ซูโม่ไม่ได้เป็นเพียงแค่กีฬาประจำชาติของญี่ปุ่น แต่เป็นดั่งจิตวิญญาณของพวกเขา … นักสู้ที่ขึ้นสังเวียนถูกยกย่องเปรียบดั่งนักรบอันทรงเกียรติ ที่ขึ้นห้ำหั่นกันบนสมรภูมิอันศักดิ์สิทธิ์
วันนี้การต่อสู้ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 1,500 ปีนี้ ได้ถูกถ่ายทอดให้ทั่วโลกได้เห็น โดย “ฮาคุโฮ โช” โยโกซึนะ ที่ถูกยกย่องว่าเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ในงาน “World Sumo Grand Slam” ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย
เพื่อเป้าหมายที่จะเผยแพร่จิตวิญญาณแห่งซูโม่สู่นานาชาติ ให้ทั่วโลกได้เห็นว่าซูโม่กำลังก้าวข้ามความเป็นกีฬาประจำชาติของญี่ปุ่น สู่การเป็นสัญลักษณ์แห่งการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและสันติภาพอย่างแท้จริง
จิตวิญญาณแห่งซูโม่ที่ ฮาคุโฮ โช ต้องการให้ทั่วโลกได้เห็นเป็นอย่างไร … ติดตามได้ที่ Main Stand
การต่อสู้อันทรงเกียรติ
ในสายตาของคนญี่ปุ่น การแข่งขันซูโม่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเอานักกีฬาตัวใหญ่สองคนขึ้นมาผลักกันบนเวทีเพื่อให้หลุดออกนอกวงกลมเท่านั้น
พวกเขามองว่านักกีฬาที่ขึ้นไปต่อสู้นั้น เปรียบเสมือนนักรบหรือตัวแทนผู้ส่งสารจากเทพเจ้าเลยทีเดียว โดยมีรากฐานมาจากการประลองในพิธีกรรมของชินโต เพื่อบรวงสรวงเทพเจ้าให้พืชผลอุดมสมบูรณ์
ที่สำคัญนักซูโม่ทุกคนล้วนผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด โดยนอกจากจะต้องใช้ชีวิต กิน นอน และฝึกฝนอยู่แต่ในค่าย เพื่อพัฒนาทักษะและความแข็งแกร่งของร่างกายอย่างมีวินัยแล้ว
นักซูโม่ยังต้องรักษากฎระเบียบที่เต็มไปด้วยธรรมเนียมและประเพณีอย่างเคร่งครัดทั้งในและนอกสนาม ราวกับเป็นหนึ่งในนักบวชของศาสนา
เวลาอยู่ในที่สาธารณะต้องสวมชุดยูคาตะตลอดเวลา และห้ามประพฤติตัวตามสบาย ต้องสงบนิ่ง พูดให้น้อยและเบาที่สุด, ห้ามขับรถ, ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงห้ามมีแฟนและไม่สามารถแต่งงานได้จนกว่าจะไต่เต้าขึ้นไปอยู่ดิวิชั่น 2 (จากทั้งหมด 6 ดิวิชั่น)
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักซูโม่ได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วไปและได้รับการก้มหัวแสดงความเคารพเมื่อออกมาเดินตามท้องถนน
ยามที่พวกเขาขึ้นสังเวียน ทุกคนจึงสัมผัสได้ถึงการต่อสู้อันทรงเกรียรติของนักรบที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างหนัก ด้วยท่วงท่าที่ดุดันน่าเกรงขามแต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม ภายใต้ภาพที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งผ้าเตี่ยวและทั้งทรงผมโบราณโออิโจ
นักซูโม่ที่สามารถก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดหรือที่เรียกว่า “โยโกซึนะ” ตำแหน่งเกียรติยศอันดับ 1 ของนักซูโม่ จึงได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีฝีมือที่เก่งกาจแล้วยังต้องประพฤติตัวให้เป็นที่ยอมรับด้วย
โดยโยโกซึนะที่ถูกยกย่องว่าเป็นนักซูโม่ที่เก่งที่สุดตลอดกาลก็คือ “ฮาคุโฮ โช” และเขามีเป้าหมายที่จะเผยแพร่และพัฒนาวัฒนธรรมอันทรงเกียรตินี้ไปทั่วโลก … โดยมีประเทศไทยเป็นแห่งแรก
ส่งต่อจิตวิญญาณสู่นานาชาติ
ฮาคุโฮ โช อดีตนักซูโม่ชาวมองโกเลียสัญชาติญี่ปุ่น เจ้าของตำแหน่งโยโกซึนะลำดับที่ 69 ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักซูโม่เก่งที่สุดตลอดกาล
ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีบนสังเวียน เขากวาดแชมป์มาแล้วทั้งหมด 45 รายการ ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ซูโม่ ทั้งแชมป์โยโกซึนะ 84 สมัย, แชมป์ระดับมาคุอุจิ 45 สมัย และคว้าชัยชนะตลอดอาชีพทั้งสิ้น 1,187 ไฟต์
