Feature

เบอร์ 9 กลับมาฮิต : เปิดปัจจัยที่ทำให้ "กองหน้าแท้ ๆ" เป็นเทรนด์ที่ทุกทีมต้องมี | Main Stand

กองหน้าตัวเป้า กลายเป็นตำแหน่งนักเตะที่แต่ละทีมควานหากันวุ่นวายเป็นอย่างมากในตลาดซื้อขายซัมเมอร์ปี 2025 

 

ณ ตอนนี้มีนักเตะตำแหน่ง "เบอร์ 9" หลายคนที่เปิดตัวกับต้นสังกัดใหม่แล้ว และหลายคนกำลังมีข่าวอย่างหนาหู ทั้ง ๆ ที่ย้อนกลับไป 5 ปีก่อน กองหน้าหลายคนต้องเปลี่ยนไปเล่นสไตล์ "False 9" หรือเป็นตัวป้อนและพักบอลให้ตัวรุกด้านข้างสอดเข้ามาทำหน้าที่ตัวจบสกอร์แทนอยู่เลย 

การเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาอันรวดเร็วนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?  ติดตามกับ Main Stand 

 

หมดยุคเก่า ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่

ต้องยอมรับว่าในช่วงเกือบ 20 ปีหลังมาของวงการฟุตบอล มันคือยุคของผู้เล่นตำเเหน่งอื่นที่ไม่ใช่ตำแหน่งของกองหน้าตัวเป้าโดยธรรมชาติอย่างเเท้จริง 

ถ้าเราลองมองไปดูที่รายชื่อผู้ชนะรางวัล บัลลงดอร์ ในเเต่ละปี จะพบว่ากองหน้าตัวจบสกอร์โดยธรรมชาติที่ได้รางวัลนี้คนล่าสุด นอกจาก คาริม เบนเซม่า ที่ได้รางวัลนี้ในปี 2022 ก็ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2004 ที่ อังเดร เชฟเชนโก้ สามารถพา เอซี มิลาน เป็นเเชมป์ กัลโช่ เซเรียอา ในปีนั้น เเละคว้าบัลลงดอร์ไปครอง 

 

เเละหลังจากนั้นมา มันกลายเป็นยุคของสองตำนานที่ดีที่สุดของวงการฟุตบอลคู่หนึ่งที่ขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ เเละ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทั้งสองคนกลายเป็นไอดอลของเด็กทั่วโลก เเฟนบอลต่างมักจะเอาสองคนมาเปรียบเทียบกันเสมอ เเละที่สำคัญทั้งสองคนไม่ได้เล่นในสไตล์กองหน้าตัวเป้า

อย่างที่เราทราบกันว่า ลิโอเนล เมสซี่ คือ จอมทัพอย่างเเท้จริง เขาคือเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่วงการฟุตบอลเคยมีมา เวลาได้ขยับไปเล่นตำเเหน่งกองหน้าตัวเป้า มักจะทำหน้าที่ในรูปแบบของกองหน้าตัวหลอก (False 9) เสียมากกว่า ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถึงเเม้ในช่วงหลัง ๆ เขาจะหันมาเล่นในตำเเหน่งกองหน้าตัวเป้า เเต่ตำเเหน่งที่ทำให้เขาเเจ้งเกิดเเละมักจะทำได้คือ กองหน้ากึ่งปีก (Inside Forward) 

พวกเขาสองคนได้กลายเป็นไอดอลของนักฟุตบอลทั่วโลกในช่วงเวลาเกือบ 20 ปี เเละมันส่งผลโดยตรงต่อการเล่นฟุตบอลของเด็กในยุคนั้น เด็กส่วนใหญ่เติบโตมาด้วยความต้องการที่อยากเล่นฟุตบอลสองสไตล์นั้นตามไอดอลทั้งสองคนเสียมากกว่า ทำให้สไตล์ของกองหน้าตัวเป้าโดยธรรมชาติถูกลืมเลือนไปสักพัก

