Feature

นิโคลัส แจ็คสัน : เมื่อระบบและนโยบายซื้อ-ขาย ทำเขากลายเป็นแข้งเนื้อหอม | Main Stand

แม้ นิโคลัส แจ็คสัน จะไม่ใช่กองหน้าที่แฟน ๆ เชลซี โปรดปรานนักจากผลงานที่ฝากไว้ แต่ ณ ตอนนี้เขากลับเป็นแข้งเนื้อหอมที่หลายทีมพัวพันมีข่าวด้วย ไม่ว่าจะเป็นทีมจากพรีเมียร์ลีก, เซเรีย อา หรือแม้แต่ในซาอุดีอาระเบีย 

 


บนความเป็นกองหน้าตัวมีม อาการเนื้อหอมของ แจ็คสัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เรื่องนี้มันถูกตีกรอบเอาไว้ด้วยระบบการซื้อ-ขายนักเตะของ เชลซี และรูปแบบการเล่นที่กำลังเป็นที่นิยมในโมเดิร์นฟุตบอล 

เรื่องราวทั้งหมดมีดังนี้ 

 

นโยบาย เชลซี ที่ไม่เหมือนใคร 

นับตั้งแต่ย้ายจาก บียาร์เรอัล มาอยู่กับ เชลซี ด้วยราคา 32 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2023 แจ็คสัน ก็กลายเป็นตัวเลือกหมายเลข 1 ในแดนหน้าของ เชลซี มาโดยตลอด เนื่องจากคู่แข่งในตำแหน่งเดียวกันไม่มีใครอยู่ในระดับที่ทานทนเกมระดับสูงได้ ไม่ว่าจะเป็น มาร์ค กิว, อาร์มันโด โบรย่า และกองหน้าดาวรุ่งคนอื่น ๆ 

2 ฤดูกาลที่ผ่านมา แจ็คสัน ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกให้ เชลซี 65 เกม ยิงไป 24 ประตู นั่นคือตัวเลขที่ไม่เลวนัก ทว่าในสายตาของคนที่ดูเกมของ เชลซี มาอย่างต่อเนื่องหลายคนเชื่อว่า แจ็คสัน ควรจะมีสถิติที่ดีกว่านี้จากโอกาสที่เขาได้รับ และโอกาสที่เพื่อนร่วมทีมสร้างให้ 

เรื่องนี้เองเชื่อว่าแม้แต่กุนซืออย่าง เอ็นโซ่ มาเรสก้า และทีมหลังบ้านของ เชลซี ก็เห็นตรงกัน เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่เสริมนักเตะในตำแหน่งกองหน้าเบอร์ 9 เข้ามาพร้อม ๆ กันถึง 2 คนภายในช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ทั้ง เลียม ดีแลป และ เจา เปโดร ที่มีราคารวมกันราว 90 ล้านปอนด์ 

การเสริมทัพแสดงให้เห็นว่า เชลซี พร้อมจะปล่อย แจ็คสัน ออกจากทีม ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นหนึ่งในนโยบายการซื้อ-ขาย ที่ยืดหยุ่นแบบสุดของ เชลซี ... ที่พวกเขาเชื่อว่าถ้าไม่ใช่นักเตะที่ดีที่สุดในทีม พวกเขาพร้อมจะขายทุกคนเมื่อถึงเวลา และได้ราคาที่เหมาะสม 

เชลซี เป็นทีมที่มีนโยบายซื้อขายเพื่อความยั่งยืนในระยะยาวสำหรับทั้งในสนามและเรื่องการเงินของสโมสร นับตั้งแต่ที่กลุ่มทุน BlueCo จากสหรัฐอเมริกาเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2022 ก็ใช้กฎ "U25" เป็นหลัก กล่าวคือซื้อนักเตะอายุน้อยกว่า 25 ปี และเลือกนักเตะที่ยังไม่ดังมาก พร้อมรับค่าเหนื่อยในระดับกลาง ๆ แต่เซ็นสัญญากันในระยะยาว 6-8 ปี 

นโยบายดังกล่าวถูกใช้มาตลอดและเพิ่งมาเปลี่ยนในตลาดซื้อขายครั้งนี้ เพราะเชื่อว่าบางครั้งทีมก็ต้องการนักเตะที่อายุมากกว่า 25 ปี เพิ่มเสริมประสบการณ์ และทำให้เกิดความสมดุลในทีมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักเตะอายุน้อยยังเป็นเป้าหมายหลัก ส่วนกลุ่มนักเตะที่อายุเกิน 25 ปี จะเป็นการซื้อสำหรับตำแหน่งที่ต้องการเรื่องประสบการณ์เป็นสำคัญ ได้แก่ ผู้รักษาประตู หรือ เซ็นเตอร์แบ็ก 

