ชีวิตในบ้านของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่ได้มีแค่การซ้อม กินคลีน และนอนให้เพียงพอเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวฮา ๆ จากสองอดีตดาวรุ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง หลุยส์ นานี่ และ อันแดร์สัน อยู่ในความทรงจำด้วย
ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยได้เข้าไปใช้ชีวิตในบ้านเดียวกับ CR7 และต่างออกมาเล่าว่า การอยู่กับซูเปอร์สตาร์โปรตุเกสไม่ต่างอะไรจากการเข้า "ค่ายฝึกเข้ม" ส่วนโรนัลโด้เองก็มีมุมมองสุดขำปนจริงจังต่อสองรุ่นน้องคู่นี้เช่นกัน
โรนัลโด้ กลายเป็นพี่ใหญ่
ในฤดูกาล 2007-08 ถือเป็นช่วง "เริ่มสร้างยุคสมัยใหม่" ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การทำทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อีกครั้ง
เฟอร์กี้ พาทีมพลาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2003-04, 2004-05 และ 2005-06 ถ้าเป็นสมัยนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก (แน่นอนล่ะ พวกเขาไม่ได้แชมป์ลีกมา 10 กว่าปีแล้ว) แต่ถ้าย้อนกลับไปสมัยนั้น แค่ไม่ได้แชมป์ลีกสักปีก็ถือว่าเรื่องใหญ่มาก ๆ แล้วสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด
ดังนั้น เฟอร์กี้ จึงเปลี่ยนทีมใหม่ นักเตะซีเนียร์บางคนต้องออกจากทีม อาทิ รอย คีน, เดวิด เบ็คแฮม หรือ รุด ฟาน นิสเตลรอย ส่วนคนที่ก้าวขึ้นมาแบกทีม กลายเป็นดาวรุ่งที่เขาตั้งใจประคบประหงมเป็นอย่างดี นั่นคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เวย์น รูนี่ย์ ที่ต่างคนก็แตกต่างกันคนละขั้วสำหรับไลฟ์สไตล์นอกสนาม
ความพยายามของ เฟอร์กี้ สำเร็จด้วยดี แม้ โรนัลโด้ และ รูนี่ย์ จะมีประเด็นกันในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2006 (ช็อต "วิ้ง" ของ CR7 สู่ใบแดงของรูนี่ย์) แต่หลังจากที่ฤดูกาล 2006-07 เริ่มขึ้น ทั้งคู่ก็เล่นด้วยกันอย่างเข้าขา ต่างคนต่างรีดศักยภาพของยอดนักเตะออกมาจนช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ทวงความยิ่งใหญ่จาก อาร์เซน่อล และ เชลซี คว้าแชมป์ลีกมาครองได้ในท้ายที่สุด และการเสริมแกร่งด้วยนักเตะชั้นดีก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้น
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องการดาวรุ่งที่มีความสามารถสูง และมีคาแรกเตอร์ในสนามที่ไม่กลัวใครตามฉบับ แมนฯ ยูไนเต็ด และเขาก็ไปได้ตัว 2 ดาวรุ่งจากลีกโปรตุเกสอย่าง หลุยส์ นานี่ และ อันแดร์สัน มาร่วมทีม โดย นานี่ ปีกโปรตุกีส ย้ายมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน มีราคาราว ๆ 17 ล้านปอนด์ ส่วน อันแดร์สัน กองกลางบราซิล มาจาก ปอร์โต้ ในราคา 20 ล้านปอนด์