ฮาคุโฮรู้ซึ้งถึงวัฒธรรมอันทรงเกียรติของซูโม่เป็นอย่างดี เพราะการจะอยู่ในระดับสูงสุดของกีฬานี้ได้อย่างยาวนานไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อคว้าชัยชนะให้ได้สม่ำเสมอแล้ว ยังต้องมีคุณสมบัติทั้งทางร่างกาย จิตใจ และเกียรติยศ เพื่อจะได้รับเลื่อนขั้น
เมื่อรีไทร์จากวงการ เขาจึงมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่สิ่งนี้ให้ทั่วโลกได้เห็นมากขึ้นด้วยตาตัวเอง และริเริ่มการจัดงาน “World Sumo Grand Slam” โดยมีเป้าหมายที่จะปลุกคุณค่าทางจิตวิญญาณดั้งเดิมของซูโม่ขึ้นใหม่ พร้อมขยายและพัฒนาวัฒนธรรมซูโม่ไปทั่วโลก ทำให้ซูโม่เป็น “ภาษากลางที่เชื่อมโยงโลก”
“ผมต้องการเผยแพร่สันติภาพและมิตรภาพผ่านพลังของกีฬา รวมถึงแสดงเจตนารมณ์ที่จะเผยแพร่จิตวิญญาณแห่ง ‘ความมีน้ำใจ’ และ ‘ความเคารพ’ ที่มีรากฐานมาจากประเพณีซูโม่”
“พร้อมแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะเผยแพร่จิตวิญญาณนี้สู่สังคมโลก ทัศนคตินี้ทำให้งานเต็มไปด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน” ฮาคุโฮ เผย
การที่อดีตโยโกสึนะลุกขึ้นมาจัดงานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติด้วยตนเองเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยาก และได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ
ที่สำคัญที่สุดก็คือครั้งแรกของการจัดงาน World Sumo Grand Slam ได้ถูกจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2025 ต้อนรับการแข่งขันซูโม่ชิงแชมป์โลก 2025 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 13-14 กันยายน
โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาคมซูโม่แห่งประเทศญี่ปุ่น (JSA) พร้อมด้วยบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ และกลุ่มไทยโตโยต้า รวมถึงการร่วมมือจากบริษัทต่าง ๆ มากมายทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังเป็นงานการกุศล โดยรายได้จากการจัดงานจะถูกนำไปสมทบเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาซูโม่ ตลอดจนการขับเคลื่อนซูโม่นานาชาติในอนาคตต่อไป
World Sumo Grand Slam
ภายในงาน World Sumo Grand Slam ครั้งแรกที่กรุงเทพฯ นอกจากจะได้ซีมซับประสบการณ์และความยิ่งใหญ่ของซูโม่จากปากของ ฮาคุโฮ โช แล้ว ยังมีนักกีฬาซูโม่ชื่อดังและผู้คนในวงการจากหลายประเทศเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
ก่อให้เกิดการร่วมมือกันระหว่างองค์กรซูโม่สมัครเล่นแต่ละองค์กร เพื่อเป้าหมายในการสร้างทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์สมัครเล่นระดับโลก โดยเปิดการแข่งขันแบบโอเพ่น ไม่คำนึงถึงเพศ อายุ หรือสัญชาติ ภายใต้ระบบการให้คะแนนและกฎเกณฑ์ที่ยุติธรรม
พร้อมกันนี้ยังมีการแนะนำตัวนักซูโม่ตัวแทนจากแต่ละประเทศที่จะลงแข่งขันในศึกชิงแชมป์โลก และพูดคุยกับนักกีฬาที่ถูกจับตามองว่าเป็นตัวเต็ง ไปจนถึงความคาดหวังต่อการกำเนิดแชมป์โลกคนใหม่ ด้วยเช่นกัน
ทำให้บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยการพบปะและพูดคุยอย่างเป็นกันเองระหว่างนักกีฬาต่างชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังของซูโม่ที่สามารถเชื่อมโยงผู้คนข้ามพรมแดนได้ และกลายเป็นเวทีที่ผู้คนได้สัมผัสถึงการหลอมรวมทางวัฒนธรรม
การจัดงานในครั้งนี้จึงนับเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ให้เห็นว่า ซูโม่มีพลังในการปลูกฝังมิตรภาพโดยไม่จำกัดพรมแดน ซึ่งการได้หลอมรวมจิตใจเป็นหนึ่งเดียวจะเป็นพลังสำคัญในการดำเนินกิจกรรมระดับนานาชาติต่อไปในอนาคต
วันนี้ “ฮาคุโฮ โช” โยโกซึนะที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า … ซูโม่กำลังก้าวข้ามความเป็นกีฬาประจำชาติของญี่ปุ่น สู่การเป็นสัญลักษณ์แห่งการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและสันติภาพอย่างแท้จริง