มีนักเตะในช่วงอายุของดาวรุ่งมากมายหลายคนย้ายมาอยู่กับ เชลซี แต่บางคนกลับแทบไม่มีโอกาสลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เลย นักเตะในกลุ่มนี้มักจะถูกเรียกว่า "กลุ่มที่ไม่ผ่านการประเมิน" และอายุเริ่มจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะถูกปล่อยออกจากทีม ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะได้ราคาที่แพงกว่าตอนซื้อมา เนื่องจาก เชลซี ใช้ระบบส่งนักเตะเหล่านี้ออกไปยืมตัวตามสโมสรต่าง ๆ ให้นักเตะมีโอกาสได้ลงเล่น ได้โชว์ฝีเท้าและเติมเต็มพัฒนาการของพวกเขา แม้จะไม่ได้เล่นชุดใหญ่ให้กับทีมก็ตาม 

ในรายของ แจ็คสัน เขาไม่ใช่นักเตะที่ไม่ผ่านเกณฑ์ เป็นรูปแบบที่แตกต่างออกไป เพียงแต่การซื้อขายที่ยืดหยุ่นมากขึ้นทำให้ เชลซี ต้องขยับอยู่ตลอด เมื่อมีคนใหม่อย่าง เจา เปโดร และ ดีแลป เข้ามา ทำให้อาจจะต้องมีการเปลี่ยนสถานะของ แจ็คสัน ที่อาจจะต้องตกไปเป็นกองหน้าเบอร์ 3 ของทีม ถ้าวัดจากฟอร์มของ เปโดร และ ดีแลป ในศึกสโมสรชิงแชมป์โลก ที่ทั้งคู่มาถึงแล้วก็โดดเด่นทันที 

แม็ต ลอว์ ผู้สื่อข่าวของ The Telegraph ยืนยันเรื่องนี้ว่า "เชลซี ไม่ได้ปักป้ายและเร่ขาย แจ็คสัน ให้กับสโมสรอื่น ๆ พวกเขาไม่ได้มองว่าแจ็คสันเป็นนักเตะที่ไร้ความสามารถ เพียงแต่พวกเขาพร้อมจะพิจารณาหากมีข้อเสนอเข้ามาถึง แจ็คสัน" และบังเอิญว่า แจ็คสัน ก็ไปเข้าตาทีมอื่น ๆ เสียด้วย 

 

สุกงอมก็พร้อมขาย

ในรายของ แจ็คสัน นั้นเรื่องมันคล้าย ๆ กับที่ เชลซี ขาย โนนี่ มาดูเอเก้ ให้กับ อาร์เซน่อล นักเตะทั้ง 2 คนนี้อาจจะถูกมองว่าไม่ได้สร้างผลงานในระดับมาสเตอร์พีซเมื่ออยู่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่อย่างไรเสียสิ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้คือ พวกเขาไม่ใช่นักเตะที่แย่ไปเสียทั้งหมด อย่างน้อย ๆ ทั้งคู่ได้ลงเล่นในเกมระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และแทบจะถูกเรียกว่าเป็นตัวหลักของทีมชุดใหญ่ได้เลยด้วยซ้ำ 

แจ็คสัน นั้นพัฒนาขึ้นและมีมูลค่ามากกว่าที่เชลซีจ่ายไปให้กับ บียาร์เรอัล เพื่อคว้าตัวเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ณ ตอนนี้จากนักเตะที่ซื้อเข้ามา 32 ล้านปอนด์ แจ็คสัน กลายเป็นนักเตะที่มีมูลค่าโดยประเมินอยู่ที่ราว ๆ 55-60 ล้านปอนด์ ... สำหรับกองหน้าที่อายุแค่ 24 ปี มีความเร็ว ความแข็งแรง และเล่นในพรีเมียร์ลีกหรือเกมใหญ่ ๆ มามากมาย นี่ไม่ใช่ราคาที่เว่อร์เกินจริง ในยุคที่ทีมท้ายตารางอย่าง ซันเดอร์แลนด์ ลีดส์ หรือ เบิร์นลี่ย์ ซื้อนักเตะที่แฟนบอลแทบไม่รู้จักเข้ามาเสริมทัพด้วยเงินราคา 30 ล้านปอนด์ 