ในวันที่ทั้ง 2 คนย้ายมา โรนัลโด้ กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว และด้วยความที่เขาเป็นชาวโปรตุกีส ย้ายมาจากลีกโปรตุเกส ในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด มีนักเตะไม่กี่คนที่พูดภาษานี้ ดังนั้นหน้าที่ในการเป็นพี่เลี้ยงให้ 2 น้องใหม่จึงตกเป็นของเขา
พี่ใหญ่ พี่รอง น้องเล็ก
โรนัลโด้ สนิทกับ นานี่ มาก่อนแล้ว เนื่องจากเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันที่ สปอร์ติ้ง นอกจากนี้เขายังติดทีมชาติโปรตุเกสรุ่นไล่เลี่ยกันด้วย ส่วน อันแดร์สัน นั้นใหม่ถอดด้าม เพิ่งย้ายจาก เกรมิโอ มาเล่นกับ ปอร์โต้ ได้ไม่นาน แต่ด้วยนิสัยเป็นมิตรแบบคนบราซิล เขาจึงสนิทกับอีก 2 คนได้ง่าย หากจะนับให้เหมือนในละครก็คือ โรนัลโด้ เป็นพี่ใหญ่, นานี่ เป็นพี่รอง และ อันแดร์สัน เป็นน้องเล็ก
นานี่ เล่าว่า การไปอยู่บ้านของ โรนัลโด้ เป็นสิ่งที่ โรนัลโด้ นำเสนอพวกเขาด้วยตนเอง และพวกเขาทั้งคู่ก็เห็นว่าเป็นเรื่องดีมาก ๆ เพราะที่บ้านของ โรนัลโด้ นั้นมีทุกอย่างเท่าที่นักฟุตบอลคนหนึ่งต้องการ โรงยิมส่วนตัว ห้องนอนที่เงียบสนิทเหมาะกับการพักผ่อน เชฟส่วนตัวที่จะช่วยปรุงอาหารดี ๆ ตามหลักโภชนาการ
นอกจากนี้ทั้ง 2 คนก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่รู้จักและคุ้นชินเรื่องชีวิตและความเป็นอยู่ ดังนั้นการเลือกอยู่ภายใต้การดูแลของ โรนัลโด้ ในช่วงสั้น ๆ ถือเป็นอะไรที่เหมาะเจาะกับนักเตะอายุน้อยอย่างพวกเขาทั้งคู่
"โรนัลโด้ เป็นคนยื่นข้อเสนอที่จะให้พวกเราไปอยู่กับเขาก่อน ตัวของผมสนิทกับ โรนัลโด้ อยู่แล้ว ส่วน อันโด้ (อันแดร์สัน) เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่ผมเคยดวลกับเขาตอนที่เขาเล่นกับ ปอร์โต้ และผมรู้ว่าหมอนี่คือนักเตะที่เก่งมาก ทำอะไรได้เยอะจริง ๆ ในสนาม"
"ผมทำความรู้จักกับ อันโด้ ที่ ยูไนเต็ด ด้วยการคุยกันแค่ไม่กี่ประโยค แต่ด้วยนิสัยใจคอเราก็สนิทสนมกันไวมาก ๆ แล้วพวกเราก็เลยย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของ โรนัลโด้ ด้วยกัน" นานี่ กล่าว
ขณะที่ อันแดร์สัน ก็พูดถึงจุดเริ่มต้นว่า "ผมไม่ได้คิดอะไรมากเลย ตอนที่ผมย้ายมาถึงผมก็รีบไปบ้าน โรนัลโด้ ต้องขอบคุณเขา เพราะเขาแทบจะรับเลี้ยงผมเป็นลูกบุญธรรม" จากนั้น อันแดร์สัน ผู้ใช้ชีวิตแบบเจ้าสำราญมาโดยตลอดก็ตาลุกวาวเพราะที่นี่พร้อมทุกอย่างที่เขาต้องการ
"เชื่อไหม ผมกับ นานี่ แทบไม่เคยต้องควักเงินตัวเองออกมาใช้แม้แต่บาท ทุกอย่าง โรนัลโด้ จัดการให้หมด เขาพาเราไปฝึกซ้อม เลี้ยงข้าว มีเชฟทำอาหารให้ มีสระว่ายน้ำทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง มีอ่างจากุชชี่ไว้อาบน้ำ และมีสนามเทนนิสเป็นของตัวเอง"
เหมือนสวรรค์อยู่ตรงหน้าสำหรับเด็กอายุ 18 ปีคนหนึ่ง นี่คือบ้านในฝัน เขาคงจะกินดื่มปาร์ตี้แน่นอนหากมีบ้านของตัวเองเป็นแบบนี้ เพียงแต่ว่าเมื่อพี่ใหญ่ไม่อนุญาต แม้แต่การกินน้ำอัดลมสักกระป๋องก็ยังเป็นเรื่องต้องห้าม