นอกจากเรื่องของความนิยมแล้ว เรื่องนี้ยังไปแตะถึงเรื่อง "วิวัฒนาการทางแท็คติก" ของฟุตบอลในระดับโลกช่วงปี 2010–2020 โดยเฉพาะในเรื่อง การลดบทบาทของ "กองหน้าหมายเลข 9 แบบดั้งเดิม" (Traditional No.9) หรือที่เรียกว่า "กองหน้าตัวเป้าคลาสสิก" คนที่ยืนค้ำหน้า, แข็งแรง, จบสกอร์ในกรอบเขตโทษเป็นหลัก เช่น อังเดร เชฟเชนโก้, เฟร์นานโด ตอร์เรส, ดิดิเยร์ ดร็อกบา, หรือ มาริโอ โกเมซ เริ่มไม่มีนักเตะในสไตล์คล้าย ๆ กันก้าวขึ้นมามากนัก 

เหตุผลก็เพราะฟุตบอลห้ำหั่นกันในแดนกลางมากขึ้น เกมเดินทางจากหลังไปหน้าอย่างรวดเร็ว วิ่งไล่กวดเพื่อแย่งฟุตบอลกลับมาครองกันตลอดทั้งเกม ดังนั้นการปูพรมบุกตลอดทั้งเกมแบบยุคก่อน ๆ ที่ใช้กองหน้าเบอร์ 9 พักบอล กลายเป็นเรื่องตกยุค เพราะเบอร์ 9 มักเป็นตำแหน่งที่ได้สัมผัสบอลน้อย มีส่วนร่วมกับเกมในบริเวณนอกกรอบเขตโทษไม่มากนัก 

ซึ่งจุดนี้ทำให้หลายทีมเลือกใส่กองหน้าในสไตล์ที่แตกต่างออกไปลงมาแทน เป็นคนที่มีส่วนร่วมในการต่อเกม เป็นตัวล่อเป้าให้กองหลังฝั่งตรงข้ามเสียตำแหน่ง เหมือนที่ ลิเวอร์พูล ใช้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เปิดทางให้ โม ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ เป็นคนทำหน้าที่จบสกอร์หลักของทีม 

 

Half space ถูกปิดตายมากขึ้น

อย่างที่เราทราบกันว่า ก่อนหน้านี้มันเป็นยุคของกองหน้ากึ่งปีก ทีมส่วนใหญ่หันมาใช้งานผู้เล่นในลักษณะนี้มากขึ้น พวกเขามักจะสอดเเทรกขึ้นไปทำประตูได้ในพื้นที่บริเวณ "Half space"

Half Space คือ ช่องว่างระหว่างเซ็นเตอร์แบ็กกับแบ็ก (ฟูลแบ็ก, วิงแบ็ก) ของฝั่งตรงข้าม ลองนึกภาพสนามฟุตบอลแบ่งแนวรุกออกเป็น 5 ช่อง ได้แก่ 1. ริมเส้นซ้าย 2. ช่องระหว่างริมเส้นกับกลาง (นี่แหละ Half Space ด้านซ้าย) 3. กลางสนาม 4. Half Space ด้านขวา 5. ริมเส้นขวา (ตัวอย่างในรูปด้านล่าง)


Photo : coachesvoice.com

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน ก็คงจะเป็น โม ซาลาห์ และอีกหลายทีมที่ไม่ได้กล่าวถึง ที่พวกเขามีปีกตัวทีเด็ดเป็นตัวจบสกอร์หลัก 

สิ่งนี้ทำให้หลาย ๆ ทีมที่ต้องรับมือกับผู้เล่นเหล่านี้เริ่มคิดค้นวิธีการรับมือในการป้องกันพื้นที่ตรงนี้ให้มากขึ้น ทำให้การจะเจาะพื้นที่ตรงนี้ทำได้ยากขึ้น ต้องกลับไปสู่วิธีการเล่นเเบบดั้งเดิม คือ ให้ปีกออกไปเล่นด้านกว้าง เเละใช้ความสามารถเฉพาะตัวเอาชนะในการดวลหนึ่งต่อหนึ่งเเละสร้างพื้นที่ว่างขึ้นมา ส่วนพื้นที่ตรง Half space ให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นเเทน ดั่งเช่นแผนการเล่นของ เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ อาร์เซน่อล ในปัจจุบัน 