ประกอบกับช่วงซัมเมอร์นี้ เป็นช่วงเวลาที่นักเตะในตำแหน่งกองหน้าเป็นที่ต้องการตัวเป็นพิเศษ หลายสโมสรมองหานักเตะตำแหน่งนี้มาเสริมทัพทั้ง ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, แมนฯ ยูไนเต็ด หรือแม้กระทั่งทีมอย่าง แอสตัน วิลล่า ที่อาจจะขายกองหน้าอย่าง โอลลี่ วัตกินส์ ออกจากทีม ไม่แปลกเลยที่ทีมเหล่านี้ล้วนเป็นทีมที่มีชื่อพัวพันกับ แจ็คสัน มาแล้วทั้งนั้นในตลาดครั้งนี้ 

นโยบายของ เชลซี ในยุค BlueCo เป็นเช่นนั้นเสมอ พวกเขาพร้อมขายนักเตะทุกคนในทีม และการขาย แจ็คสัน หรือ แม้แต่ มาดูเอเก้ อาจจะถูกมองว่าเป็นการยอมรับความล้มเหลว ซื้อมาแล้วปั้นไม่ขึ้นแบบที่หวัง แต่สำหรับ เชลซี พวกเขามองเรื่องนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง 

เชลซียินดีที่จะปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นทั้งขาเข้า-ออก หากพวกเขารู้สึกว่ามันจะช่วยให้ทีมพัฒนาได้ แม็ตต์ ลอว์ ถึงกับบอกว่า "พวกเขาลดทิฐิลงทั้งหมด ละทิ้งความภาคภูมิใจ หรือมองใครเป็นคู่ปรับหรือคู่แค้นที่ไม่สามารถซื้อขายนักเตะกันได้ ... หากพวกเขาสามารถขาย แจ็คสัน ออกจากทีมได้ สโมสรจะไม่หยุดแค่นี้ พวกเขาจะเสริมทัพเพื่อเข้ามาทดแทนทันที เพราะปีนี้พวกเขาวางแผนไว้ว่าทีมจะต้องมีผู้เล่นเกมรุกในทีมชุดใหญ่เพื่อหมุนเวียนให้ได้อย่างน้อย 9 คน" 

จะเห็นได้ว่า แจ็คสัน มีค่าเหนื่อยที่ไม่แพงมากนัก อยู่ในระดับที่ทีมกลาง ๆ หรือระดับหัวตารางของพรีเมียร์ลีกจ่ายได้สบาย ๆ (ราว 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์) ... ยิ่งในสภาวะที่ตลาดซื้อขายนักเตะกองหน้าระดับท็อป ล้วนมีค่าตัวระดับ 80-100 ล้านยูโร พ่วงกับค่าเหนื่อยอีกระดับ 150,000-250,000 ปอนด์ ดังนั้น แจ็คสัน จึงเป็นตัวเลือกที่หลายทีมมองไว้ แม้ไม่ใช่เป้าหลักก็ตาม ... และถ้าทีมไหนยื่นข้อเสนอเข้ามาซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับราคาประเมิน เชลซี ก็พร้อมจะขายเพื่อเอากำไรที่ได้มากกว่าครึ่ง และเอาเงินส่วนนี้ไปเสริมทัพใหม่ให้แกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิมทันที จะพูดได้ว่า การขาย แจ็คสัน ออกจากทีม เป็นข้อดีมากกว่าข้อเสียสำหรับ เชลซี ก็คงไม่ผิดนัก 

 

นักเตะทุกคนล้วนมีดี 

แม้ แจ็คสัน จะโดนล้อเลียนในลักษณะ "กองหน้าตัวมีม" แต่ความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่านักเตะที่ลงเล่นในระดับพรีเมียร์ลีกอย่างต่อเนื่อง ล้วนต้องมีข้อดีในตัวเอง และมีความเก่งในแบบเฉพาะ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัว แจ็คสัน เอง 

แจ็คสัน เป็นกองหน้าที่เหมาะกับฟุตบอลยุคใหม่เป็นอย่างมาก แม้จะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นนักเตะที่สามารถทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างรอบด้าน มีสปีดที่ดี มีความแข็งแรงแบบแอฟริกัน มีความดุดันแย่งบอลในแนวรุกเก่ง หาโอกาสยิงประตูได้บ่อยครั้ง แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าข้อเสียของเขาก็ค่อนข้างชัด นั่นคือการจบสกอร์ที่ไม่ค่อยเฉียบขาดนัก นั่นคือสิ่งที่หลายคนเห็น