โรนัลโด้ จริงจังกับทั้งคู่มาก อยากให้เด็ก ๆ ทั้ง 2 ของเขาปรับตัวให้เร็ว ทำร่างกายให้ดี และใช้ชีวิตอย่างมืออาชีพ ดังนั้นเขาจึงลากทั้งคู่มาใช้ชีวิตในแบบเดียวกับเขาที่ต้องเป๊ะทุกอย่าง
"คุณเชื่อมั้ยล่ะ ทีมจะเริ่มซ้อมตอน 09.30 น. แต่บางครั้งพวกเรา 3 คนแหกขี้ตาตื่นกันไปซ้อมที่สโมสรเร็วกว่าเวลามาก เพราะ โรนัลโด้ จะต้องไปถึงสนามซ้อมตอน 06.30 น. แล้วมันจะเหลือเหรอ เราก็ต้องนั่งรถไปกับเขาด้วยนั่นแหละ"
"พอมาถึงสโมสร โรนัลโด้ ก็ลุยซ้อมเลย ส่วนผมกับ นานี่ น่ะเหรอ เราไปอู้กันที่โซนเตียงนวด รอจนกว่าทุกคนจะมากันพร้อมและการซ้อมจะเริ่มขึ้นนั่นแหละ" อันแดร์สัน กล่าว
1 ปีในบ้านปีศาจ
นานี่ เล่าว่าการไปอยู่กับ โรนัลโด้ ทำให้เขาได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ โดยเฉพาะเรื่องการดูแลตัวเองและการออกกำลังกาย แม้ปกติจะไม่ใช่คนแบบนั้น เขาและ อันแดร์สัน อาจจะไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้มากนัก แต่พวกเขาก็ต่างรู้ดีว่า โรนัลโด้ ทำแบบนี้เพราะอะไร
1 ปีแรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งคู่แจ้งเกิดทันที นานี่ กลายเป็นปีกที่เก่งระดับแถวหน้าของลีก และเป็นเจ้าของฉายา "นิว โรนัลโด้" ขณะที่ อันแดร์สัน แม้จะอายุแค่ 18 ปี แต่หากยังจำกันได้ ในขวบปีนั้น เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เขาดวลกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อย่างถึงพริกถึงขิงในเกมแดงเดือดกับ ลิเวอร์พูล เขาดวลกับอัจฉริยะกองกลางอย่าง เชส ฟาเบรกาส ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ นั่นแหละคือ 1 ปีในบ้านปีศาจที่พวกเขา กิน อยู่ และใช้ชีวิตคล้าย โรนัลโด้ (แต่ไม่เข้มข้นเท่า)
"บางทีผมกับ นานี่ นึกครึ้มอยากกินพิซซ่า อยากเล่นเกม อยากออกไปเที่ยว แต่โรนัลโด้บอกให้กินสลัด ดื่มน้ำเปล่า แล้วก็นอนเร็ว ซึ่งเรายินดีทำ เขาเป็นเหมือนครูใหญ่" อันแดร์สัน ยอมรับว่า โรนัลโด้ ได้ดัดนิสัยบางอย่างของพวกเขาทั้งคู่
ทั้งคู่ยอมรับว่าช่วงแรก ๆ มันเครียดและกดดัน แต่สุดท้ายก็เรียนรู้เรื่องระเบียบวินัยจาก โรนัลโด้ และเห็นชัดว่าทำไมเขาถึงก้าวไปถึงจุดสูงสุดได้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือในฤดูกาล 2007-08 ปีศาจแดง คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก กับแชมป์ยุโรป และหลังจากนั้น โรนัลโด้ ก็คว้ารางวัลบัลลงดอร์สมัยแรกของตัวเองได้สำเร็จ
จากนั้นทั้ง 3 คนก็แยกย้ายกัน หลังจากที่ นานี่ และ อันแดร์สัน ปรับตัวได้แล้ว พวกเขาก็ย้ายออกไปหาที่อยู่เอง ซึ่งทั้งคู่ต่างพูดตรงกันว่าไม่มีความบาดหมางเกิดขึ้น พวกเขายังคงสนิทสนมกันเหมือนเดิม ส่วนเรื่องอาชีพ ต่างคนก็ต่างโตขึ้นและต้องรับผิดชอบเส้นทางของตัวเอง
