตกต่างกันจริง ๆ ในเวลานี้ 

เม็กซิโก ไม่ใช่มีแค่รากฐานที่แข็งแกร่ง และระบบลีกที่สร้างนักเตะหน้าใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ เท่านั้น พวกเขายังมีนักเตะเชื้อสายเม็กซิกัน อีกหลายคนที่เติบโตและเล่นฟุตบอลทั้งในยุโรป รวมถึงใน เมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ สหรัฐอเมริกา ตัวเลือกที่จะมาเสริมแกร่งให้กับทีมชาติชุดใหญ่จึงมากขึ้นไปอีก 

เอาเข้าจริง ถ้าประเทศไทยมีตัวเลือกเยอะ ๆ ที่แต่ละคนเติบโตมาจากรากฐานที่แข็งแกร่ง และมีระบบการเล่นที่สร้างมา เพื่อส่งต่อสู่ทีมชาติชุดใหญ่ ถึงตอนนั้นปลายทางไม่ว่าจะเล่นฟุตบอลแบบไหนก็ย่อมได้ทั้งนั้น 

เพราะแท็กติก และกลยุทธ์นั้นไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่สิ่งสำคัญที่โค้ชทุกคนในโลกต่างพูดตรงกันก็คือ "แท็กติกที่ดี คือแท็กติกที่สอดคล้องกับคุณภาพ และแนวคิดของนักเตะ" ... ดังนั้นปัญหาใหญ่ของ ไทยแลนด์ เวย์ ที่แตกต่างกับ เม็กซิโก แบบชัด ๆ คือ ณ ตอนนี้เรายังไม่สามารถสร้างนักเตะแบบเขาได้ทั้งเชิงคุณภาพ และปริมาณ 

ที่สุดแล้ว แม้จะมีการบอกว่าไทยเหมาะกับฟุตบอลในสไตล์เม็กซิโก แต่หากมองในโลกแห่งความจริงเราก็ยังตามหลังเขาอยู่หลายอย่าง และอาจจะต้องใช้เวลาหลายปี เพื่อไล่ตามทัน ... ทว่าการเปรียบเทียบ ไทย กับ เม็กซิโก ก็ถือว่าเป็นการเปรียบเทียบที่ดี เพราะมีอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกันโดยเฉพาะในแง่ของสภาพแวดล้อมในสังคม ซึ่งสำคัญมากในการทำให้เด็กคนหนึ่งก้าวจากคำว่า "พรสวรรค์" ไปสู่ระดับของ "มืออาชีพ" 

มิเกล โกเมซ โค้ชทีมชาติรุ่น U18 ของ เม็กซิโก พูดถึงปัญหาในระบบเยาวชนที่พวกเขาเจอมาตลอด ว่าเป็นเรื่อง "พรสวรรค์ที่หล่นหายกลางทาง" 

"เด็กเรามีของ แต่ครึ่งทางก่อนเป็นมืออาชีพ พวกเขาหลายคนหลงทาง เพราะปาร์ตี้ ผู้หญิง หรือการใช้ชีวิตที่ไม่พร้อมรับมือกับชื่อเสียง"

"สิ่งที่ขาด คือการปลูกฝังคุณค่าชีวิต เพราะสังคมเม็กซิกันทุกวันนี้พ่อแม่ต้องทำงานหนัก บีบให้เด็กต้องโตลำพัง และตัดสินใจผิดได้ง่าย นักเตะรุ่นใหม่บางคนได้ค่าเหนื่อยสูงตั้งแต่อายุ 18–19 ปี แล้วเริ่มคิดว่าตัวเองถึงจุดสุดยอด ทั้งที่ยังไม่ทันขึ้นทีมชุดใหญ่ดีด้วยซ้ำ" 

อีกสิ่งหนึ่งที่ ไทย กับ เม็กซิโก มีความกล้ายกันคือ เรื่องค่าเฉลี่ยส่วนสูงของนักเตะในทีมชาติ ... อย่างที่ อ.สกล ได้พูดว่า นักเตะทีมชาติไทยตัวเล็กพอ ๆ กับ เม็กซิโก ก็ถือว่าเป็นคำพูดที่ไม่เกินจริงไปนัก 

เพราะนับตั้งแต่ที่ อากีร์เร่ เข้ามารับงานได้ 1 ปีกว่า ๆ เขาเรียกนักเตะมาใช้งานในทีมชาติไป 51 คน มีค่าเฉลี่ยส่วนสูงนักเตะเม็กซิโกอยู่ที่ 178.4 เซนติเมตรเท่านั้น ส่วนทีมชาติไทยชุดปัจจุบันมีค่าความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 177.9 เซนติเมตร ถือว่าเป็นตัวเลขที่พอฟัดพอเหวี่ยงกันได้

อย่างไรก็ตาม แค่ความสูงใกล้กัน ไม่ได้หมายความว่าความแข็งแกร่ง ความเร็ว หรือคุณภาพการเล่นในสนามจะเท่ากัน เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ต้องย้อนกลับไปยังปัญหาคลาสสิก เรื่องของการสร้างนักเตะที่มีคุณภาพเข้ามาในระบบ การมีเวทีลีกในประเทศที่แข็งแกร่งให้เล่น และการส่งไปค้าแข้งในยุโรปหรือที่ต่าง ๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้ จะทำให้นักเตะแข็งแกร่ง รวดเร็ว และฟิตขึ้น เมื่อได้ซ้อมอยู่กับทีมที่มาตรฐานและคุณภาพสูง ซึ่งนักเตะเหล่านี้คือผู้สร้างความต่างในการแข่งขันได้จริง 

ซึ่งนั่นก็เป็นปัญหาที่เราต้องคิดต่อว่า เราจะสร้างนักเตะให้แข็งแกร่ง มีคุณภาพ และได้ออกไปเจอกับฟุตบอลที่มีดีกรีความเข้มข้นสูงมากกว่าทุกวันนี้ได้อย่างไร ... ถึงตอนนั้น ถ้าคุณภาพนักเตะพร้อมรบทั้งทีม ไม่ว่าจะใส่แท็กติกอะไรลงไปก็ไม่ใช่ปัญหา จะมาเวย์ไหนนักเตะก็พร้อมจะปรับตัวทั้งนั้น 

 

แหล่งอ้างอิง

https://thesefootballtimes.co/2018/07/02/turning-mexico-into-a-global-football-superpower-through-player-development/
https://www.huffpost.com/entry/mexicos-obsession-with-fo_b_5551701
https://football-tribe.com/thailand/2018/02/20/thailand-way/
https://uk.sports.yahoo.com/news/track-mexico-manager-javier-aguirre-151859074.html
https://www.nytimes.com/athletic/6537243/2025/08/19/modelo-finding-futbol-mexico-fan-soccer-culture/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