เรามักจะเห็น บูกาโย่ ซาก้า หรือ ซาลาห์ มีพื้นที่ได้ดวลหนึ่งต่อหนึ่งในพื้นที่ด้านกว้างทางฝั่งขวาของสนามมากกว่า ส่วนพื้นที่ข้างในเป็นของกองหน้าเเละกองกลางตัวรุกที่สอดขึ้นมาเล่นกรอบเขตโทษ 

ในเมื่อปีกไม่ได้เล่นในพื้นที่อันตรายอีกเเล้ว มันก็ทำให้หน้าที่ในการยิงประตูให้กับทีม กลับไปเป็นของกองหน้าตัวเป้าเเทน เป็นเหตุผลให้หลาย ๆ ทีมเริ่มมาใช้งานตัวจบสกอร์โดยธรรมชาติในตำเเหน่งนี้มากขึ้น เเละถ้าหากเราลองมองย้อนกลับไปในอดีตจะพบว่า สูตรสำเร็จของการเป็นยอดทีม อย่างน้อยคุณต้องมีสไตรเกอร์อยู่ในทีม

และเมื่อคุณสำรวจยอดทีมในยุโรปตอนนี้ ต่อให้พวกเขาจะมีปีกที่อันตราย ยิงประตูได้เยอะแค่ไหน พวกเขาก็ต้องมีเบอร์ 9 ธรรมชาติเขามาสร้างความแตกต่างของเกม และทำให้ทีมสามารถปรับเล่นแท็คติกที่หลากหลายมากมาย สามารถสร้างวิธีการโจมตีที่แตกต่างกันออกไปให้เหมาะสมตามกลยุทธ์ของกุนซือ โดยเฉพาะในยุคที่แท็คติกเริ่มหาทางเจาะเกมรับในแนวลึกมากขึ้น ทุกทีมล้วนต้องการ "ตัวจบสกอร์เฉพาะทาง" ... และนั่นทำให้ เทรนด์ของการใช้กองหน้าเบอร์ 9 กลับมาอีกครั้ง

 

เบอร์ 9 ของแท้ "ยังไม่ตาย" 

ในยุคที่ปีกยิงประตูกันกระจุยกระจาย สิ่งหนึ่งที่ยังบอกว่านักเตะตำแหน่งกองหน้าแบบดั้งเดิมยังคงไม่หายไป เพียงแต่ว่าพวกเขาต้องเพิ่มเติมคุณสมบัติให้เหมาะกับฟุตบอลสมัยใหม่มากขึ้น 

กล่าวคือเบอร์ 9 ไม่สามารถรอยิงประตูได้อยู่แล้ว พวกเขาต้องพักบอลได้ มีส่วนร่วมในการต่อเกมรุก และเป็นคนแรกที่มีส่วนในการไล่บอลเพื่อเริ่มเล่นเกมรับตั้งแต่แดนสุดท้าย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยุทธศาสตร์สำหรับการเพรสซิ่งในฟุตบอลยุคปัจจุบัน

การจะทำทุกอย่างได้ครบทั้งหมดตามที่กล่าวมาเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง และทำให้เบอร์ 9 ที่เล่นแบบนี้ได้เหลือแค่ไม่กี่คนเท่านั้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา อาทิ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, คาริม เบนเซม่า และ แฮร์รี่ เคน 

ทั้ง 3 คนนี้ทำหน้าที่ได้อย่างครอบคลุม และทีมไหนที่มีกองหน้าที่ทำตามจ็อบลักษณะนี้ได้ พวกเขาก็จะมีความอันตรายในพื้นที่สุดท้ายมากขึ้น และมีความหลากหลายในเกมรุกมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวรุกริมเส้นโจมตีจากพื้นที่ Half Space เป็นหลักอีกแล้ว 