เรื่องของ โรนัลโด้ เราไม่ต้องพูดถึงกันแล้ว เพราะเราต่างรู้ดีว่าการดูแลตัวเองและโฟกัสกับหน้าที่นักฟุตบอลของเขานับวันยิ่งเข้มข้นขึ้น ส่วน นานี่ และ อันแดร์สัน นั้นก็มีวิถีของตัวเอง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาไม่ได้เข้มข้นเท่า และมันก็สะท้อนผ่านอาชีพของพวกเขาด้วย
นานี่ นั้นไม่ได้แย่อะไรมากมายนัก เขายังตั้งใจออกกำลัง และพัฒนาตัวเองในแบบของเขา ส่วนคนที่แยกออกไปแล้วแย่ลงคงเป็น อันแดร์สัน ที่เป็นคนชอบปาร์ตี้ ดื่มกินตามใจปาก จนกระทั่งอาชีพของเขาจบลงไม่สวยนัก แม้มันจะเริ่มต้นอย่างยอดเยี่ยมก็ตาม
"ถ้าผมมีความคิดแบบ CR7 แค่สัก 5% เท่านั้น ผมคิดว่าคงติดอันดับ 1 ใน 20 กองกลางที่ดีที่สุดในตอนนั้น ความเป็นบราซิลในตัวเรามันรบกวนใจผมมาก ... มันทำให้ผมคิดว่าเราชนะทุกอย่างแล้วและทุกอย่างก็จบลงแล้ว ไม่อยากได้อะไรมากกว่านี้อีก" อันแดร์สัน เปิดใจหลังต้องแขวนสตั๊ดก่อนวัยอันควรในปี 2020 ก่อนที่ นานี่ จะแขวนสตั๊ดในปี 2024 ขณะที่พี่ใหญ่ของเขาอย่าง โรนัลโด้ ยังโลดแล่นบนเส้นทางอาชีพอย่างแข็งแกร่ง
สุดท้ายคนที่พูดถึงทั้ง 2 คนได้ดีที่สุดคือ โรนัลโด้ ซึ่ง โรนัลโด้ พูดถึง นานี่ ว่า "เป็นนักเตะพรสวรรค์สูงมาก แต่บางครั้งเขาชอบเล่นสนุกเกินไป ผมก็บอกเสมอว่า ถ้าโฟกัสจริงจังมากขึ้น เขาจะไปได้ไกลกว่านี้"
ส่วน อันแดร์สัน โรนัลโด้ อธิบายว่า "อันแดร์สัน เป็นคนตลกมาก เวลาอยู่ในบ้านเขามักจะทำให้ทุกคนหัวเราะ แต่ในสนามเขามีคุณภาพนะ เพียงแค่เขาไม่ได้จริงจังกับเรื่องระเบียบวินัยเหมือนผม"
"แต่อย่างไรเสีย ผมดีใจมากที่พวกเขามาอยู่ที่บ้านของผมนะ ชีวิตของผมคงจะน่าเบื่อแน่ถ้าอยู่คนเดียวตลอดเวลา … นานี่ กับ อันโด้ ทำให้บ้านหลังนี้ของผมมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง"
บ้านหลังนี้ช่วยให้พวกเขากลายเป็นนักเตะที่ดีได้ในช่วงเวลาหนึ่ง และพวกเขาทั้ง 3 คนต่างมีความสุขและความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน
เพียงแต่ว่าทุกคนต่างมีชีวิต เส้นทาง และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ผิดเลยที่ใครคนหนึ่งจะรักความสะดวกสบาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อเลือกจะทำอะไรสักอย่างแล้ว คุณก็ต้องพร้อมรับผลลัพธ์ที่ตามมาด้วย
แหล่งอ้างอิง
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/cristiano-ronaldo-manutd-anderson-nani-32036241
https://www.manutd.com/en/news/detail/utd-podcast-nani-remembers-living-and-playing-with-cristiano-ronaldo
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-13034563/Anderson-describes-Cristiano-Ronaldos-adopted-Nani-arrived-Man-United.html
https://www.theplayerstribune.com/articles/luis-nani-orlando-city-soccer