อย่างไรก็ตาม เขาอายุ 24 ปี และยังพัฒนาเรื่องดังกล่าวได้ ซึ่งถ้าคุณย้อนดูตามตัวเลข เจ้าตัวก็ใช่ว่าจะเป็นกองหน้าสไตล์หมูหกตลอดเวลา ในฤดูกาล 2024-25 เขาพัฒนาเรื่อง Conversion rate (การเปลี่ยนโอกาสการยิงให้เป็นประตู) ได้สูงขึ้นจากฤดูกาล 2023-24 เขาทำไว้ที่ 17.5% แต่ในฤดูกาล 2024-25 เขาเพิ่มสถิติความคมขึ้นเป็น 25% 

นอกจากนี้ในจังหวะสำคัญ ๆ แบบชี้เป็นชี้ตาย (Big-chance conversion) เขาก็พัฒนาเพิ่มจาก 34% เป็น 58% ด้วย

ซึ่งถ้าคุณย้อนกลับเมื่อสัก 3 ปีก่อน เรื่องความคมเป็นเรื่องหนึ่งที่ เชลซี ซื้อ แจ็คสัน มาร่วมทีม เนื่องจากใน ลาลีกา 2022-23 แจ็คสัน คนนี้นี่แหละที่เป็นนักเตะที่ยิงประตูคมที่สุด (29.3%)ในกลุ่มนักเตะที่มีโอกาสยิงประตูมากกว่า 25 ครั้งตลาดซีซั่น 

ถ้าเขาเป็นคนมีของอยู่ในตัว เรื่องแบบนี้ก็สามารถเปลี่ยนกันได้ นักเตะบางคนเปลี่ยนทีม เปลี่ยนโค้ช เปลี่ยนแท็คติก ก็กลายเป็นคนที่เก่งกาจขึ้นได้แบบไม่น่าเชื่อ ยกตัวอย่างเช่น โรเมลู ลูกากู ที่ยิงแหลกในมือของ อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นต้น ... ของแบบนี้มันขึ้นอยู่ว่าเคมีระหว่างนักเตะ ทีม และโค้ช มันตรงกันหรือไม่ แม้ที่สุดแล้ว แจ็คสัน อาจจะยิงไม่มากนักกับ เชลซี แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าเขาจะตีนบอดสนิทเช่นนี้เมื่อย้ายไปเล่นให้ทีมอื่น 

ถ้าแจ็คสัน แก้ไขเรื่องการยิงประตู และสมาธิได้ ทุกอย่างจะดูดีขึ้นมาก จากสถิติต่าง ๆ ที่บอกว่าเขาเป็นนักเตะที่เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งได้ดี มีส่วนร่วมในการทำแอสซิสต์เสมอ และยังเป็นกองหน้าที่พร้อมจะวิ่งไล่บอลในฐานะผู้นำเพรสซิ่ง เหมาะกับแทบทุกทีมในโลกฟุตบอลปัจจุบัน 

การซื้อแจ็คสัน มีความเสี่ยงแน่นอนจากราคาที่ เชลซี เปิดมาที่ราว 60 ล้านปอนด์ แต่ด้วยอายุ 24 ปี ที่เป็นช่วงอายุที่ตรงกับนโยบายการซื้อขายของหลาย ๆ ทีมต้องการสร้างทีมในระยะยาว มันยิ่งทำให้เขาพัวพันกับทีมต่าง ๆ มากมายเหมือนที่เกิดขึ้นในตอนนี้

ในช่วงอายุที่ยังพัฒนาได้อีกมาก เมื่อพิจารณาความสมบูรณ์พร้อมเรื่องความสามารถด้านร่างกาย หากเขาไปอยู่กับโค้ชที่ถูกคน ใช้เขาได้ถูกวิธี ไม่แน่ราคาที่หลายคนบอกว่า "แพง" นี้ อาจจะทำให้ แจ็คสัน ถูกเรียกว่า "ของดีราคาถูก" ก็เป็นได้ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.telegraph.co.uk/football/2025/07/11/chelsea-transfer-policy-player-trading-nicolas-jackson-sale/?recomm_id=fd218161-9624-42d1-b5f7-7900a1537d50
https://www.goal.com/en/lists/man-utd-nicolas-jackson-new-striker-chelsea-forward-considering-future/blt35130cccfdd2ddf6
https://www.everythingchelsea.com/post/why-chelsea-could-consider-selling-nicolas-jackson-matt-law
https://www.rousingthekop.com/2025/07/15/theres-now-one-key-reason-why-liverpool-feel-they-cant-sign-nicolas-jackson-this-summer/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