แม้เบอร์ 9 ในยุคนี้หลายคนอาจจะยังไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับ เลวานดอฟสกี้, เบนเซม่า หรือ เคน แต่หลายคนก็มีคุณสมบัติที่เป็นเทรนด์ของฟุตบอลในช่วง 3-5 ปีหลังสุด นักเตะอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์, อเล็กซานเดอร์ อิซัค, วิคตอร์ โยเคอเรส และคนอื่น ๆ ก็ยังคงมีคุณสมบัติเรื่องเป็นกองหน้าที่มีความเร็ว เล่นเกมเพรสซิ่งได้ และมีสรีระที่ได้เปรียบ สามารถเล่นลูกกลางอากาศ และเข้าปะทะในจังหวะการแย่งฟุตบอลกลับมาได้ดี พวกเขาไม่ใช่ No.9 แบบเก่า แต่เป็น "Complete 9" หรือ เบอร์ 9 เวอร์ชันอัปเกรด ที่ไม่ต้องรอยิงอย่างเดียวเท่านั้น 

เรื่องนี้แม้แต่คนที่ให้กำเนิดระบบ False 9 อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ยังต้องเปลี่ยนวิธีการทำทีมด้วยการดึง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวจบสกอร์ และ เป๊ป เองก็เคยพูดเองว่า การมีกองหน้าทำให้เขาลดความหมกมุ่นกับการโจมตีพื้นที่ Half space กว่าแต่ก่อน 

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ของ แมนฯ ซิตี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ให้ทั้งโลกเห็นเเล้วว่า ถ้าคุณมีเพชฌฆาตอยู่ในทีม พื้นที่ในกรอบเขตโทษทั้งหมดสามารถเป็นพื้นที่อันตรายได้ทั้งนั้น เขาสามารถจบสกอร์ได้ทุกท่า เเละสองเท้า หรือเเม้กระทั่งลูกโหม่ง การย้ายมา เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ เเละ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมของเขา มันกลายเป็นเเบบอย่างให้หลาย ๆ ทีมเริ่มกลับมาสนใจในวิธีการเล่นเเบบมีกองหน้าเบอร์ 9 โดยธรรมชาติอีกครั้ง

เพียงแต่ว่า เบอร์ 9 ในยุคนี้มีข้อเรียกร้องมากมายสำหรับใครก็ตามที่จะเข้ามาเล่นในตำแหน่งนี้ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมกองหน้าตัวเป้าหลายคนในยุคนี้ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในตลาดซื้อขายจึงเป็นนักเตะที่มีราคาแพงมากในราคาแตะ ๆ 100 ล้านยูโรกันแทบทั้งหมด

เพราะนักเตะคนหนึ่งที่แข็งแรง สรีระได้เปรียบ รวดเร็ว ทักษะในการจบสกอร์เฉียบคม มีเซ้นส์ฟุตบอลสูงสำหรับการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม และมีทัศนคติที่ดีในการเล่นเกมรับ มันไม่ได้หากันง่าย ๆ ... ดังนั้นถ้าแต่ละสโมสรได้เจอกับนักเตะเหล่านี้ที่ตอบโจทย์ คุณจึงไม่ต้องแปลกใจที่พวกเขาจะทุ่มเงินไม่อั้น เพื่อให้ได้คนที่สร้างความแตกต่างและมีอิมแพ็กต์ที่สุดในแดนหน้าเหล่านี้มาร่วมทีม 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.skysports.com/football/news/11661/10815938/why-premier-league-coaches-are-obsessed-with-the-half-spaces
https://www.marca.com/en/football/real-madrid/2020/05/16/5ec05533268e3eac098b45aa.html
https://www.thehighlightsapp.com/blog/strikers-in-soccer
https://www.sportskeeda.com/football/what-number-nine-forward-still-exist

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